Beau Wrigley เศรษฐีพันล้านกำลังสร้างบริษัทกัญชาที่ชื่อ Parallel ของเขาให้ใหญ่กว่าธุรกิจหมากฝรั่งซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว และเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าการเติบโตนี้จะเกิดจากความมึนเมา
ก่อนจะเริ่มลงมือก่อตั้ง Parallel ย้อนไปในปี 2017 เศรษฐีพันล้าน William Beau Wrigley Jr. ได้รับไอเดียจาก Jay Holmes กรรมการผู้จัดการของบริษัทผู้ดูแลกิจการของครอบครัวว่า กัญชาจะเป็นโอกาสการลงทุนใหม่ของบริษัท เขาระงับข้อเสนอนั้นอย่างทันควัน “คุณกำลังล้อผมเล่นใช่ไหม” เขากล่าว “ผมไม่ตื่นเต้นกับการสวมชุดสีส้มและไปจบกันที่คุกหรอกนะ” แต่กระนั้น Wrigley ทายาทของครอบครัวที่ร่ำรวยจากธุรกิจ หมากฝรั่งในตลาดสหรัฐฯ ก็ไม่ปฏิเสธว่า อุตสาหกรรมกัญชาที่ถูกกฎหมายกำลังเติบโตขึ้นนั้นได้ตอบโจทย์เงื่อนไขการลงทุน ให้กับเขาได้ทุกข้อ นั่นก็คือ แนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนไป สภาพแวดล้อมในการควบคุมกัญชาก็กำลังจะพลิกโฉม รวมไปถึงการปรับใช้ประโยชน์จากกัญชานั้นก็ทำได้ในหลากหลายมิติเพื่อการดูแลสุขภาพ
“นี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวบริษัทของ Wrigley พวกเราเป็นคนนำความเบิกบานใจให้กับชีวิตมนุษย์ สิ่งนี้มันยิ่งใหญ่กว่ากันมากๆ” เขากล่าว
Parallel ไม่ได้เป็นบริษัทกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา (Curaleaf จาก Massachusetts เป็นบริษัทกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา) และไม่ได้เป็นบริษัทกัญชาที่ใหญ่ที่สุดใน Florida (ใหญ่ที่สุดในรัฐนี้คือ Trulieve) แต่กระนั้นบริษัทมีกรรมวิธีค่อยๆ สร้างฐานการทำงานขึ้นมา ซึ่งชัดเจนว่ายุทธศาสตร์ของบริษัทนั้นต่างจาก Curaleaf ของเศรษฐีพันล้าน Boris Jordan ที่ประสบสำเร็จจากยุทธศาสตร์เชิงรุก โดยเข้าซื้อกิจการบริษัทเล็กๆ ภายในประเทศ แทนที่จะหาโอกาสในระดับประเทศ Wrigley กลับมุ่งเป้าหมายหลักไปที่ Florida ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น “New York South” เนื่องจากการใช้กัญชาเชิงการแพทย์นั้นถูกกฎหมาย
Florida มีประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 21 ล้านคน และมีผู้มาเยี่ยมเยียนมากกว่า 100 ล้านคนในแต่ละปี Wrigley คาดว่า หลังจากมีการออกกฎหมายให้กัญชาใช้ประโยชน์ในเชิงสันทนาการแล้ว บริษัทของเขาจะเติบโตขึ้นเป็น 10 เท่า “ศักยภาพนั้นมหึมาเพียงแค่ใน Florida” เขากล่าว
มูลค่าที่ซ่อนอยู่ใน Parallel อยู่ในรูปของการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในเชิงการแพทย์และเชิงสันทนาการ บริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรแต่ผู้เดียวกับบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ Eleszto Genetika ใน Budapest ประเทศฮังการีในปี 2019 โดย Eleszto Genetika ได้ทำการเรียงลำดับสารแคนนาบินอยด์ที่หายากด้วยกลไกทางพันธุกรรมผ่านกระบวนการหมักที่มียีสต์เป็นส่วนประกอบและนำผลที่ศึกษาได้เข้าสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ หนึ่งในสินค้าในอนาคตที่ตื่นตาตื่นใจของ Wrigley คือ CBN ซึ่งเป็นสารแคนนาบินอยด์ที่ช่วยทำให้การนอนหลับดีขึ้น
“เรียกมันว่า ยาระงับปวด” เขากล่าว บรอษัทที่ Wringley กำลังก่อตั้งนี้ยังให้ความสนใจใน THCV สารช่วยสร้างความเบิกบานใจเหมือนกับ THC ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในกัญชา แต่เป็นยาระงับความอยากอาหาร ซึ่งหมายถึงไม่มากไปกว่าเป็น “อาหารทานเล่น” เขากล่าวและบอกเพิ่มเติมว่า แนวคิดนี้ได้สร้างสารทดแทนแอลกอฮอล์ที่ปราศจากแคลอรี่ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ไม่ติดมันไปมากกว่ากาแฟ 1 แก้ว และไม่มีผลลัพธ์ข้างเคียงใดๆ เกิดขึ้น “และเออใช่ มันช่วยระงับความอยากของคุณได้”
Wrigley ผู้ใช้สาร THC ไม่กี่หยดจากที่บริษัทผลิตได้ใส่ลงในน้ำมะนาวเพื่อผสมกับน้ำอัดลม LaCroix เพื่อช่วยผ่อนคลายกล่าวว่า สารแคนนาบินอยด์นั้นมีคุณสมบัติช่วยทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่ว่าจะช่วยลดการเจ็บปวด ลดความวิตกกังวล หรือช่วยในการส่งเสริมการนอนหลับในยามค่ำคืนดีขึ้น
Parallel มีบางสิ่งบางอย่างที่บริษัทกัญชาอื่นไม่มีคือชื่อ Wrigley
Morgan Paxhia ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทลงทุนในกัญชาที่มูลค่า 150 ล้านเหรียญจาก San Francisco เชื่อว่า Wrigley ได้เตรียมพร้อมที่จะสร้างบริษัทกัญชาให้ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับจากตลาดในวงกว้าง “มันฝั่งแน่นอยู่ในดีเอ็นเอของพวกเขา” Paxhia กล่าว “ในหลายชั่วคนและการเป็นธุรกิจครอบครัว สิ่งนี้ทำให้พวกเราสร้างแบรนด์ที่มีตำนาน มีชีวิตยืนยาว และเป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ได้”
Wrigley เกิดในตระกูลธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกา William Wrigley Jr. ปู่ที่มีชื่อเหมือนเขาเริ่มก่อตั้งบริษัท William Wrigley Co. ในปี 1891 เพื่อเป็นผู้ผลิตสบู่ แต่ก็เปลี่ยนไปผลิตหมากฝรั่งแบรนด์ Wrigley แทนในปี 1893 บริษัทได้สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และบิดาของ Beau บริหารกิจการจนเสียชีวิตในเดือนมีนาคม ปี 1999 Beau ได้เริ่มงานกับบริษัทช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนเมื่อเขามีอายุ 13 ขวบ และกลายเป็นซีอีโอเมื่ออายุ 35 ปี และเป็นประธานกรรมการวันถัดไปหลังบิดาเขาเสียชีวิต

- ศ.นพ.สิน อนุราษฎร์ นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช ดัน MedPark ทัพหน้าโรงพยาบาลเอกชน
- ธนากร วัฒนวิจารณ์ “SWC” จัดทัพแข่งแบรนด์โลก
- ALEX RODRIGUES วัย 26 ปี ขึ้นแท่นซีอีโอของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีอายุน้อยที่สุด
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2564 ในรูปแบบ e-magazine



