Wang Ning มหาเศรษฐีพันล้านวัย 33 ปี ผู้ก่อตั้ง Pop Mart International Group บริษัทของเล่นรายใหญ่ในจีน มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มสูงขึ้นกว่า 3 เท่าหลังนำธุรกิจเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2020 บริษัทสัญชาติจีนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงปักกิ่งแห่งนี้ ระดมทุนได้มากถึง 674 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังปิดราคาซื้อขายหุ้น IPO ที่ 38.5 เหรียญฮ่องกงต่อหุ้น จากเบื้องต้นที่คาดการณ์ไว้ที่ 31.5 เหรียญฮ่องกง ส่งผลให้มูลค่ากิจการล่าสุดปรับตัวอยู่ที่ 6.9 พันล้านเหรียญ ซึ่งต่อจากนี้ทางบริษัทวางแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการเปิดสาขาและขยายกิจการสู่ต่างประเทศ
ในที่นี้ Forbes ประเมินว่า Wang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 3.2 พันล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่มีมูลค่าอยู่ที่ 1.2 พันล้านเหรียญ ขณะที่มูลค่ากิจการ ณ เวลานั้นมีมูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญ
นักธุรกิจวัย 33 ปีผู้นี้สร้างชื่อเสียงจากการขายของเล่นที่เป็นฟิกเกอร์ของตัวการ์ตูนต่างๆ ในรูปแบบของกล่องปริศนา หรือที่รู้จักกันในชื่อ “blind box” ในราคา 8 เหรียญต่อกล่อง ซึ่งมีความพิเศษตรงที่ลูกค้าจะต้องสุ่มว่าฟิกเกอร์ภายในกล่องที่ซื้อไปเป็นลายอะไร โดยที่ลายแต่ละลายของ Pop Mart ต่างได้รับการออกแบบโดยศิลปินและตัวการ์ตูนที่เป็นลิขสิทธิ์ชื่อดังเพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์ขายของเล่นดังกล่าวจะได้รับความนิยมทั้งเด็กและนักสะสมจำนวนมาก
ล่าสุด เอกสารทางการเงินของทางบริษัท ได้ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีผลประกอบการเติบโตขึ้นร้อยละ 51 คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 817.8 ล้านหยวน (125 ล้านเหรียญ) ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 141.3 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้หน้าร้าน Pop Mart ที่ปัจจุบันมีสาขาอยู่ 136 แห่งทั่วโลกต้องปิดทำการ
โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 นี้ มีสินค้าขายดีที่สุด คือ ตุ๊กตามนุษย์ต่างดาว Dimoo ที่มีทรงผมคล้ายสายไหม ซึ่งได้รับการออกแบบโดย Ayan Tang ศิลปินชาวจีน และครองสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ร้อยละ 14.4 แซงหน้าตุ๊กตายอดนิยมอย่าง Molly ที่ได้ศิลปินชาวฮ่องกงอย่าง Lelly Wong มาร่วมออกแบบ ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ร้อยละ 13.7
ปัจจุบัน Pop Mart จำหน่ายสินค้าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ และภายในสิ้นปี 2022 นี้ ทางบริษัทวางแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 183 แห่งในจีน และเพิ่มจำนวนเครื่องจำหน่ายกล่องปริศนาอัตโนมัติอีก 1,800 เครื่อง
ไม่เพียงเท่านั้น Wang ยังวางกลยุทธ์ที่จะขยายการเติบโตไปยังเกาหลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยคาดว่าในระยะเวลาอีก 2 ปี จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 100 แห่งและเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติอีก 1,000 เครื่องในต่างประเทศ
Wang ก่อตั้ง Pop Mart ขึ้นในปี 2009 หลังจบการศึกษาจาก Zhengzhou University โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก LOG-ON ร้านค้าปลีกที่มีสาขามากมายในฮ่องกง ซึ่งจัดจำหน่ายของใช้มากมาย อาทิเช่น ของเล่น เครื่องสำอาง และเครื่องเขียน เป็นต้น ซึ่งในตอนแรก Wang ก็ได้นำแบบจำลองธุรกิจดังกล่าวมาใช้
แต่ด้วยความที่มีสินค้ามากมายจึงทำให้ Wang ต้องเผชิญกับปัญหามากมายที่ตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการคลังสินค้า พนักงาน ตลอดจนสายพานการผลิต ด้วยเหตุนี้เขาจึง “ค่อยๆ ทยอยตัดสินค้าประเภทอื่นๆ ออกไป จนกระทั่งในปี 2014 จึงเริ่มหันมาให้ความสำคัญเพียงการขายของเล่นเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด”Wang กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Forbes Asia ในเดือนกรกฎาคม 2020
แปลและเรียบเรียงโดยชญาน์นัทช์ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Hong Kong IPO Makes This 33-Year-Old Chinese Toy Tycoon A Billionaire Several Times Over เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: ของเล่นใหม่ของ Francis Choi เศรษฐีพันล้านชาวฮ่องกง