Tran Dinh Long พา Hoa Phat Group สู่ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ของเวียดนาม - Forbes Thailand

Tran Dinh Long พา Hoa Phat Group สู่ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ของเวียดนาม

FORBES THAILAND / ADMIN
05 Sep 2018 | 11:16 AM
READ 10957

การก่อสร้างที่เจริญรุ่งเรือง ปูเส้นทางให้ผู้ผลิตเหล็กกล้าเวียดนามและมหาเศรษฐีพันล้านหน้าใหม่

แม้ว่าบริษัทรัฐวิสาหกิจเหล็กกล้าเดินเครื่องธุรกิจมาตั้งแต่ช่วงพรรคคอมมิวนิสต์ปกครองเวียดนามเหนือในปี1960 แต่เวียดนามไม่เคยมีโรงงานแบบครบวงจรขนาดใหญ่จริงๆ จนกระทั่งตอนนี้ เมื่อเปิดตัวขึ้นมาภายหลังในปีนี้ โรงงานเหล็กกล้ามูลค่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเขตเศรษฐกิจ Dung Quat Economic Zone ใกล้ท่าเรือน้ำลึกบริเวณเวียดนามตอนกลาง จะป้อนวัตถุดิบรองรับเศรษฐกิจสมัยใหม่ หลังจากต้องพึ่งพาการนำเข้าเหล็กม้วนขนาดหนักจากจีนเป็นส่วนใหญ่มาตลอดจนถึงปี 2015 เหตุการณ์ครั้งสำคัญนี้เป็นผลงานของมหาเศรษฐีพันล้านหน้าใหม่ Tran Dinh Long ประธานบริษัท Hoa Phat Group ซึ่งกลายเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในประเทศไปแล้ว เมื่อดูจากส่วนแบ่งตลาด Tran วัย 57 ปี เคยเป็นพนักงานกระทรวงการก่อสร้าง เมื่อเขาและเพื่อนๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยอีก 6 คน ก่อตั้งบริษัทจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเล็กๆ ขึ้นมาในปี 1992 ขณะที่เวียดนามกลับมาเปิดการค้ากับนานาชาติใหม่ ในไม่ช้า Hoa Phat Group ก็แตกธุรกิจทำเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน หลังจากนั้นก็ผลิตโครงท่อเหล็กสำหรับสินค้าดังกล่าว บริษัทออกหุ้นไอพีโอ ในฐานะบริษัทเหล็กเมื่อปี 2007 ในเวลา 10 ปีต่อมา รายได้บริษัทก็เพิ่มขึ้นแตะ 2 พันล้านเหรียญ (พุ่งขึ้น 38% เทียบรายปี) โดยมีกำไรสุทธิ 350 ล้านเหรียญ และราคาหุ้นที่ปรับขึ้นหนุนให้หุ้นสัดส่วน 1 ใน 3 ของ Long มีมูลค่าแตะ 1.3 พันล้านเหรียญ ทุกวันนี้ การผลิตเหล็กกล้าเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในเวียดนาม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นเมือง (ขณะนี้คิดเป็น 34% ของประชากร) ก่อให้เกิดความต้องการเชิงโครงสร้างมากขึ้น และนโยบายการค้าของรัฐบาลช่วยสนับสนุนภาคส่วนต่างๆ ภายในประเทศ แต่ไม่มีเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจรายอื่นๆ สามารถเทียบเคียงกับขนาดของ Hoa Phat Group ได้ เมื่อปีที่แล้ว บริษัทขายเหล็กกล้าสำหรับการก่อสร้างไป 3 ล้านตัน และโรงงานใน Dung Quat ของเขาจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตนั้นขึ้นมาสองเท่า ส่วนการผลิตเหล็กและโครงท่อเหล็ก Hoa Phat กำลังเพิ่มสายการผลิตเหล็กเคลือบสังกะสี คนงานของบริษัทเพิ่มขึ้นมาสองเท่าภายในปีเดียวไปอยู่ที่ 15,000 คน เนื่องจากกำลังเร่งเปิดตัวสายการผลิตต่างๆ บริษัทของ Tran Dinh Long เป็นส่วนสำคัญในการเข้ามาแทนที่เหล็กกล้าจีนที่ทะลักล้นเข้าเวียดนาม (และตลาดโลก) หลังวิกฤตการเงินปี 2008 เมื่อจีนซึ่งขณะนี้ครองสัดส่วนการผลิตเหล็กโลกถึงครึ่งหนึ่ง ยังปล่อยให้โรงงานเหล็กผลิตต่อไปอย่างคึกคัก "การพัฒนา Hoa Phat Group รวมถึงอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในเวียดนามตั้งอยู่บนความต้องการเติบโตของประเทศกำลังพัฒนา” Tran กล่าวระหว่างสัมภาษณ์กับ Forbes ที่สำนักงานใหม่ซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าสร้างด้วยเหล็กกล้า หันออกสู่ทะเลสาบ Thien Quang ใจกลางเมือง Hanoi ช่วงเวลาแห่งการเร่งจัดหาอุปกรณ์และวัสดุต่างๆ ส่งไปยังเขตก่อสร้างเมื่อ 25 ปีที่แล้ว แตกต่างออกไปสำหรับบรรดาผู้ก่อตั้ง “เรามีเพียงมือเปล่าเป็นทุน” เขาหวนนึก “พวกเราแต่ละคนมีรถมอเตอร์ไซค์ เราเริ่มด้วยเงินก้อนเล็กๆ ที่ยืมมาจากครอบครัวและเพื่อนๆ กู้มาจากแบงก์ต่างๆ รายการธุรกิจจำนวนมากดำเนินการผ่านรัฐวิสาหกิจซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทน และทั้งหมดนั้นเรียกได้ว่าเริ่มมาจากศูนย์!” การผลิตแบบครบวงจรดังเช่นที่ใกล้จะปรากฏขึ้นมาแล้วในเขตเศรษฐกิจ Dung Quat ได้กลายเป็นกุญแจสำคัญสู่การก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำด้านเหล็กกล้าในเวียดนามของ Hoa Phat ซึ่งเริ่มต้นจากโรงงานขนาดเล็กกว่านั้น ใน Hai Duong ใกล้กับเมือง Hanoi เมื่อ 8 ปีที่แล้ว Tran Dinh Long ก้าวข้ามคู่แข่งหลายแห่งในประเทศ เช่น Pomima, Tisco (ในอดีตเป็นรัฐวิสาหกิจ) และ Vina Kyoei (บริษัทร่วมลงทุนกับญี่ปุ่น) เช่นเดียวกับผู้ผลิตที่ได้รับเงินลงทุนสนับสนุนจากอินเดียมาเลเซีย และไต้หวัน หลังการเข้าร่วม WTO ในปี 2007 (ที่จริงแล้วโรงงานผลิต Dung Quat ขนาดยักษ์ เป็นการขยายโรงงานจากการลงทุนของไต้หวันในช่วงก่อนหน้านี้) และจากนั้นก็มีจีน “การยืนถัดจากเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่นั้น คุณจำเป็นต้องฟื้นฟูและสร้างสรรค์สิ่งใหม่เพื่อให้อยู่รอด” Tran กล่าว นโยบายภาครัฐเมื่อไม่นานนี้ช่วยได้ นับตั้งแต่ปี 2015 เวียดนามตั้งภาษีผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า และปรับเข้มกฎระเบียบการส่งออกแร่เหล็ก Hoa Phat จึงได้ประโยชน์เป็นพิเศษขณะที่สร้างกำลังการผลิตแบบครบวงจรหากการผลิตเหล็กกล้าในเวียดนามเปิดกว้างมาตลอดและเป็นโอกาสที่รัฐสนับสนุน ภาคส่วนนี้ยังคงมีการแข่งขันและอีกนัยหนึ่งก็ยังสุ่มเสี่ยงไม่น่าวางใจอยู่ การลงทุนอีกแห่งหนึ่งจากไต้หวัน โดยหน่วยธุรกิจของเครือบริษัท Formosa Plastics ทำโรงหล่อเหล็กทำผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปบริเวณชายฝั่งในปี 2016 ได้ปล่อยของเสียออกมาอย่างมหาศาลบริเวณชายฝั่งทะเลคร่าชีวิตปลานับล้าน และทำให้ประชาชนเวียดนามโกรธเคืองเป็นอย่างมาก บริษัทถูกสั่งปรับแต่ยังได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจต่อ Tran กำลังจับตามองอยู่ และให้คำมั่นว่า Hoa Phat จะใช้ทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม “เรารู้ว่ารัฐบาลอาจรักเรา” เขากล่าว “แต่ผู้คนไม่หรอก” เรื่อง: Lan Anh Nguyen เรียบเรียง: ชูแอตต์
คลิกอ่านฉบับเต็มของ "วางแปลนเติบโต" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ กรกฎาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine