Tony Fernandes ซีอีโอ AirAsia Group ประกาศขายหุ้นร้อยละ 32.7 ที่ถืออยู่ใน AirAsia India ให้กับคู่ค้าทางธุรกิจรายสำคัญอย่าง Tata Sons บริษัทโฮลดิ้งของTata Group ยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมของอินเดีย คาดดำเนินการเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม 2021
ในที่นี้ ตลาดหลักทรัพย์กัวลาลัมเปอร์ รายงานว่า ปัจจุบัน AirAsia Group และ Tata Sons ถือครองหุ้นใน AirAsia India ที่สัดส่วนร้อยละ 49 และ 51 ตามลำดับ ซึ่งการประกาศขายหุ้นในครั้งนี้ ที่มูลค่าทั้งสิ้น 37.7 ล้านเหรียญสหรัฐ จะส่งผลให้ AirAsia Group ถือครองหุ้นลดลงเหลือเพียงร้อยละ 16.30 ขณะที่ Tata Sons ถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 83.7
โดยในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า “การทำธุรกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยจะเพิ่มสภาพคล่องในระยะสั้นให้กับทางบริษัท แต่ในขณะเดียวกันยังช่วยให้บริษัทสามารถให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูกิจการในตลาดอาเซียน อย่างมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียในระยะยาวอีกด้วย”
AirAsia India ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 พร้อมกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่จะตั้งมั่นว่าจะสามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทภายใน 4 เดือน แต่จนกระทั่งปัจจุบันทางสายการบินยังไม่เคยบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ตั้งไว้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นเหตุให้ Fernandes ซีอีโอของสายการบิน AirAsia ที่ประสบภาวะขาดทุนอยู่แล้วต้องเร่งดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างหนี้ ถึงขนาดกล่าวว่า “ผมน่าจะได้รับรางวัลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด” ในระหว่างการประชุม Forbes Asia CEO Webinar เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา
Tony Fernandes นักธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงชาวมาเลเซีย เริ่มดำเนินธุรกิจ AirAsia สายการบินต้นทุนต่ำแห่งแรกในเอเชียในปี 2001 ที่มูลค่าการเข้าซื้อกิจการอยู่ที่ 1 ริงกิตหรือ 0.26 เหรียญสหรัฐ พร้อมกับสโลแกนว่า "Now everyone can fly" หรือใครๆ ก็บินได้ และได้พิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าครึ่งหนึ่งของผู้โดยสาร คือ ผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรก
โดยเขาสามารถบริหาร AirAsia จากสายการบินพาณิชย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งกำลังจะล้มเหลวให้กลายเป็นบริษัทเอกชนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก พร้อมทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องนโยบายน่านฟ้าเสรีระหว่างมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้าน อันได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผลให้ประเทศทั้งสามมอบสิทธิการลงจอดเครื่องให้กับ AirAsia และสายการบินต้นทุนต่ำอื่น ๆ
สำหรับทิศทางของ AirAsia Group ในปีนี้ Fernandes ระบุว่า ทางสายการบินจะให้ความสำคัญอันดับแรกกับการฟื้นฟูการเติบโตในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้“ในช่วงที่ผ่านมา เราต้องเชิญพนักงานที่ไม่ได้ทำอะไรผิดออก” Fernandes กล่าวระหว่างการประชุม Forbes Asia CEO Webinar “การตัดสินใจในครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผม เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการรักษาพนักงานไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 AirAsia ขาดทุน 238 ล้านเหรียญ และมีมูลค่าหุ้นลดลงถึงร้อยละ 47 เลยทีเดียว
นอกจากนี้ Fernandes ยังระบุว่า รายได้ที่ลดลง อันเป็นผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ได้ทำให้ทางสายการบินหันเข้าหาความช่วยเหลือจากทางการมาเลเซียเป็นครั้งแรก แม้ว่า ณ ขณะนี้ รายละเอียดการเจรจาด้านการเงินต่างๆ จะยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ทั้งนี้ ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา Fernandes ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg TV ว่า เขายังคาดหวังให้การคมนาคมทางอากาศกลับมาสู่สภาวะก่อนเกิดโรคระบาด ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า
ด้าน Tata นั้น การเข้าถือครองหุ้นของ AirAsia ที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดสินทรัพย์ในอุตสาหกรรมการบินของตนที่มีอยู่ให้มากออกไป ซึ่งล่าสุด Tata กำลังอยู่ระหว่างการประมูลราคาเพื่อเข้าซื้อกิจการสายการบิน Air India ขณะที่ในปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Vistara สายการบินฟูลเซอร์วิสของอินเดีย
แปลและเรียบเรียงโดยชญาน์นัทช์ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Tony Fernandes’s AirAsia Cuts Stake In India Joint Venture With $38 Million Sale To Tata Sons เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: นกปีกหัก: วิกฤต “อุตสาหกรรมการบินโลก” ในยุคโควิด-19