<h2>Tony Fernandes ซีอีโอ AirAsia Group ประกาศขายหุ้นร้อยละ 32.7 ที่ถืออยู่ใน AirAsia India ให้กับคู่ค้าทางธุรกิจรายสำคัญอย่าง <a style="color: #333333;" href="https://www.tata.com/business/tata-sons">Tata Sons</a> บริษัทโฮลดิ้งของTata Group ยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมของอินเดีย คาดดำเนินการเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม 2021</h2>
<figure><img class="wp-image-39768" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/tony-fernandez_copy_601x675-601x510.jpg" alt="Tony Fernandes" width="543" height="461" /><figcaption> Tony Fernandes ซีอีโอ AirAsia Group</figcaption></figure>

ในที่นี้ <a style="color: #333333;" href="https://disclosure.bursamalaysia.com/FileAccess/apbursaweb/download?id=110289&amp;name=EA_GA_ATTACHMENTS">ตลาดหลักทรัพย์กัวลาลัมเปอร์</a> รายงานว่า ปัจจุบัน AirAsia Group และ Tata Sons ถือครองหุ้นใน AirAsia India ที่สัดส่วนร้อยละ 49 และ 51 ตามลำดับ ซึ่งการประกาศขายหุ้นในครั้งนี้ ที่มูลค่าทั้งสิ้น 37.7 ล้านเหรียญสหรัฐ จะส่งผลให้ <a style="color: #008000;" href="https://ir.airasia.com">AirAsia Group</a> ถือครองหุ้นลดลงเหลือเพียงร้อยละ 16.30 ขณะที่ Tata Sons ถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 83.7

โดยในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า “การทำธุรกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยจะเพิ่มสภาพคล่องในระยะสั้นให้กับทางบริษัท แต่ในขณะเดียวกันยังช่วยให้บริษัทสามารถให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูกิจการในตลาดอาเซียน อย่างมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียในระยะยาวอีกด้วย” 

AirAsia India ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 พร้อมกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่จะตั้งมั่นว่าจะสามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทภายใน 4 เดือน แต่จนกระทั่งปัจจุบันทางสายการบินยังไม่เคยบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ตั้งไว้เลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นเหตุให้ Fernandes ซีอีโอของสายการบิน AirAsia ที่ประสบภาวะขาดทุนอยู่แล้วต้องเร่งดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างหนี้ ถึงขนาดกล่าวว่า “ผมน่าจะได้รับรางวัลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด” ในระหว่างการประชุม <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/forbesasia/2020/12/08/forbes-asia-ceo-webinar/?sh=347a1e8ad284">Forbes Asia CEO Webinar</a> เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/tony-fernandes/?sh=36d8f87e686c">Tony Fernandes</a> นักธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงชาวมาเลเซีย เริ่มดำเนินธุรกิจ AirAsia สายการบินต้นทุนต่ำแห่งแรกในเอเชียในปี 2001 ที่มูลค่าการเข้าซื้อกิจการอยู่ที่ 1 ริงกิตหรือ 0.26 เหรียญสหรัฐ พร้อมกับสโลแกนว่า "Now everyone can fly" หรือใครๆ ก็บินได้ และได้พิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าครึ่งหนึ่งของผู้โดยสาร คือ ผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรก

โดยเขาสามารถบริหาร AirAsia จากสายการบินพาณิชย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งกำลังจะล้มเหลวให้กลายเป็นบริษัทเอกชนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก พร้อมทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องนโยบายน่านฟ้าเสรีระหว่างมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้าน อันได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผลให้ประเทศทั้งสามมอบสิทธิการลงจอดเครื่องให้กับ AirAsia และสายการบินต้นทุนต่ำอื่น ๆ

สำหรับทิศทางของ AirAsia Group ในปีนี้ Fernandes ระบุว่า ทางสายการบินจะให้ความสำคัญอันดับแรกกับการฟื้นฟูการเติบโตในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

“ในช่วงที่ผ่านมา เราต้องเชิญพนักงานที่ไม่ได้ทำอะไรผิดออก” Fernandes กล่าวระหว่างการประชุม Forbes Asia CEO Webinar “การตัดสินใจในครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผม เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการรักษาพนักงานไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” 

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 AirAsia ขาดทุน 238 ล้านเหรียญ และมีมูลค่าหุ้นลดลงถึงร้อยละ 47 เลยทีเดียว

นอกจากนี้ Fernandes ยังระบุว่า รายได้ที่ลดลง อันเป็นผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ได้ทำให้ทางสายการบินหันเข้าหาความช่วยเหลือจากทางการมาเลเซียเป็นครั้งแรก แม้ว่า ณ ขณะนี้ รายละเอียดการเจรจาด้านการเงินต่างๆ จะยังไม่สามารถเปิดเผยได้ 

ทั้งนี้ ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา Fernandes ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg TV ว่า เขายังคาดหวังให้การคมนาคมทางอากาศกลับมาสู่สภาวะก่อนเกิดโรคระบาด ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า 

ด้าน Tata นั้น การเข้าถือครองหุ้นของ AirAsia ที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดสินทรัพย์ในอุตสาหกรรมการบินของตนที่มีอยู่ให้มากออกไป ซึ่งล่าสุด Tata กำลังอยู่ระหว่างการประมูลราคาเพื่อเข้าซื้อกิจการสายการบิน Air India ขณะที่ในปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Vistara สายการบินฟูลเซอร์วิสของอินเดีย

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Tony Fernandes’s AirAsia Cuts Stake In India Joint Venture With $38 Million Sale To Tata Sons เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม:<a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/นกปีกหัก-วิกฤต-อุตสาหกร.html"> นกปีกหัก: วิกฤต “อุตสาหกรรมการบินโลก” ในยุคโควิด-19</a>

Tony Fernandes ขายหุ้น AirAsia Group ให้ Tata Sons

<h2 class="p1">40 ปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราได้เห็นความก้าวหน้าทางวิศวกรรมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ "การบิน" เป็นรูปแบบการขนส่งที่ปลอดภัยที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่จำนวนผู้เดินทางด้วยเครื่องบิน และจำนวน สายการบิน ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเท่านั้น แต่จำนวนเหตุที่อาจทำให้ไม่ปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นด้วย</h2>
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นข่าวการสูญเสียเครื่องบินหลายลำ ไม่ว่าจะเป็น สายการบิน British Airways ที่ถือเป็นสายการบินที่ปลอดภัยมาก แต่ก็มีเหตุการณ์เที่ยวบินที่ BA38 เดินทางจาก Beijing ตกที่สนามบิน Heathrow เมื่อปี 2008 หรือเหตุการณ์เพลิงไหม้บนเครื่องบิน British Airways 777 ที่ Las Vegas เมื่อปี 2015
นอกจากนี้ สายการบิน Emirates ก็เป็นอีกหนึ่งสายการบินที่เคยได้รับภาพจำลบๆ หลังเกิดเหตุเครื่องบิน Boeing 777 ชนขณะลงจอดที่ Dubai ในปี 2016


<figure><img class="size-full wp-image-22793" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/aircraft02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> เหตุการณ์เพลิงไหม้บนเครื่องบิน British Airways 777 ที่ Las Vegas เมื่อปี 2015 (ภาพจาก USA Today)</figcaption></figure>
ต้องขอบคุณที่อุบัติเหตุจากเครื่องบินเหล่านั้นไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็ไม่ได้โชคดีขนาดนั้นเพราะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตอีกหลายสิบจากอุบัติเหตุในเหตุการณ์อื่นๆ เช่น เหตุการณ์ของเครื่องบิน Boeing 737-MAX, เหตุการณ์ของสายการบิน Aeroflot ลงจอดแบบกระแทกพื้นที่ Moscow ก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ หรือเหตุการณ์ที่สายการบิน Malaysia Airlines ถูกยิงตกเหนือน่านฟ้ายูเครน เป็นต้น
แม้จะมีเหตุการณ์เหล่านี้แต่สายการบินหลักๆ ก็ยังมีความปลอดภัยสูง กระนั้น ก็มีบางสายการบินที่มีสถิติด้านความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจนถึงระดับแย่มาก
และหากคุณพบว่าคุณกำลังอยู่บนสายการบินตามลิสต์ด้านล่างนี้ โปรดจงไม่สนใจสิ่งที่เขียนไว้ด้านบน และจินตนาการว่าตนเองกำลังไปยังสถานที่ห่างไกลที่คุณไม่มีทางเลือกอื่น หรือแค่เพราะคุณอยากได้ตั๋วราคาถูกที่สุดเท่านั้น ทั้งนี้ สายการบินที่อันตรายที่สุดในโลกส่วนใหญ่ถูกห้ามบินเข้าสู่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป และหากเจ้าหน้าที่การบินกำลังบอกเรื่องนี้กับคุณ เชื่อเถอะว่าเขามีเหตุผลที่สมเหตุสมผลเลยทีเดียว
เว็บไซต์<a href="http://airlineratings.com/"> AirlineRatings.com </a>ได้เผยแพร่การจัดอันดับสายการบินที่อันตรายที่สุดในโลก โดยเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา, การติดแบล็กลิสต์ในประเทศต่างๆ และการได้ใบรับรองจาก International Air Transport Association Operational Safety Audit (IOSA) ซึ่งคะแนนคือการให้ดาว ปลอดภัยสูงสุดคือ 7 ดาว และนี่คือสายการบินที่ได้คะแนนไม่เกิน 2 ดาว
&nbsp;
<h2 class="p3">Tara Air</h2>
<figure><img class="size-full wp-image-22799" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/9N-AEV-24.3.19-LUA-export.jpg" alt="" width="711" height="474" /><figcaption> ภาพจาก www.spotterguide.net</figcaption></figure>
Tara Air ได้รับดาวเพียง 1 ดาวเท่านั้น เนื่องจากอุบัติเหตุร้ายแรงหลายครั้งในช่วงปี 2010 และ 2011 ทำให้สายการบินจากเนปาลที่มีเครื่องบินอยู่ 8 ลำรายนี้มีคะแนนน้อย
&nbsp;
<h2 class="p3">Nepal Airlines</h2>
<figure><img class="size-full wp-image-22801" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/9N-AKW-Sagarmatha-Nepal-Airlines.jpg" alt="" width="720" height="474" /><figcaption> ภาพจาก www.nepaliaviator.com</figcaption></figure>
ประเทศเนปาลมีอุบัติเหตุร้ายแรง 9 ครั้งในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจากสถิติพบว่าการบินในภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นภูเขานั้นค่อนข้างอันตราย โดย Nepal Airlines ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1958 ซึ่งตอนแรกใช้ชื่อว่า Royal Nepal Airlines และเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันในปี 2008 นั้นได้รับดาวเพียง 1 ดาวเท่านั้น ทั้งยังถูกห้ามบินเหนือน่านฟ้ายุโรป
ทั้งนี้ แม้ว่าช่วง 20 ปีที่ผ่านมาจะมีการปรับปรุงด้านความปลอดภัย แต่อุบัติเหตุร้ายแรงเมื่อปี 2014 ก็ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 18 ราย
&nbsp;
<h2 class="p3">Ariana Afghan Airlines</h2>
<figure><img class="size-full wp-image-22802" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/Ariana-Afghan-Airlines-plane.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ภาพจาก airlinecustomercare.com</figcaption></figure>
ถึงแม้จะทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการแห่งชาติของอัฟกานิสถาน แต่ Ariana ก็มีเครื่องบินอยู่ในฝูงบินเพียง 5 ลำเท่านั้น โดย Ariana ยังเคยถูกเขียนถึงว่าเกี่ยวข้องกับเครื่องบิน 19 ลำที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 13 เหตุการณ์ ซึ่ง 7 เหตุการณ์ในนั้นมีผู้เสียชีวิตด้วย
&nbsp;
<h2 class="p3">Bluewing Airlines</h2>
<figure><img class="size-full wp-image-22803" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/Blue-Wing-Airlines.jpeg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ภาพจาก www.airlines-inform.com</figcaption></figure>
Bluewing เป็นสายการบินเล็กๆ จากประเทศในอเมริกาใต้อย่างสาธาณรัฐซูรินาม (Surinam) โดยการสูญเสียเครื่องบิน Antonov An-28 ถึง 3 ลำในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้สายการบินนี้ถูกสั่งห้ามบินเหนือน่านฟ้ายุโรป รวมถึงดินแดนของประเทศฝรั่งเศสที่อยู่ใกล้ซูรินามอย่าง French Guiana ด้วย
&nbsp;
<h2 class="p3">Kam Air</h2>
<figure><img class="size-full wp-image-22804" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/Kam-Air-2.jpg" alt="" width="720" height="360" /><figcaption> ภาพจาก newsroom.aviator.aero</figcaption></figure>
Kam Air ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสายการบินยอดแย่ด้านความปลอดภัยร่วมกับอีก 3 สายการบิน หลังได้รับดาวเพียง 1 ดาวเท่านั้น โดยสายการบินจากอัฟกานิสถานรายนี้ถูกห้ามบินเหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ และเมื่อ Kam พยายามบินเข้าสู่อียูในปี 2010 ก็ถูกปฏิเสธไม่ให้บินเหนือน่านฟ้าอียูด้วย หลังเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งซึ่งมีครั้งที่รุนแรง ทั้งยังมีเหตุการณ์ขู่วางระเบิดด้วย
&nbsp;
<h2 class="p3">Trigana Air Service</h2>
<figure><img class=" wp-image-22805" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/Trigana-Air-ATR-42-300-PK-YRP-Grd-DPS-MBI46-M.jpg" alt="" width="719" height="480" /><figcaption> ภาพจาก worldairlinenews.com</figcaption></figure>
จากการสูญเสียเครื่องบินไป 10 ลำ และมีอุบัติเหตุ 14 ครั้งที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินของ Trigana จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสายการบินจากอินโดนีเซียรายนี้จึงได้รับดาวเพียง 1 ดาวเท่านั้น และเช่นเดียวกับสายการบินอื่นๆ ในลิสต์ Trigana ถูกห้ามบินเหนือน่านฟ้าอียูและสหรัฐฯ ด้วย
&nbsp;
<h2 class="p3">SCAT Airlines</h2>
<figure><img class="size-full wp-image-22806" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/3-18.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ภาพจาก news.mn</figcaption></figure>
สายการบินจากคาซัคสถานรายนี้มีสถิติด้านความปลอดภัยที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรงมาตั้งแต่ปี 2013 แต่ขณะนี้ SCAT ก็ดำเนินงานโดยที่ยังไม่ได้รับใบรับรองการตรวจสอบความปลอดภัยระดับสากล โดยสายการบินนี้กำลังปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อให้ได้รับการยอมรับระดับสากล และมีการดำเนินการอย่างปลอดภัย
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/travel/10-%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8%99-%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89.html">10 “เส้นทางบิน” ที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก ปี 2019</a></li>
</ul>
&nbsp;

แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/jamesasquith/2019/10/06/the-2019-list-of-the-most-dangerous-airlines-in-the-world/#4591c10a4f18">The 2019 List Of The Most Dangerous Airlines In The World</a>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดลิสต์ "สายการบิน" อันตรายที่สุดในโลก ประจำปี 2019

สารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ผู้ติดทำเนียบ 50 อภิมหาเศรษฐีไทยของ Forbes ประจำปี 2561 เป็นปีแรกในอันดับ 7 ตอกย้ำการเข้าร่วมคลับของผู้มั่งคั่งอีกครั้งด้วยการถอยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว Gulfstream G650 เข้ามาในครอบครองเมื่อเร็วๆ นี้



สารัชถ์ และผู้บริหารของ Gulf อีกท่านหนึ่ง ปฏิเสธที่จะยืนยันข่าวนี้เมื่อได้รับการติดต่อจาก Forbes Thailand เนื่องจากเศรษฐีไทยหลายคนเลือกที่จะจดทะเบียนเครื่องบินส่วนตัวไว้ที่ประเทศอื่น ข้อมูลการครอบครองไพรเวทเจ็ทในไทยจึงไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก 



อย่างไรก็ตาม เราพบว่ารายชื่อผู้ครอบครองไพรเวทเจ็ทในไทยส่วนหนึ่งนั้น สอดคล้องกับรายชื่อทำเนียบอภิมหาเศรษฐีไทยที่จัดอันดับโดย Forbes อาทิ ตระกูลเจียรวนนท์ ซึ่งครองอันดับ 1 มหาเศรษฐีไทยในปีนี้ รายงานข่าวเปิดเผยว่ามีเครื่องบินส่วนตัวอยู่ในครอบครองมากที่สุดเช่นกันด้วยจำนวน 7 ลำ



รองลงมาคือ วิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตนายใหญ่แห่งคิง เพาเวอร์ผู้ล่วงลับ ซึ่งเคยขึ้นเเท่นเศรษฐีอันดับ 5 เเละเคยครอบครองเครื่องบินส่วนตัว 5 ลำ ตามมาด้วย William Heinecke (เศรษฐี Forbes อันดับ 17) และครอบครัว Shah (บุตรสาวคนโต Nishita Shah ติดอันดับ 32) ภายใต้บริษัท Mjets ที่ทั้งสองร่วมกันถือหุ้น มีฝูงเครื่องบินส่วนตัว 5 ลำเช่นกัน



<figure class="wp-block-image"><img src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/yuuu.jpg" alt="" class="wp-image-2520"/></figure>



แหล่งข่าวเปิดเผยว่า “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นเจ้าของไพรเวทเจ็ท 2 ลำ ขณะที่ Aloke Lohia ซีอีโอ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (เศรษฐี Forbes อันดับ 9) มีในครอบครองคนละ 1 ลำ



ก่อนหน้านี้ยังมีรายงานข่าวการครอบครองเครื่องบินส่วนตัวของเศรษฐีและนักการเมืองไทยอีกหลายคน อาทิ ตระกูลอยู่วิทยา แห่งค่ายกระทิงแดง เปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา รวมทั้งทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี ซึ่งมีรายงานยืนยันการส่งมอบ G650 จำนวน 1 ลำในปี 2557 ในส่วน นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ นั้น เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส



อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานข่าวการเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวของ เจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าสัวใหญ่ ผู้สุดแสนจะถ่อมตนแห่งค่ายไทยเบฟเวอเรจ ยังไม่มีการยืนยันว่าเครื่องบินส่วนตัวที่ซีอีโอ Gulf สั่งซื้อในครั้งนี้เป็นรุ่น G650ER ซึ่งเป็นไพรเวทเจ็ทตัวท็อปของ Gulfstream หรือเป็นรุ่น G650 ที่อดีตนายกรัฐมนตรีไทย (ผู้ยังคงอันดับ 19 บนรายชื่อมหาเศรษฐี Forbes ปีล่าสุด) มีไว้ในครอบครอง Business Jet Traveler ระบุสนนราคาของเครื่องบิน Gulfstream ตัวท็อปทั้งสองรุ่นนี้ไว้เท่าๆ กันที่ 67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณลำละ 2.17 พันล้านบาท



ผู้บริหารบริษัท Gulf ไม่ยอมยืนยันว่าสารัชถ์ได้ใช้ G650 บินไปเซ็นปิดดีลร่วมทุนสร้างโรงไฟฟ้ามูลค่า 483 ล้านเหรียญที่โอมาน เมื่อกันยายนที่ผ่านมาหรือไม่



<figure class="wp-block-image"><img src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/222.jpg" alt="" class="wp-image-2521"/></figure>



<a href="http://bit.ly/2zv4aIX">ติดตามอ่าน "ยานพาหนะผู้มั่งคั่ง" ได้จากนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2561</a>



<figure class="wp-block-image"><img src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/%E0%B8%9B%E0%B8%81-NOV-2018.jpg" alt="" class="wp-image-2348"/></figure>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events