Adrian Cheng นำ C Ventures ผนึกกำลัง Casetify ขยายเครือข่ายทั่วโลก - Forbes Thailand

Adrian Cheng นำ C Ventures ผนึกกำลัง Casetify ขยายเครือข่ายทั่วโลก

FORBES THAILAND / ADMIN
01 Jul 2021 | 06:30 PM
READ 2630

Adrian Cheng นำ C Ventures เข้าลงทุนมูลค่า 8 หลักใน Casetify แบรนด์อุปกรณ์เทคโนโลยีจากฮ่องกง ในรอบการระดมทุนภายนอกครั้งแรกของบริษัทนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2011

Adrian Cheng
Wesley Ng (ซ้าย) ซีอีโอ Casetify และ Adrian Cheng (ขวา) ผู้ก่อตั้ง C Ventures และซีอีโอ New World Development
Cheng กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธว่า “วิสัยทัศน์ของ Casetify สอดคล้องกับ C Ventures ที่ต้องการสร้างระบบนิเวศทางวัฒนธรรมที่ตอบโจทย์กลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z” พร้อมเสริมว่า “เราตั้งตารอที่จะช่วยพวกเขาขยายความสำเร็จนั้นให้ไกลออกไปผ่านเครือข่ายทั่วโลกที่ทรงพลังของเรา” ปัจจุบัน Cheng ดำรงตำแหน่งซีอีโอ New World Development ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านเหรียญ โดยบริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 โดย Cheng Yu-tung ปู่ของเขาที่ล่วงลับไปแล้ว  ในฐานะผู้สืบทอดกลุ่มบริษัทอายุ 50 ปี Cheng มีเป้าหมายที่จะให้ความสำคัญกับศิลปะและวัฒนธรรมที่สามารถดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี “การลงทุนโดย C Ventures ครั้งนี้ เป็นการลงทุนที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรา เพราะความมุ่งมั่นของ Adrian ในด้านความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ และวัฒนธรรม สอดคล้องกับภารกิจของ Casetify ในการสร้างชุมชนสร้างสรรค์ทั่วโลก” Wesley Ng ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Casetify กล่าว ต่อจากนี้ C Ventures จะถือหุ้นใน Casetify ราวร้อยละ 10 โดยบริษัทระบุว่า มีแผนที่จะใช้เงินทุนเพื่อเร่งการเติบโตของยอดขาย เปิดร้านค้าปลีกทั่วโลกให้มากขึ้น และจัดหาเงินทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการที่มีศักยภาพ  นอกจากนี้ Casetify ยังตั้งใจที่จะขยายเครือข่ายภายในห้างสรรพสินค้าและหอศิลป์ของ New World ที่ดำเนินการภายใต้แบรนด์ไลฟ์สไตล์ K11 ของ Cheng ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 เช่นกัน Adrian Cheng Casetify ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก ด้วยการนำเสนอเคสโทรศัพท์และอุปกรณ์เสริมอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย โดยร่วมมือกับศิลปินชั้นนำอย่าง BTS, Pharrell Williams และ Jean-Michel Basquiat และแบรนด์ระดับโลกอย่าง NBA, Disney และ Pokemon Casetify กล่าวว่า บริษัทสามารถทำกำไรได้ภายใน 12 เดือนแรกหลังจากเปิดตัวธุรกิจ โดยมีรายได้ประมาณ 310 ล้านเหรียญในปี 2020 ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่เน้นโซเชียลมีเดียเป็นหลัก Casetify สามารถสร้างผู้ติดตามจำนวนมากบนอินสตาแกรมถึง 2.4 ล้านคน โดยส่วนมากเป็นผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา Casetify เปิดร้านทั้งหมด 7 แห่งทั่วฮ่องกง ท่ามกลางกระแสซบเซาในตลาดค้าปลีกที่ขยายวงกว้างขึ้น พร้อมกับการขยายสาขาไปยังญี่ปุ่น และล่าสุดในสหรัฐอเมริกา