นักบริหารผู้รักการอ่าน: ระเฑียร ศรีมงคล แนะนำหนังสือ 5 เล่มประจำปี 2564 - Forbes Thailand

นักบริหารผู้รักการอ่าน: ระเฑียร ศรีมงคล แนะนำหนังสือ 5 เล่มประจำปี 2564

ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เลือกหนังสือ 5 เล่มจากชั้นหนังสือที่เหมาะสำหรับการสร้างแรงบันดาลใจให้คนทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่มือใหม่จนถึงมือโปรที่ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหาร หนังสือทั้ง 5 เล่มของเขา บ้างอัดแน่นด้วยแนวคิดของการบริหาร บางบรรทัดอ่านแล้วเกิดโพรงอากาศทางความคิดให้ผู้อ่านหยอดประสบการณ์การทำงานและชีวิตสร้างเป็นไอเดียทางธุรกิจในแบบฉบับที่ต่างกัน

นอกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ระเฑียร ศรีมงคล ยังได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัท ลุยธุรกิจการการเงินดิจิทัล ร่วมกับ 5 พันธมิตรกลุ่มธุรกิจการเงินโดยนั่งตำแหน่ง ประธานกรรมการ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ปูทางโลกการเงินแห่งโลกอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล ในฐานะนักอ่าน ระเฑียร คือนักอ่านตัวจริงที่อ่านแบบเอาเรื่อง หนังสือหลายเล่มที่เขาอ่านถูกย่อยออกมาอย่างมีชั้นเชิงและนำไปเล่าต่อในหลายวาระ อาทิ การพูด Town Hall กับพนักงานเคทีซีหรือการสอนวิธีการทำงานผู้ใต้บังคับบัญชา “สำหรับผมไม่มีหนังสือเล่มไหนที่ชอบที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าเราอ่านหนังสือเพราะต้องการอะไรจากหนังสือเล่มนั้นมากกว่า ดังนั้นถ้าต้องเลือกให้กับผู้อ่าน Forbes ซึ่งน่าจะมีเป้าหมายในการอ่านคือพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จ ผมเลยพยายามคัดเอาเล่มที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทำงานมาแบ่งปันกัน” ระเฑียร แบ่งวัตถุประสงค์ของการอ่านออกเป็น 3 ด้าน อันดับแรกคืออ่านเพื่อความสนุกสนาน อันดับสองคืออ่านเพื่อต้องการจะได้ข้อมูล และอันดับสามคืออ่านเพื่อต้องการจะเข้าใจอะไรบางอย่าง หนังสือทุกเล่มจะมีวิธีการอ่านที่ต่างกัน แต่ทุกเล่มจะเริ่มที่สารบัญก่อนเพื่อให้เห็นภาพรวม จะได้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้เราหยิบมาเพื่ออ่านให้เข้าใจว่าเขาต้องการบอกอะไรเท่านั้น หรือต้องอาศัยการวิเคราะห์ต่อเนื่องหลังอ่านจบ รวมถึงบางเล่มอาจจะกระตุ้นให้เราไปค้นคว้าต่อ ทำให้ระยะเวลาในการอ่านแต่ละเล่มแตกต่างกันไป แต่ที่สำคัญคือหลังอ่านจบควรบอกได้ว่าเราเห็นด้วยหรือไม่กับสิ่งที่เขาเขียน หากคุณคิดว่าเส้นทางการทำงานไม่เหมือนอย่างฝันหรือต้องการหาแรงบันดาลใจบางอย่าง "High Output Management" เล่มจะชี้ทางสว่างให้คุณ จากประสบการณ์ของ Andy Grove ผู้ลี้ภัยมายังอเมริกาที่พูดอังกฤษไม่ได้สักคำ พัฒนาตนเองจนกระทั่งรับตำแหน่งซีอีโอของ Intel จนได้รับการยกย่องจาก TIME Magazine ยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปี เมื่อต้องรับมือกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกิดใหม่บนโลกใบนี้ เราต้องทำอย่างไร Clayton M. Christensen ผู้เขียน "The Innovator’s Dilemma" ได้เขียนบรรยายคำตอบเพื่อเข้าใจการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีและนำปรับใช้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี และนี่คือหนังสือ 5 เล่มที่ลงจากชั้นหนังสือจากซีอีโอมากประสบการณ์ เพื่อสร้างสรรค์แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ   mindset เขียนโดย Carol S. Dweck Carol S. Dweck นักจิตวิทยาชื่อดังจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดค้นพบว่าความสำเร็จในชีวิตเกิดขึ้นจากความคิด 2 รูปแบบ แบบหนึ่งจะทำให้คุณประสบความสำเร็จแบบครึ่งๆ กลางๆ ส่วนอีกแบบจะทำให้คุณพัฒนาแบบก้าวกระโดด และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะไม่มีแต้มต่อในชีวิตเลยก็ตาม แนวคิดนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกวงการ ถูกนำไปเขียนเป็นหนังสือจิตวิทยาที่ขายดีที่สุด 10 ปีติดต่อกัน รวมทั้งกลายเป็นวิชาที่ได้รับความนิยมสูงสุดของสแตนฟอร์ด “ผมชอบเล่มนี้เพราะทำให้เข้าใจ Mindset ของคนได้ชัดขึ้น หนังสือเล่าว่าแนวคิดของคนแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบแรกคือ Fixed Mindset แบบที่สองคือ Growth Mindset คนสองกลุ่มนี้จัดการกับอุปสรรคตรงหน้าแตกต่างกัน เพราะคนที่มองโลกแบบ Fixed จะเป็นคนที่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ มองว่าเราเกิดมาแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้น ขณะที่ถ้ามองโลกแบบ Growth จะเชื่อว่าความฉลาดของคนไม่หยุดนิ่ง แต่จะสามารถพัฒนาไปได้เรื่อยๆ จึงพยายามฝึกฝนตัวเองเสมอ” ฟังดูอาจจะรู้สึกว่า Growth Mindset คือสิ่งที่ดี แต่จริงๆ แล้วคนเรามีส่วนผสมของสองแบบนี้ มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกันไป ซึ่งเราควรหยิบ Mindset แต่ละแบบมาใช้ให้ถูกกับสถานการณ์ เพราะบางครั้ง เราเองก็ต้องยอมรับในบางเรื่องที่ไปต่อไม่ไหวเหมือนกัน "ในฐานะของคนทำงานผมก็จะพยายามพัฒนาตัวเองให้มี Growth Mindset ที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับเรียนรู้ถึงข้อดีของการฝึกใช้ Fixed Mindset เพราะในบางครั้งที่เราคิดว่าเราทำได้ทุกอย่าง อาจทำให้เราเสียเวลาไปจากการทำเป้าหมายที่แท้จริงได้" "ในฐานะของนักบริหาร การกระตุ้นให้พนักงานมี Growth Mindset เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในโลกธุรกิจที่ทุกวันนี้ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว” ระเฑียร กล่าว   Principles เขียนโดย RAY DALIO "เป็นหนังสือธุรกิจที่อ่านสนุกมาก" ระเฑียรกล่าวอย่างประทับใจและอ่านคำนิยมบรรทัดต่อบรรทัดและอธิบายถึงหนังสือเล่มนี้อย่างตั้งใจ Ray Dalio คือผู้ก่อตั้ง Bridgewater ภายในหนังสือได้เล่าจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของตัวเขา นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่เขาประสบความสำเร็จ เล่าถึงทิศทางการบริหารว่าอะไรคือแก่นสำคัญ ที่ทำให้สี่สิบปีให้หลัง Bridgewater ได้กลายเป็นบริษัทเอกชนที่มีความสำคัญที่สุดอันดับที่ 5 ในสหรัฐอเมริกา และทำเงินให้กับนักลงทุนได้มากกว่ากองทุนเฮดจ์ฟันด์อื่นใดในประวัติศาสตร์ “Ray Dalio แบ่งหนังสือเล่มนี้ออกเป็น 3 ส่วน เริ่มจากประวัติตัวเอง เล่าให้เห็นถึงความล้มเหลวจนเกือบล้มละลาย ก่อนจะกลับขึ้นมาประสบความสำเร็จระดับโลกอีกครั้ง ต่อด้วยการหลักเกณฑ์การใช้ชีวิต เทคนิคการจัดการกับความสัมพันธ์ และปิดท้ายด้วยเรื่องของงานกับเคล็ดลับการบริหารในฐานะนักธุรกิจ” ภายในเล่ม Ray Dalio บอกว่าชีวิตควรหาให้เจอว่าตัวเองต้องการอะไร เมื่อหาเจอแล้ว ต้องบอกให้ได้ว่ามีข้อเท็จจริงที่จะผลักดันให้เกิดความสำเร็จได้อย่างไร และภายใต้หลักเกณฑ์ต่างๆ คุณจะไปสู่จุดหมายด้วยวิธีการอย่างไร แต่ที่สำคัญคนเราอย่ากลัวการล้มเหลว เพราะปัญหาจะทำให้เราเจอทางออกเพื่อไปถึงเป้าหมาย ข้อดีของหนังสือเล่มนี้คือ Ray Dalio จะเขียนทุกอย่างเป็นหลักเกณฑ์ทำให้เข้าใจง่าย ที่สำคัญยังอ่านสนุกเพราะประสบการณ์ชีวิตเขาเต็มไปด้วยสีสัน อีกทั้งยังสอนให้เราเข้าใจสัจธรรมของชีวิต "อย่าไปยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพราะนั่นจะทำให้คุณไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ซึ่งผมว่ามันดีมากนะ เป็นได้ทั้งคู่มือชีวิตและคู่มือธุรกิจ”   High Output Management เขียนโดย Andy Grove เวลาที่คุณมีลูกน้องสามคนจะต้องสั่งงานอย่างไร คุณควรรับมือลูกน้องในฐานะหัวหน้าแบบไหน และเมื่อได้รับการเลื่อนขั้นคุณยังควรทำงานเหมือนเดิมไหม High Output Management มีคำตอบที่คุณสามารถนำไปใช้เป็นอย่างดี หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Andy Grove อดีตซีอีโอ Intel บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านคอมพิวเตอร์ ทุกรายละเอียดภายในหนังสือคือการเล่าเรื่องการจัดการองค์กรไว้ครบถ้วนและประสบการณ์จริง สอนแม้กระทั่งเทคนิคและตัวชี้วัดอะไรที่จะเหมาะกับการนำมาใช้ในการทำงาน รวมถึงคัดเลือกคนทำงานได้อย่างแม่นยำ วิธีเปลี่ยนผู้ใต้บังคับบัญชากับเพื่อนร่วมงานสู่สมาชิกของทีมงานที่มีประสิทธิภาพสูง วิธีจูงใจทีมงานให้ทำงานในระดับท็อปฟอร์มทุกครั้ง โดยหนังสือเล่มนี้ถูกยกให้เป็นหนังสือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังในการปฏิวัติวิธีการทำงานของคนในทุกยุค “ที่เลือกเล่มนี้ เพราะผมว่าเล่มนี้คือคู่มือสำคัญของคนทำงานระดับ Middle Management ที่ดีมาก และที่สำคัญในยุคนี้ เมื่อเรามองไปบนชั้นขายหนังสือจะเห็นแต่ฮาวทูที่ผลิตมาสำหรับ ซีอีโอ มากมายเต็มไปหมด ซึ่งความสำเร็จขององค์กรไม่ได้เกิดขึ้นเพราะซีอีโอคนเดียว มันคือผลรวมของทีมงานทุกระดับ แต่เรากลับหาคู่มือสำหรับคนทำงานที่แท้จริงได้ยาก ผมจึงขอหยิบเล่มนี้ติดมาในรายชื่อหนังสือ 5 เล่มนี้ด้วย เพราะในเล่มนี้เต็มไปด้วยเทคนิคสำคัญที่ Middle Management ควรเรียนรู้” สำหรับ Andy Grove ผมขอยกความเก่งของเขาระดับปรมาจารย์ ตอนลี้ภัยมายังสหรัฐฯ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่พัฒนาตัวเองจนได้เป็น CEO ของ Intel ในปี 1987 จนกระทั่ง 10 ปีต่อมา TIME Magazine เลือกให้เป็น Man of the year ประจำปี 1997 และยังได้รับเกียรติเป็นศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นซีอีโอที่สอนหนังสือพนักงาน และเป็นคนที่กำเนิด OKRs และ CFR รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อสนับสนุนมาตรฐานการชี้วัดของท้ัง OKRs และ CFR” “ผมยกให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทุกคนควรอ่าน เพราะไม่มีใครมาสอนให้คุณเป็น Middle Management อย่างไร เช่น เวลาคุณมีลูกน้องสามคนจะต้องสั่งงานอย่างไร คุณควรรับมือลูกน้องในฐานะหัวหน้าแบบไหน และเมื่อได้รับการเลื่อนขั้นคุณยังควรทำงานเหมือนเดิมไหม ซึ่งเขาแบ่งหัวข้อไว้อย่างดี เข้าใจง่ายมาก” ระเฑียรกล่าว   Business Model Generation เขียนโดย: Alexander Osterwalder และ Yves Pigneur “เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนทำงานในยุคนี้ที่ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะหลายครั้งผมถามพวกเขาว่ามี Business Model แบบใด หลายคนตอบไม่ได้ ตอบได้แค่ว่ามีวิธีหาเงินแบบไหน ซึ่งหนังสือเล่มนี้แนะนำได้ครบ” Business Model Generation คือหนังสือที่นำเสนอเเนวทางในการออกเเบบ เเละสร้างโมเดลธุรกิจที่ทรงพลังอย่างเป็นระบบถูกนำไปใช้ในบริษัทชั้นนำทั่วโลก ผู้เขียนทำความเข้าใจ แนวทาง กลยุทธ์ และนวัตกรรมในการสร้างสรรค์โมเดลทางธุรกิจ ผ่านนักบริหาร 500 คนทั่วโลก เพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐานในการประยุกต์ใช้เพื่อสร้างธุรกิจของตัวเองได้จริง แล้วนำมาเขียนโดยแบ่ง Business Model Canvas ออกเป็น 9 หัวข้อ ซึ่งเกี่ยวข้องกับลูกค้า องค์กร ต้นทุน และพันธมิตรธุรกิจ “สำหรับผม การอ่านหนังสือเล่มนี้ใช้เวลาค่อนข้างมาก เพราะต้องอ่านแบบวิเคราะห์และทำความเข้าใจให้ได้ หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจในธุรกิจของคุณมากขึ้น ทำให้มองเห็นชัดว่า Story Telling สำคัญอย่างไร ถ้าเกิดปัญหาเราจะฝ่าทางตันด้วยวิธีไหน ผมชอบหนังสือแบบนี้มาก เพราะนอกจากจะสอน ยังมีเคสต่างๆ ให้ศึกษาด้วย ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ยังทำให้ได้รู้ว่าการทำธุรกิจไม่ใช้แค่การเติมคำในช่องว่าง แต่ต้องคิดให้ครบลูป”   The Innovator’s Dilemma เขียนโดย Clayton M. Christensen "เป็นหนังสือที่เก่าที่สุดในบรรดาทั้งหมดที่เลือกมา แต่ผ่านมา 40 กว่าปี ทุกอย่างยังคงเป็นอมตะ เหมาะสำหรับคนที่เป็นผู้นำองค์กรในยุคนี้มาก" The Innovator’s Dilemma บอกถึงเหตุผลและวิธีรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามารุกล้ำน่านน้ำธุรกิจของคุณและชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ คือเทคโนโลยีที่เน้นการพัฒนาให้สินค้ามีการทำงานที่ดีขึ้น และเทคโนโลยีที่พัฒนาสินค้าไปในอีกทิศทางคือทำให้สินค้าถูกลง ใช้งานง่ายขึ้น หรือขนาดเล็กลง ซึ่งนับว่าแก่นหลักของหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้เล่าว่าทำไมบริษัทที่ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อเจอเทคโนโลยีใหม่ถึงไปไม่เป็น และเทคโนโลยีใหม่หลายตัวกลับทำให้บริษัทหลายแห่งล้มไปได้ Clayton M. Christensen ผู้เขียนวิเคราะห์กระทั่งว่าแม้ผู้บริหารมีความสามารถครบถ้วนแค่ไหน แต่ยังถูกบริษัทหน้าใหม่แย่งชิงพื้นที่ พร้อมกับล้มแบบไม่ทันตั้งตัว อะไรคือสาเหตุ และจะรับมือกับวิกฤตเทคโนโลยีอย่างไร หนังสือเล่มนี้บอกไว้ครบเลยทีเดียว   ภาพ: กิตติเดช เจริญพร
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine