กองทุนบำนาญของข้าราชการในเมืองต่างๆ หลายต่อหลายกองทุนในอเมริกาได้รับผลตอบแทนน้อยนิดอย่างน่าอดสูใจ หากแต่ไม่ใช่กองทุนบำนาญของตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใน Tempa อย่างแน่นอน คงต้องยกความดีความชอบส่วนใหญ่ให้กับ Jay Bowen และกลวิธีแบบต้นทุนต่ำในการคัดเลือกหุ้นที่เขาใช้ในการบริหารและปกป้องกองทุนดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 45 ปี
Harold J. Bowen III ลงแข่งขันไตรกีฬาหลายรายการจนนับไม่ถ้วน ในวัย 59 ปี Jay Bowen กำลังฝึกซ้อมเพื่อเข้าแข่งขันในรายการ Escape from Alcatraz เป็นครั้งที่ 12 ซึ่งหมายความว่าในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้เขาจะต้องว่ายน้ำเป็นระยะทาง 1.5 ไมล์ข้าม San Francisco Bay ปั่นจักรยาน 18 ไมล์ไปยัง Golden Gate Park และวิ่งอีก 8 ไมล์ไปจนถึง Marina Green โดย Bowen นิยามความคลั่งไคล้ในกีฬาที่ต้องอาศัยความทนทานของร่างกายที่ตัวเขามีว่าเป็น “การเสพติดแบบยังประโยชน์” เพราะหลายปีที่ผ่านมา Bowen ตระหนักว่า การออกกำลังกายช่วยเขาในการรับมือกับโรคสมาธิสั้นได้เป็นอย่างดี “ผมจะเล่นกีฬาประเภทนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเดินไม่ไหว” Bowen ซึ่งมีรูปร่างผอมสูงพร้อมสำเนียงแบบคนใต้เล็กน้อยกล่าวยืนยัน ในฐานะผู้จัดการสินทรัพย์เพียงรายเดียวของกองทุนบำนาญของพนักงานดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจใน Tempa, Florida ซึ่งมีมูลค่า 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ Bowen ให้เครดิตความสำเร็จของตนว่ามาจากความมุ่งมั่นและความทรหดอดทน บริษัท Bowen, Hanes & Company ของเขาไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดการสินทรัพย์เพียงรายเดียวของบรรดาเจ้าพนักงานระงับเหตุฉุกเฉินเหล่านี้เท่านั้น หากแต่กองทุนบำนาญนี้ยังคิดเป็นเกือบ 80% ของทรัพย์สินของบริษัทบริหารสินทรัพย์จาก Atlanta แห่งนี้ ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 3.5 พันล้านเหรียญ ในภาคอุตสาหกรรมที่การกระจายการลงทุนถือเป็นหลักการพื้นฐาน Bowen เป็นผู้คิดต่าง กลยุทธ์การปรับสมดุลของกองทุนของเขา ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างหุ้นสามัญ 70% กับสินทรัพย์ ซึ่งให้ผลตอบแทนคงที่ 30% ให้ผลตอบแทน (หลังหักค่าธรรมเนียม) 15% ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และ 13.5% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับดัชนีอ้างอิงซึ่งให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 13.7% และ 12.4% ตามลำดับ
- สืบทอดกิจการต่อจากบิดาผู้ล่วงลับ -
“Jay” Bowen สืบทอดกิจการบริษัทจัดการกองทุนบำนาญแห่งนี้ต่อจาก Harold J. Bowen Jr. ผู้เป็นบิดาซึ่งก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 1972 หากแต่ได้บริหารกองทุนบำนาญของ Tempa มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 Bowen III เลือกใช้กลวิธีแบบที่สามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่า “สิ่งใดที่ไม่พังก็ไม่ต้องซ่อม” เช่นเดียวกับบิดาผู้ล่วงลับของเขา Bowen ใช้วิธีการวิเคราะห์จากภาพรวมก่อนเจาะรายละเอียด “ตามหัวข้อ” ในการเลือกหุ้นรายอุตสาหกรรมและรายตัว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นบลูชิปที่มีมาร์เก็ตแคปสูงและมีนโยบายจ่ายเงินปันผล กุญแจสู่ความสำเร็จอีกอย่างหนึ่งของบริษัทก็คือ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพียง 25 basis point (BP) จาก Tempa หรือประมาณครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยของภาคธุรกิจนี้ ในฐานะบัณฑิตเอกภาษาอังกฤษซึ่งสำเร็จการศึกษาจาก UNC Chapel Hill เมื่อปี 1984 Bowen เริ่มทำงานในธุรกิจของครอบครัวในปี 1986 ในปี 1989 เขาทำวิทยานิพนธ์หัวข้อเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศในระหว่างศึกษาต่อที่ London School of Economics และต่อมาก็ร่วมทำวิจัยใน Washington D.C. ที่สถาบันนักคิดหัวเสรีนิยมอย่าง Cato Institue “ช่วงเวลาที่ LSE และ Cato ทำให้ผมตระหนักว่า นโยบายการเงินมีความสำคัญกับภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีกฎเกณฑ์เชิงนโยบายที่มีความสำคัญอื่นๆ มากำกับดูแล ไม่ว่าจะเป็นข้อบังคับต่างๆ ภาษี และนโยบายการค้า หากแต่นโยบายการเงินเป็นต้นกำเนิดของทุกอย่างที่กล่าวมานี้” Bowen กล่าว
- แนวทางการลงทุนในอนาคตของ Jay Bowen -
ปัจจุบัน Bowen ให้น้ำหนักการลงทุนกับธุรกิจเทคโนโลยีที่แฝงตัวอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต หรือพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างปัญญาประดิษฐ์, Internet of things (IoT) และ 5G กำลังเปลี่ยนแปลงโอกาสของธุรกิจในภาคการผลิตอย่างเช่น Honeywell บริษัทใน Charlotte ใน North Carolina ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิสำหรับครัวเรือน ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Honeywell ผู้นำในอุตสาหกรรมอวกาศได้ลงทุนใน Trinity Mobility บริษัทสัญชาติอินเดียผู้เป็นเจ้าของแอป IoT ที่จะนำมาใช้ในโครงการเมืองอัจฉริยะในเร็ววันนี้ นอกจากนี้ Honeywell ยังได้ทุ่มเงิน 1.3 พันล้านเหรียญแลกกับบริษัทซอฟต์แวร์สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพอย่าง Sparta Systems ในปีที่ผ่านมาอีกด้วย ผู้เล่นในธุรกิจเทคโนโลยีลำดับรองลงมาที่ Bowen ชื่นชอบได้แก่ Johnson Controls, Union Pacific, Teledyne และ Corning ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคเบิลไฟเบอร์ออฟติกรายใหญ่ที่สุดที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของเครือข่าย 5G นอกจากนี้ Corning ยังเป็นซัพพลายเออร์หลักของกระจกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งใช้กับหน้าจอแสดงผลของ iPhone โทรทัศน์จอแบน และคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปอีกด้วย “หุ้นของบริษัทเหล่านี้หลายแห่งที่ขายกันอยู่ ทั้งเทียบความถูกแพงกับค่าเฉลี่ยในตลาดหุ้นหรือในราคาต่ำกว่าและมีบัญชีงบดุลที่เข้มแข็ง รวมถึงให้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม” Bowen กล่าวพร้อมยกตัวอย่าง Honeywell ซึ่งมีอัตราปันผลตอบแทนอยู่ที่ 1.8%
- ปอกเปลือกโครงการพันธบัตรใน CALIFORNIA
- ธุรกิจขาขึ้นของ “EQT CORP.” บริษัทผลิตก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
- BRAND CRISIS MANAGEMENT: กลยุทธ์การบริหารจัดการแบรนด์ในภาวะวิกฤต
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 ในรูปแบบ e-magazine
