Hyatt Hotels Corporation ผู้ให้บริการรีสอร์ตหรูแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก - Forbes Thailand

Hyatt Hotels Corporation ผู้ให้บริการรีสอร์ตหรูแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก

FORBES THAILAND / ADMIN
24 Aug 2021 | 06:30 PM
READ 2585

Hyatt Hotels Corporation บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกลุ่มบริษัทชั้นนำด้านการบริหารจัดการรีสอร์ตหรู  Apple Leisure Group (ALG) ที่เงินสดมูลค่า 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะครอบคลุมห้องพักในโรงแรม 33,000 ห้องใน 10 ประเทศ 

Hyatt Hotels Corporation
Zoëtry Wellness & Spa Resorts
หลังการเข้าซื้อเสร็จสมบูรณ์ Hyatt Hotels Corporation จะก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการรีสอร์ตหรูแบบครบวงจรที่มีพอร์ตโฟลิโอใหญ่ที่สุดในโลกโดยพิจารณาจากจำนวนห้อง และเป็นผู้ประกอบการโรงแรมหรูรายใหญ่ที่สุดในเม็กซิโกและประเทศในแถบแคริบเบียน พอร์ตโฟลิโอของ Apple Leisure Group ได้ขยายจากรีสอร์ท 9 แห่งในปี 2007 เป็นโรงแรมกว่า 100 แห่งภายในสิ้นปี 2021 นอกจานี้ยังมีอีก 24 แห่งที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และด้วยข้อตกลงนี้ สมาชิก Unlimited Vacation Club ของ ALG กว่า 110,000 รายจะถูกผนวกรวมเข้าสู่กลุ่ม Hyatt  ทั้งนี้ AMResorts ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการแบรนด์รีสอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาของ ALG ประกอบด้วยแบรนด์ระดับไฮเอนด์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Secrets Resorts & Spa, Dreams Resorts & Spas, Breathless Resorts & Spas และ Zoëtry Wellness & Spa Resorts และ Alua Hotels & Resorts ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในยุโรป โดยข้อตกลงดังกล่าวจะเพิ่มจำนวนอสังหาริมทรัพย์ประเภทรีสอร์ทที่ Hyatt เป็นเจ้าของในเม็กซิโกจาก 9 แห่งเป็น 46 แห่ง และขยายธุรกิจของบริษัทในแถบแคริบเบียนจาก 5 แห่งเป็น 27 แห่ง  นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการจะนำแบรนด์ของ Hyatt เข้าสู่ตลาดใหม่ 11 แห่งในยุโรปอีกด้วย อาทิเช่น 40 แห่งในสเปนและอีก 3 แห่งในกรีซ ด้าน Mark Hoplamazian ประธานและซีอีโอ Hyatt กล่าวว่า “การเดินทางเพื่อพักผ่อนฟื้นตัวได้เร็วกว่าการเดินทางเพื่อธุรกิจ เราจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะตลาดการท่องเที่ยวที่หรูหราทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะเติบโตประมาณร้อยละ 11 จากปี 2021 ไปจนถึงปี 2027” AMR Collection ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน “ประสบการณ์ความหรูหราแบบไม่จำกัด” พร้อมให้บริการอาหารตามสั่งแบบกูร์เมต์ สิ่งอำนวยความสะดวกและสิทธิพิเศษมากมายที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะการบริการจากรีสอร์ท แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอัตราค่าบริการที่ค่อนข้างสูง โดยราคาที่พักเฉลี่ยของ Zoetry อยู่ที่ 400 เหรียญต่อคืน ขณะที่ Secret Resorts และ Dreams Resorts ที่เหมาะสำหรับครอบครัวเฉลี่ยอยู่ที่ 300 เหรียญและ 225 เหรียญต่อคืนตามลำดับ โดยการเข้าซื้อกิจการ ALG เป็นไปในทิศทางเดียวกับกลยุทธ์ระยะยาวของ Hyatt ในการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเพื่อให้มีรับรายรับจากค่าธรรมเนียมต่างๆ มากขึ้น “ALG เป็นธุรกิจที่เน้นการถือครองสินทรัพย์ให้น้อยลงหรือ asset-light ที่ไม่ได้เข้าเป็นเจ้าของโรงแรมโดยตรง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของเราอย่างสมบูรณ์ เพราะจะทำให้เปอร์เซ็นต์ของรายรับและรายได้ที่ Hyatt จะได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ เพิ่มขึ้น” Hoplamazian กล่าว  ในปี 2009 รายได้ร้อยละ 63 ของ Hyatt มาจากทรัพย์สินที่เป็นเจ้าของและให้เช่า ขณะที่อีกร้อยละ 37 เป็นรายได้จากค่าธรรมเนียม ทว่าในปี 2019 รายรับจากค่าธรรมเนียมสามารถครองสัดส่วนมากถึงร้อยละ 57 “เราคาดว่า Hyatt จะมีรายได้ตามค่าธรรมเนียมถึงร้อยละ 80 ภายในสิ้นปี 2024” Hoplamazian เสริม  โดยบริษัทคาดว่าการชำระเงินมากกว่าร้อยละ 80 ของการเข้าซื้อครั้งนี้จะชำระโดยเงินสดที่มีอยู่ในมือ 1 พันล้านเหรียญ รวมกับแหล่งเงินทุนจากการกู้เพิ่มและเงินทุนจากส่วนของผู้ถือหุ้นราว 500 ล้านเหรียญ ทั้งนี้ Hyatt ได้รับเงินกู้มูลค่า 1.7 พันล้านเหรียญจาก J.P. Morgan และจะนำเงินสดจากโครงการขายสินทรัพย์มูลค่า 2 พันล้านเหรียญมาชำระหนี้ที่เป็นเงินดาวน์ ซึ่งรวมถึงหนี้ที่เกิดขึ้นระหว่างการเข้าซื้อด้วย  นอกจากนี้ Hyatt ยังคาดว่าจะขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมที่มูลค่า 3.5 พันล้านเหรียญในช่วง 3 ปีข้างหน้า รวมถึงอีก 1.5 พันล้านเหรียญในปีนี้ แปลและเรียบเรียงจากบทความ Hyatt Spends $2.7 Billion To Become World’s Largest Operator Of Luxury All-Inclusive Resorts ดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: ยุทธชัย จรณะจิตต์ CPR กลุ่มโรงแรม รอ “วัคซีน” ฟื้นท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ