บริหารความมั่งคั่งแบบฉบับสำนักงานครอบครัว - Forbes Thailand

บริหารความมั่งคั่งแบบฉบับสำนักงานครอบครัว

FORBES THAILAND / ADMIN
14 Mar 2025 | 02:00 AM
READ 138

ในยุคนี้คุณไม่จำเป็นต้องมั่งคั่งระดับ Rockefeller หรือ Musk แต่ก็สามารถใช้บริการจากบริษัทบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคลระดับพรีเมียมได้เช่นกัน


    ณ ปี 1882 John D. Rockefeller ชายที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลกได้สร้างสำนักงานเฉพาะครอบครัวแบบครบวงจรแห่งแรกในสหรัฐฯ เพื่อบริหารจัดการและนำทรัพย์สินซึ่งมีการกล่าวกันว่า มีมูลค่าถึง 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว 3.1 หมื่นล้านเหรียญในปัจจุบัน) ไปลงทุน ณ ตอนที่เขาเสียชีวิตในปี 1937 เวลาผ่านไปในอีก 142 ปีต่อมาสมาชิกหลายคนใน The Forbes 400 ต่างก็มีสำนักงานครอบครัวของตนเองเพื่อช่วยจัดการทรัพย์สมบัติอันมหาศาลของพวกเขา

    แต่ครอบครัวชาวอเมริกันอีกหลายพันครอบครัวที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มมหาเศรษฐีต่างก็มีสำนักงานครอบครัวด้วยเช่นกัน โดยสำนักงานครอบครัวนั้นมีไว้เพื่อการลงทุน เก็บรักษา และส่งต่อทรัพย์สมบัติเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อสร้างทรัพย์สินเพิ่มขึ้นใหม่ พวกเขามีสำนักงานไว้เป็นทั้งเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและแสดงสถานะทางสังคม “ทุกคนต่างยุ่งวุ่นวายและพวกเขาเพียงอยากจะรู้ว่า ‘พวกเราเป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว? มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลบ้างไหม?’” Mark Rogozinski กรรมการผู้จัดการใหญ่ของสำนักงานครอบครัว Cresset Asset Management ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ใน Chicago กล่าว

    สำนักงานครอบครัวกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการเนื่องมาจากความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น และการตลาดเชิงรุกเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรวยทั่วไป พวกเบบี้บูมเมอร์สหรือกลุ่มคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และก่อนหน้ามักมีความกังวลเกี่ยวกับการส่งต่อความมั่งคั่ง (ยอดสะสมรวมประมาณ 84 ล้านล้านเหรียญ) และมีความปรารถนาที่จะให้คนรุ่นหลังมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกุศล ขณะเดียวกันฝั่งผู้ให้บริการสำนักงานครอบครัวเองก็สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยให้ติดตามผลการลงทุนและแบ่งปันข้อมูลทางการเงินได้ง่ายขึ้นในการขยายธุรกิจ ปัจจัยสำคัญประการสุดท้ายคือ ได้ผลประโยชน์ทางภาษี จากกฎหมายภาษีที่ปรับปรุงใหม่ในปี 2017 ร่วมกับคำพิพากษาของศาลภาษีที่เกิดขึ้นในปีเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว Lender (ผู้ผลิตเบเกิลชื่อดัง) หมายความว่า การยื่นแบบภาษีการลงทุนส่วนบุคคลสามารถนำมาหักลดหย่อนได้ในระดับของสำนักงานครอบครัว

    ยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดว่ามีสำนักงานเฉพาะครอบครัวอยู่กี่แห่งในสหรัฐฯ แต่คาดว่าน่าจะมีอยู่ราว 3,000-7,000 แห่ง แต่ต่างก็เห็นพ้องกันว่า จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Deloitte ประมาณการคร่าวๆ ว่า ในปี 2025 น่าจะมีสำนักงานเฉพาะครอบครัวถึง 3,550 แห่งทั่วอเมริกาเหนือ เพิ่มขึ้น 61% จากปี 2019 (เพื่อเป็นการเปรียบเทียบในปี 2024 Forbes นับจำนวนเศรษฐีพันล้านในสหรัฐฯ และแคนาดาได้ 880 คน)

    การมีสำนักงานเฉพาะครอบครัวนั้นจำเป็นต้องมีทรัพย์สินที่สามารถลงทุนได้อย่างน้อย 100 ล้านเหรียญ (ทางที่ดีควรจะมีสัก 250 ล้านเหรียญ) แต่สำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินเพียง 25 ล้านเหรียญ หรือเพียง 10 ล้านเหรียญ อาจจะเลือกใช้บริการของสำนักงานครอบครัวแบบหลายครอบครัวก็ได้ หากยินดีที่จะจ่ายค่าบริการด้านการวางแผนมรดก ภาษี และกิจกรรมการกุศลต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงการลงทุนทางเลือกอื่นๆ เช่น ตราสารอนุพันธ์และการร่วมเงินลงทุน หรือ VC 

    สำนักงานเฉพาะครอบครัวนั้นมีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ 1 ล้านเหรียญต่อปี (แต่มักจะมากกว่านั้น) แต่สำนักงานครอบครัวแบบหลายครอบครัวมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 0.5-2% ของสินทรัพย์ต่อปี (โดยทั่วไปยิ่งพอร์ตโฟลิโอใหญ่เปอร์เซ็นต์ค่าธรรมเนียมก็จะยิ่งน้อยลง) บางครั้งอาจมีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมจากผลการดำเนินงานด้วย ส่วนบริการพิเศษอื่นๆ เช่น เรื่องของการจัดการเรื่องบ้าน ความปลอดภัยและการเดินทางก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โครงสร้างค่าธรรมเนียมก็เช่นเดียวกับการใช้บริการที่มักจะสามารถต่อรองได้และเป็นแบบรายบุคคล สำนักงานครอบครัวแบบหลายครอบครัวบางแห่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคงที่ต่อปีเริ่มต้นที่ 50,000 เหรียญ และสูงถึง 1 ล้านเหรียญสำหรับบริการแบบครบวงจร 

    มีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการบริการที่พิเศษสุดเช่นนี้ (เท่าที่จ่ายไหว) จากผลการสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐ ในปี 2022 เกี่ยวกับฐานะทางการเงินของผู้บริโภคพบว่า คนร่ำรวยที่จัดอยู่ใน 1% นั้น (ประมาณ 1.3 ล้านครัวเรือน) มีทรัพย์สินสุทธิอย่างน้อย 11 ล้านเหรียญ ส่วนคนมั่งคั่งที่อยู่ในระดับบนสุด 0.1% (ประมาณ 133,000 ครัวเรือน) มีทรัพย์สินสุทธิอย่างน้อย 46 ล้านเหรียญ

    สำนักงานครอบครัวแบบหลายครอบครัวในยุคแรกเริ่มเกิดขึ้นจากการที่ครอบครัวร่ำรวยครอบครัวหนึ่งได้เชื้อเชิญครอบครัวอื่นๆ มาร่วมกันเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย Cresset ถือเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนในธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนแบบใหม่ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในธุรกิจสำนักงานครอบครัวแบบหลายครอบครัว บริษัทก่อตั้งขึ้นใน Chicago เมื่อ 7 ปีก่อน โดย 2 มือเก๋าในแวดวงการลงทุนหุ้นนอกตลาด เพื่อบริหารจัดการความมั่งคั่งในครอบครัวตนเอง หลังจากที่ได้ควบรวมกิจการกับ The Connable Office ซึ่งเป็นสำนักงานครอบครัวแบบหลายครอบครัวที่ดำเนินกิจการมา 130 ปีแล้ว ทำให้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Cresset มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการสูงถึง 6 หมื่นล้านเหรียญ

    แน่นอนว่า สำนักงานครอบครัวที่ควบคุมโดยคนรุ่นเก่าก็มักจะล้าหลังในเรื่องของเทคโนโลยี Josh Kanter ทนายความและที่ปรึกษาทางการเงินจากเมือง Salt Lake City สรุปจากประสบการณ์ของตัวเองว่า สำนักงานครอบครัวจำเป็นต้องมีการใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น โดยเขาก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ของตัวเองชื่อ Leafplanner ขึ้นมา ทั้งเพื่อใช่งานร่วมกับซอฟต์แวร์ที่สามารถติดตามผลการลงทุนแบบหลายสินทรัพย์ การให้คำแนะนำที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคลได้โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้ หลังการเปิดตัวในปี 2022 เป็นต้นมาได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ Leafplanner นี้ให้กับครอบครัวต่างๆ ไปแล้ว 145 ครอบครัว



เรื่อง: Kelly Phillips erb เรียบเรียง: จารุณี แตมสำราญ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สูงวัยกำไรงาม เบบี้บูมเมอร์อเมริกันครองความมั่งคั่ง 30% ของประเทศ

อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ในรูปแบบ e-magazine

Forbes Thailand ใช้คุ้กกี้บนเว็บไซต์นี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน ท่านตกลงใช้งานคุ้กกี้เพื่อใช้งานเว็บไซต์ต่อไปนโยบายความเป็นส่วนตัวและนโยบายความการใช้คุกกี้