ในช่วงที่ผ่านมา ถนนอันสวยหรูของ Tesla ก็ไม่ราบเรียบเสียเลย ด้วยหุ้นที่ตกลงไปมากกว่าร้อยละ 15 เมื่ออาทิตย์ก่อนหลัง Elon Musk ได้ทวีตว่าจะขายหุ้นของเขาร้อยละ 10
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน หุ้น Tesla ที่ได้ปิดตัวไปเมื่อวันจันทร์ก็ตกลงไปอีกร้อยละ 2 ทำให้ทรัพย์สินของ Musk ไหลออกจากกระเป๋าไปอีก โดยปัจจุบัน Elon Musk มีทรัพย์สิน 2.66 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯจากการคาดการณ์ของ Forbes ซึ่งหายไปกว่า 5.15 หมื่นล้านเหรียญฯหลังจากที่ทวีตของเขาทำหุ้น Tesla ปั่นป่วนไปหมด Musk ได้ขายหุ้นของเขาทิ้งมาเรื่อยๆ โดยเขาได้ขายหุ้นมูลค่าราวๆ 5 พันล้านเหรียญฯไปเมื่ออาทิตย์ก่อน และได้ขายเพิ่มอีก 7 ร้อยล้านเหรียญฯ หลังจากนั้น เอกสารทางการเงินที่ได้ถูกนำออกมาเมื่อวันศุกร์ก็เปิดเผยให้เห็นการขายรอบใหม่ ทำให้โดยรวม เขาได้ขายหุ้นไปแล้ว 1.2 ล้านหุ้น เป็นมูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญฯ (ก่อนภาษี) สรุปก็คือ Musk ได้ขายหุ้นไปกว่า 6.3 ล้านหุ้น และได้ใช้สิทธิตราสารสิทธิกว่าอีก 2.2 ล้านสิทธิ โดยมีรายได้ทั้งหมดก่อนหักภาษีเกือบ 7 พันล้านเหรียญฯเลยทีเดียว มันเป็นกลยุทธ์ใหม่ของ Musk ที่เคยเรียกตัวเองว่าเป็นคน “มีสภาพคล่องทางการเงินต่ำ” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขาผูกติดอยู่กับบริษัท Tesla และ SpaceX บริษัทจรวดของเขามากกว่าที่จะอยู่ในรูปแบบเงินสดหรืออสังหาริมทรัพย์ ก่อนจะถึงอาทิตย์ก่อน เศรษฐีเท็กซัสคนนี้ก็ได้ขายหุ้น Tesla ไปสองรอบ ครั้งแรกในปี 2010 หลังจากที่ทางบริษัทเปิดตัวเป็นมหาชนได้ไม่นาน โดยเขาได้ขายหุ้นไปกว่า 1.4 ล้านหุ้นในมูลค่ากว่า 24 ล้านเหรียญฯ และอีกครั้งเมื่อปี 2016 โดยครั้งนี้ได้ขายไปกว่า 2.7 ล้านหุ้นเป็นมูลค่าราวๆ 5.93 ร้อยล้านเหรียญฯ ซึ่งเขาได้ใช้เงินตรงนั้นจ่ายภาษีตราสารสิทธิ Tesla เขาเองก็มีเหตุผลที่เขาจะขายหุ้นเหล่านั้น โดยหุ้นของ Tesla พุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 150 ในช่วงปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีตกลงบ้างในอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตาม Musk เองก็ได้เสนอว่า Tesla มีมูลค่าสูงเกินจริงอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีกฎหมายภาษีมูลค่าหลายพันล้านรอเศรษฐีคนนี้อยู่ เนื่องมาจากตราสารสิทธิที่จะซื้อหรือขายหุ้นที่จะหมดอายุในเดือนสิงหาคม 2022 นั่นเอง เม็ดเงินมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญฯ จากทั้งหมดเกือบ 7 พันล้านเหรียญฯ ที่ Musk ได้มาจากการขายหุ้น Tesla ถูกนำไปจ่ายภาษีการใช้สิทธิตราสารร้อยละ 10 หุ้นที่เหลือที่ Musk ได้ขายไป อาจจะสามารถช่วยเขาชดเชยภาษีที่ต้องจ่ายเนื่องจากตราสารที่เหลืออยู่ได้บ้าง หรือไม่ก็ถูกนำไปใช้จ่ายคืนเงินที่เขากู้มาเป็นการส่วนตัวจาก Tesla จนถึงปัจจุบันนี้ Musk ได้ขายหุ้น Tesla ที่เขามีอยู่ไปไม่ถึงร้อยละ โดยยังไม่นับหุ้นใหม่ๆ ของเขาที่ได้มาจากการใช้สิทธิในตราสารสิทธิ เมื่อวันพฤหัสบดี Dan Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush กล่าวว่าการขายร้อยละ 10 ที่เขาเคยทวีตเอาไว้เหมือนจะ “กำลังเกิดขึ้น” การซื้อขายของ Musk ไม่ได้เตะตาแค่นักลงทุนทั้งหลาย แต่ทางวุฒิสภาสหรัฐ Ron Wyden ผู้เรียกร้องให้เก็บภาษีเหล่าคนรวยล้นฟ้าให้มากขึ้น ตอบกลับผลสำรวจนั้นผ่านทวิตเตอร์ว่า “การที่ผู้ชายที่รวยที่สุดในโลกคนหนึ่งจะต้องจ่ายภาษีหรือไม่ ไม่ควรขึ้นอยู่กับผลโพลบนทวิตเตอร์ ถึงเวลาแล้วที่จะมีภาษีรายรับเศรษฐีพันล้านสักที” ทวีตของ Wyden ก็ได้ทำให้ทาง Musk ตอบกลับอย่างหยาบคาย วุฒิสภาสหรัฐอีกคนที่วิพากษ์จิจารณ์เศรษฐีพันล้านอยู่บ่อยครั้งอย่าง Bernie Sanders ก็ได้เข้าไปผัวพันกับการปะทะครั้งนี้ในช่วงสุดสัปดาห์และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดย Sanders ได้ทวีตเมื่อวันเสาร์ว่า “เราต้องเรียกร้องให้เศรษฐีรวยล้นฟ้าทั้งหลายจ่ายอะไรบ้าง จบข่าวนะ” วันต่อมา Musk ได้เล็งเป้าไปยัง Sanders โดยทวีตว่า “ผมชอบลืมไปว่าคุณยังมีชีวิตอยู่” และยังได้ Musk ทวีตตอบอีกว่า “อยากให้ผมขายหุ้นมากกว่านี้หรอ Bernie คุณก็แค่พูดมาเลย . . . ” Musk ยังคงทวีตตอบเมื่อวันจันทร์อีกว่า “โอเค คุณคิดว่าเท่าไรดีหล่ะ ถึงจะยุติธรรม สักร้อยละ 53 ฟังดูดีไหม” และทวีตเสริมว่า “ทักษะการจัดสรรสินทรัพย์ที่ดูเป็นไปได้ของทายาทนี่น่าน่าจะด้อยกว่าผู้สร้างสินทรัพย์นะ เพราะฉะนั้นผมเห็นด้วยกับภาษีกองมรดก” อีกทั้ง Musk เองก็ได้ลงนามใน Giving Pledge ซึ่งเป็นสัญญาว่าเขาจะบริจาคทรัพย์สินของเขาอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเพื่อการกุศล แต่ Forbes ประเมินว่า Musk ได้บริจาคไปไม่ถึงร้อยละ 1 ของทรัพย์สินที่เขามีอยู่เลยด้วยซ้ำ แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Elon Musk Is $50 Billion Poorer Since His Twitter Poll Sent Tesla Stock Spiraling เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: Disney ‘มุ่ง’ หาช่องทางก้าวเข้าสู่โลกพนันกีฬาไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine