คิดให้ดีก่อนจะแว้งกัดผู้มีพระคุณ - Forbes Thailand

คิดให้ดีก่อนจะแว้งกัดผู้มีพระคุณ

FORBES THAILAND / ADMIN
20 Mar 2017 | 02:46 PM
READ 2360

Jim Musselman และบริษัทพลังงาน Caelus Energy ยินดีอย่างมากที่จะช่วยรัฐ Alaska แก้ไขปัญหาด้านงบประมาณ ปัญหากลับอยู่ที่ว่า รัฐ Alaska กลับไม่ยอมเปิดทางให้พวกเขา

การเดินทางไปยังอ่าว Smith Bay ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐ Alaska เป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากพื้นที่แถบนั้นไม่มีถนนตัดผ่านและไม่มีประชากรเข้าไปอาศัย เมืองที่ใกล้ที่สุดมีชื่อว่า Barrow ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 70 ไมล์ ด้วยเหตุที่ทุ่งหิมะหรือ “ทุนดรา” ซึ่งอยู่บริเวณจุดตัดระหว่างเขต North Slope กับทะเล Beaufort มีความเปราะบาง การขุดเจาะเพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันดิบในบริเวณนี้จึงได้รับอนุญาตให้ดำเนินการได้เฉพาะในช่วงกลางฤดูหนาวที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ต่ำกว่า 20 องศาและพื้นน้ำแข็งมีความหนาประมาณ 3 ฟุต เมื่อฤดูหนาวของปีที่ผ่านมาบริษัท Caelus Energy ได้ขุดเจาะหลุมแรกที่บริเวณอ่าว Smith Bay ซึ่งนำไปสู่การค้นพบน้ำมันดิบในแหล่งกักเก็บใต้ดินปริมาณ 2 พันล้านบาร์เรล การค้นพบดังกล่าวจะช่วยทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบมากเพียงพอสำหรับป้อนให้กับท่อส่งน้ำมันดิบเส้นทาง Trans-Alaska ซึ่งปัจจุบันขนส่งน้ำมันลดลงเหลือเพียงวันละ 500,000 บาร์เรล เมื่อเทียบกับปี 1988 ที่ขนส่งน้ำมันดิบสูงถึง 2 ล้านบาร์เรล
แหล่งขุดเจาะน้ำมันบริเวณอ่าว Smith Bay [เครดิตภาพ: Alaska Dispatch News]
strong>Jim Musselman ซีอีโอของบริษัท Caelus Energy บอกว่า “การค้นพบดังกล่าวเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น พื้นที่บริเวณนั้นยังมีปริมาณน้ำมันดิบที่รอการค้นพบอีกเป็นจำนวนมหาศาล” แต่แทนที่เราจะเห็น Musselman จัดงานเลี้ยงฉลองการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบใหม่ดังกล่าว ตรงกันข้ามเขากลับมีทีท่าเป็นกังวลว่าจะเอาน้ำมันดิบพวกนั้นออกมาได้อย่างไร เหตุที่เป็นแบบนั้นเป็นเพราะว่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Bill Walker ผู้ว่าการรัฐ Alaska ได้ใช้อำนาจยับยั้งร่างกฎหมายที่จะให้รัฐ Alaska ชำระคืนหนี้จำนวน 100 ล้านเหรียญแก่บริษัท Caelus Energy (โดยอ้างสิทธิ์ให้รัฐ Alaska สามารถค้างชำระหนี้เพิ่มเป็นจำนวน 100 ล้านเหรียญในปี 2017) บริษัทไหนเจอสถานการณ์ที่ลูกหนี้บิดพลิ้วการชำระคืนหนี้ก้อนโตก็คงเจ็บจนพูดไม่ออก โดยเฉพาะบริษัทเอกชนที่เพิ่งเริ่มต้นการทำธุรกิจและขนเงินไปลงทุนในรัฐ Alaska เป็นจำนวนสูงถึง 700 ล้านเหรียญ ก่อนหน้านี้รัฐ Alaska มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับน้ำมันมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ครั้งในรอบสิบปี แต่เมื่อปี 2013 ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นมาที่ 90 เหรียญต่อบาร์เรล ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติได้ข้อสรุปเรื่องสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนที่จะเข้ามาสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในรัฐ Alaska โดยบริษัทที่มาลงทุนจะได้รับเครดิตภาษีเงินคืนในอัตราสูงจากรัฐเป็นเงินสด ซึ่ง Musselman รู้สึกพอใจมากกับข้อเสนอและตัดสินใจเข้าซื้อกิจการบ่อน้ำมัน Oooguruk และสินทรัพย์อื่นๆ บริเวณเขต North Slope จากบริษัท Pioneer Natural Resources เป็นเงินจำนวน 550 ล้านเหรียญ หลังจากนั้นบริษัท Caelus ได้รวบรวมพื้นที่อีก 350,000 เอเคอร์ ซึ่งอยู่ติดกับอ่าว Prudhoe Bay เข้าด้วยกัน รวมถึงซื้อสิทธิการเช่าเป็นระยะทาง 150 ไมล์จากฝั่งตะวันตกของอ่าว Smith Bay ด้วยเหตุนี้ เราคงนึกออกว่า Musselman จะฉุนขาดแค่ไหนเมื่อรู้ว่า Walker ผู้ว่าการรัฐ Alaska ได้ดำเนินการยับยั้งร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดให้รัฐ Alaska ดำเนินการชำระหนี้จำนวน 400 ล้านเหรียญแก่บริษัทสำรวจและขุดเจาะน้ำมันขนาดเล็ก ทั้งที่รายจ่ายดังกล่าวมีกฎหมายรองรับชัดเจนอยู่แล้ว การบิดพลิ้วครั้งนี้เกิดจากราคาน้ำมันที่ดำดิ่งทำให้รัฐ Alaska ต้องสูญเสียรายได้สูงถึงร้อยละ 83 คิดเป็นเงินประมาณ 1.7 พันล้านเหรียญ รัฐจึงจำเป็นต้องตัดงบประมาณรายจ่ายลงร้อยละ 45 และหยิบยืมเงินจำนวน 12.6 ล้านเหรียญจากกองทุนเงินสำรองฉุกเฉินออกมาใช้ชั่วคราว นอกจากนี้ Walker ได้ดำเนินการตัดเงินสงเคราะห์รายปีที่จ่ายให้แก่พลเมืองของรัฐ Alaska เหลือเพียงปีละ 1,000 เหรียญ (ลดลงจากเดิมร้อยละ 50) ซึ่งพลเมืองของรัฐมีสิทธิ์ได้รับจากกองทุน Permanent Fund ซึ่งมีสินทรัพย์อยู่ประมาณ 5.5 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งรายได้ของกองทุนดังกล่าวมาจากธุรกิจน้ำมัน ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนจากภาครัฐในการเรียกเก็บภาษีจากบริษัทน้ำมันเพิ่ม ปัจจุบันพลเมือง Alaska จ่ายภาษีบำรุงท้องที่คนละประมาณ 500 เหรียญต่อปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัตราภาษีที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับรัฐอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา แต่นักการเมืองส่วนใหญ่ก็เหมือน Walker ตรงที่พวกเขาจะไม่ยอมทำเรื่องที่จะกระทบคะแนนเสียงความนิยมส่วนตัว ดังนั้น พวกเขาจึงโยนภาระภาษีให้กับบริษัทน้ำมันแทนที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มจากประชาชน
Bill Walker ผู้ว่าการรัฐ Alaska [เครดิตภาพ: Alaska Dispatch News]
strong>Dave Harbour อดีตประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายนิติบัญญัติ ได้แสดงทรรศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “สิ่งที่ผู้ว่าการรัฐดำเนินการอยู่ช่างสวนทางกับความต้องการของรัฐ Alaska” โดยเขาให้เหตุผล “จะมีใครหน้าไหนกล้าเสี่ยงเข้ามาลงทุนในรัฐแห่งนี้ หากผู้บัญญัติกฎหมายไม่ปฏิบัติตามกติกาที่วางไว้ เราต้องทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า กติกาข้อตกลงใดๆ ที่ออกโดยรัฐ Alaska จะไม่ถูกขยำทิ้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เนื่องจากเงินลงทุนจากภาคเอกชนมีความสำคัญต่อรัฐ Alaska ทำให้บริษัทน้ำมันมีอำนาจพอสมควรในการเจรจาต่อรองกับ Walker โดย Musselman พูดถึงผู้ว่าการรัฐ Alaska คนนี้ว่า “เขาเป็นคนประเภทที่พร้อมจะแว้งกัดเราได้ทุกเมื่อ แต่อย่าลืมว่าเขายังต้องพึ่งพาเงินลงทุนจากเราอยู่” ดูเหมือนว่า Musselman จะไม่ยอมจำนนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ประสบการณ์ได้สอนให้เขารู้ว่า การเดินเข้ามาสู่สมรภูมิรบทางการเมืองไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอะไร หากเตรียมตัวมาดีและมองแล้วว่าสิ่งที่จะได้รับกลับคืนคุ้มค่ากับความเหนื่อยยาก เขาผ่านประสบการณ์ทำงานมาแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโคลอมเบีย มาเลเซีย อิเควทอเรียลกินี หรือสาธารณรัฐกาน่า ซึ่งเขาสำรวจพื้นที่ภายใต้ชื่อบริษัท Kosmos Energy และค้นพบแหล่งน้ำมันดิบ Jubilee Field ในปี 2007 ซึ่งถือเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์การค้นพบแหล่งน้ำมันดิบในสาธารณรัฐกาน่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีอัตราการผลิตน้ำมันวันละ 100,000 บาร์เรล ทั้งนี้ Musselman เล็งเห็นว่าบริษัท Caelus และบริษัทคู่แข่งมีศักยภาพที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้อีกถึง 400,000 บาร์เรลต่อวันในเขตพื้นที่ North Slope ในช่วงเวลาอีก 10 ปีนับจากนี้ “เราสามารถช่วยให้รัฐ Alaska แก้ไขวิกฤตการณ์ด้านการคลังไปได้อีก 3 ถึง 4 ชั่วอายุคน หากพวกเขายอมให้เรายื่นมือเข้าไปช่วย” นอกจากนี้เขายังฝากข้อความถึง Walker ว่า “อย่าคิดบิดพลิ้วเป็นอันขาด ถ้าคุณทำแบบนั้น รับรองว่าคุณได้ฝันร้ายแน่”
คลิกอ่านฉบับเต็ม "คิดให้ดีก่อนจะแว้งกัดผู้มีพระคุณ" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ กุมภาพันธ์ 2560