คัท! เปลี่ยนฉาก! - Forbes Thailand

คัท! เปลี่ยนฉาก!

FORBES THAILAND / ADMIN
10 Jan 2017 | 01:59 PM
READ 2124

Renny Harlin ประสบความสำเร็จเหนือคาดกับภาพยนตร์ที่เป็นผลงานแท็คทีมร่วมกับเฉินหลง และตอนนี้เขากำลังตัดสินใจย้ายจากฮอลลีวูดมาลงหลักปักฐานที่แดนมังกร

Renny Harlin ทุ่มเดิมพันอย่างสุดกำลังไปกับผลงานกำกับเรื่องแรกในจีนกับภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นคอเมดี้เรื่อง Skiptrace ที่มี Jackie Chan หรือเฉินหลงแสดงนำ เขาย้ายถิ่นฐานจากเมืองอันคุ้นเคยมาพร้อมกับ Midnight Sun Pictures บริษัทผลิตภาพยนตร์ของเขาใน Los Angeles มายังประเทศจีน “ผมเทหมดหน้าตักและลองเสี่ยงดวงดู” Harlin วัย 57 ปี เล่าผ่านอีเมล์ภาพยนตร์เกี่ยวกับตำรวจสืบสวนชาวฮ่องกง (เฉินหลง) ที่ต้องร่วมมือกับเซียนพนันชาวอเมริกัน (Johnny Knoxville) ขึ้นแท่นประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว Skiptrace เปิดตัวฉายวันแรกในจีนเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมาด้วยรายได้ 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯแซงหน้าภาพยนตร์ที่กำลังเข้าฉายเรื่องอื่นๆ รายได้ในสัปดาห์แรกที่ 62.2 ล้านเหรียญทุบสถิติกลายเป็นหนังของเฉินหลงที่ทำรายได้ได้มากที่สุดในประเทศจีน ด้วยทุนสร้างโดยประมาณเพียง 30 ล้านเหรียญ Skiptrace กวาดรายได้ไปมากกว่า 100 ล้านเหรียญภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ สำหรับปี 2016 ภาพยนตร์จากสหรัฐฯ ที่ทำรายได้ในจีนได้มากกว่าคือหนังฟอร์มยักษ์ เช่นเรื่อง Zootopia, Warcraft, Captain America: Civil War, Kung Fu Panda 3 และ The Jungle Book หลังจากนั้นไม่นาน Skiptrace ก็ได้ฤกษ์นำเสนอความมันส์ในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก ภายหลังเปิดตัวเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เพียงบางแห่งในสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำหรับ Harlin ผู้ทำผลงานได้ไม่สู้ดีนักมาเกือบ 2 ทศวรรษ คราวนี้จึงเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ในอดีตเขาประสบความสำเร็จกับภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Nightmare on Elm Street 4, Die Hard 2 และ Cliffhanger ภาพยนตร์ติดอันดับยอดนิยมเรื่องล่าสุดของเขาคือ Deep Blue Sea (ปี 1999)  ซึ่งทำรายได้มากกว่า 164 ล้านเหรียญจากงบประมาณการสร้าง 60 ล้านเหรียญ ส่วน The Legend of Hercules (ปี 2014) หนังฟอร์มยักษ์ของเขาที่ใช้ทุนสร้างสูงแต่สุดท้ายกลับแป้ก โดยทำเงินไปได้เพียง 61 ล้านเหรียญซึ่งต่ำกว่างบประมาณการสร้างไปเกือบ 10 ล้านเหรียญ “ในวงการฮอลลีวูดคุณจะถูกตัดสินจากผลงานเรื่องล่าสุด ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมต้องเผชิญอุปสรรคท้าทายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”เขากล่าว สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Harlin ตัดสินใจย้ายถิ่นฐานเกิดขึ้นระหว่างเดินทางไปที่จีนเมื่อ 6 ปีก่อนหน้านี้ เขาได้รับการติดต่อให้กำกับภาพยนตร์เกี่ยวกับเจงกีส ข่าน และได้ใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ตระเวนหาสถานที่ถ่ายทำซึ่งเป็นโอกาสให้เขาเปิดประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศจีนเป็นครั้งแรก “แม้สุดท้ายแล้วโครงการนี้จะไม่ได้ลุล่วงไปถึงปลายทางแต่มันได้ฝากรอยประทับที่เด่นชัดในใจของผม” Harlin กล่าว เมื่อผู้อำนวยการสร้าง Skiptrace ติดต่อทาบทามเขาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2014 เขาก็พร้อมตกลงที่จะเดินหน้า เขารู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ให้โอกาสเขาได้ย้อนกลับไปทำสิ่งที่ตนเองถนัดอีกครั้ง “ผมสามารถผสมผสานเรื่องราวแอ็คชั่นเข้ากับฉากทิวทัศน์อันสวยงามพร้อมใส่ความสนุกสนานแทรกมุกเสริมความฮา ซึ่งเป็นแนวที่ผมชื่นชอบ” เมื่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์สหรัฐฯ ชะลอตัวในขณะที่ตลาดจีนกำลังเติบโต Harlin จึงเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของที่นี่ “พวกเขามีเงินที่จะจับจ่ายและพวกเขาต้องการความบันเทิง ในบางพื้นที่ของประเทศผู้บริโภคเพิ่งมีโอกาสสัมผัสการรับชมภาพยนตร์ในโรงหนังเป็นครั้งแรก” เขากล่าว “นักลงทุนและสตูดิโอภาพยนตร์ต้องการผลิตหนังเพื่อสนองความต้องการของตลาด นอกจากนั้นยังคิดหาแนวทางที่จะยกระดับภาพยนตร์จีนสู่ตลาดโลกและตีโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จนอกภูมิภาคเอเชีย” แม้ Harlin จะย้ายไปลงหลักปักฐานที่ Beijing แล้ว แต่เขายังคงผูกพันกับ Los Angeles และนี่ก็ไม่ใช่ความเสี่ยงครั้งแรกที่เขาวางเดิมพัน อันที่จริงแล้วเขามาจากประเทศฟินแลนด์ “หลังการถ่ายทำหนังเสร็จสิ้นลง ผมตัดสินใจที่จะอยู่เมืองจีนต่อและลองเดิมพันดูสักตั้ง” การลาจาก Los Angeles ที่เขาใช้ชีวิตมานานกว่า 25 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย “ผมตัดใจลา ผมย้ายไปยังประเทศที่ห่างไกลไปกว่าครึ่งค่อนโลกเพื่อตั้งต้นใหม่ อย่างที่เคยเดินทางเข้าสู่อเมริกาเมื่อตอนอายุ 26 ผมไปสตูดิโอทุกวันเหมือนสมัยที่ยังรุ่งโรจน์ในฮอลลีวูด แม้งานจะยุ่งมากกว่าที่เคย แต่ผมก็รักประเทศนี้และผมรักบ้านหลังใหม่ของผม” เขากล่าว “ผมยังไม่รู้ว่าผมจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน แต่ยังไงก็ยังไม่มีแผนที่จะไปจากที่นี่ ถ้าหากสามารถใช้เวลาในสายอาชีพที่เหลืออยู่ที่นี่ได้ ผมคงจะกลายเป็นนักสร้างหนังที่มีความสุขที่สุดในโลก” มีหนังจากฟากอเมริกาเพียงไม่กี่เรื่องที่ถ่ายทำในจีนโดยมีผู้กำกับเป็นชาวสหรัฐฯ และจำนวนยิ่งน้อยลงไปอีกหากนับเฉพาะหนังที่มาจากการร่วมทุนสร้างระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และจากข้อมูลที่ Harlin รับรู้ Skiptrace คือการจับมือร่วมผลิตภาพยนตร์อย่างเป็นทางการเรื่องแรกของทั้งสองฝั่งซึ่งหมายความว่าผู้อำนวยการผลิตและเงินทุนในการสร้างมาจากทั้งสองประเทศ เช่นเดียวกับการเขียนบท คัดเลือกนักแสดงไปจนถึงการถ่ายทำ Skiptrace ผ่านการรับรองจากทางการจีนว่าเป็นภาพยนตร์สัญชาติจีน ทำให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องผ่านข้อบังคับเรื่องจำนวนโควต้าหนังต่างประเทศที่จะนำเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ รวมถึงการจำกัดการฉายในบางช่วงเวลาบริษัทผลิตภาพยนตร์จีนสนใจที่จะจับมือร่วมผลิตหนังกับบริษัทจากสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกอื่นๆ ในขณะที่ฟากสตูดิโอนายทุน และบริษัทเอกชนจากสหรัฐฯ ก็กระตือรือร้นที่จะหาแหล่งเงินทุนและพันธมิตรในจีน “หากบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ฝั่งตะวันตกรายใดกำลังวางแผนที่จะสร้างภาพยนตร์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้เครือข่ายค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการฮอลลีวูดที่มีอำนาจต่อรองสูง และไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บรรดาซูเปอร์ฮีโร่ที่โด่งดัง พวกเขาต้องถามตัวเองว่ามีเหตุผลอะไรที่จะสร้างหนังเหล่านั้นเพื่อเข้าฉายในตลาดอเมริกาที่กำลังตกต่ำ ในเมื่อพวกเขามีโอกาสที่จะผลิตหนังโดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองและคาดว่าจะก้าวขึ้นรั้งอันดับหนึ่งของโลกในอีกไม่ช้า อย่างตลาดประเทศจีน” แน่นอนว่าต้นทุนการผลิตภาพยนตร์ที่ต่ำกว่าคือหนึ่งในปัจจัยที่ดึงดูด “ทีมงานมีทักษะและความสามารถ ปกติจะถ่ายทำสัปดาห์ละ 6 วัน แต่ด้วยความขยันขันแข็ง เป็นเรื่องธรรมดามากที่พวกเขาจะลุยงานตลอด 7 วัน เทียบกับการทำงานสัปดาห์ละ 5 วันในสหรัฐฯ” Harlin ยังเสริมอีกว่าฉากสำหรับถ่ายทำก็ใช้งบประมาณน้อยกว่าและสำหรับอุตสาหกรรมเทคนิคการปรับแต่งภาพของจีนก็กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว คุณภาพเริ่มทัดเทียมระดับฮอลลีวูด โดยประเทศนี้ยังมีทัศนียภาพอันงดงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ และมีสถานที่ถ่ายทำและบันทึกเสียงมากที่สุดในโลก Harlin เป็นผู้กำกับภาพยนตร์จากฮอลลีวูดคนแรกที่เดินทางไปจีนและร่วมงานกับทีมกองถ่ายชาวจีนล้วน เขาเป็นชาวอเมริกันเพียงคนเดียวท่ามกลางทีมงาน 400 คน การถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์ก่อนกำหนดและใช้งบประมาณต่ำกว่าที่ตั้งไว้ “ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายที่นี่ แต่ก็ยอมรับว่าประสบการณ์จากฮอลลีวูด มีส่วนช่วยในระดับหนึ่ง” เขากล่าว Harlin ยอมรับว่าการเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่เป็นเรื่องที่ท้าทาย “ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน วิธีการทำงานไม่เหมือนกัน และทัศนคติก็ไม่ใช่แบบอเมริกัน” เขากล่าว “คุณต้องเปิดรับมองสิ่งเหล่านั้นให้ดีเข้าไว้” ปัจจุบัน Harlin มีหนังใหม่อีกหลายโครงการในมือซึ่งรวมถึง The Legend of the Ancient Swordร่วมกับ Alibaba Pictures ที่โครงเรื่องมาจากวิดีโอเกมยอดนิยมของจีน “เราอยู่ในขั้นตอนเตรียมงานก่อนถ่ายทำ โดยกำลังสร้างฉากและเตรียมอุปกรณ์ จัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและคัดเลือกนักแสดง” เขากล่าว ส่วนการถ่ายทำฉากผจญภัยแนวแฟนตาซีอันยิ่งใหญ่ด้วยทีมงานชาวจีนทั้งหมดได้เริ่มขึ้นในเดือนตุลาคมที่ Beijing “หนังเรื่องนี้ชวนให้ผมดำดิ่งสู่ความฝันในวัยเด็กและสร้างโลกแห่งจินตนาการให้เป็นจริง” เขากล่าวว่าเนื้อหาของเรื่องนี้มีเค้าโครงจากตำนานสมัยโบราณของจีน นอกจากนี้ Harlin ยังวางแผนที่จะสร้างภาพยนตร์อีกหลายเรื่องโดยจับมือกับผู้กำกับรุ่นใหม่ชาวจีนที่เขาได้สร้างสัมพันธ์ไว้ “ผมหวังว่าจะสามารถช่วยสร้างความฝันของพวกเขาให้ปรากฏบนจอภาพยนตร์” เขากล่าวว่าตอนนี้เขากำลังเพลิดเพลินกับบทใหม่ของชีวิตแม้ว่า “ต้องผ่านเส้นทางที่ยาวนานและยากลำบากกว่าจะมาถึงจุดนี้” เขาหยิบยกประโยคจาก Sylvester Stallone เพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานานและเคยเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ของเขา 2 เรื่อง “ครั้งหนึ่งเขาพูดกับผมว่า ‘ไม่สำคัญว่าคุณจะโดนหมัดน็อคร่วงลงไปกี่ครั้ง มันสำคัญที่ว่าคุณจะฮึดลุกขึ้นได้หรือไม่’ ผมไม่เคยลืมประโยคนี้ มันทำให้ผมมีแรงฮึดเดินหน้าต่อแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมดีใจที่ผมลุกขึ้นสู้อีกครั้งกับ Skiptrace มันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตผม”
คลิ๊กอ่านบทความทางด้านธุรกิจ ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559