หลังจากเหตุการณ์นักบินประท้วงหยุดงานและดำเนินการเจรจาต่อรองกันมานาน ล่าสุดสายการบิน Delta Airlines ในสหรัฐอเมริกา ได้อนุมัติทำสัญญาแรงงานฉบับใหม่ขึ้นเงินเดือนให้พนักงานแล้ว 34% ในกรอบระยะเวลา 4 ปี
เหล่านักบินของสายการบิน Delta Airlines ต่างเห็นชอบกับการจัดทำสัญญาการจ้างงานฉบับใหม่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่มีการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างเพิ่ม 34% ในตลอดระยะเวลา 4 ปี
The Airline Pilots Association (ALPA) หรือ สมาคมนักบินสายการบินนานาชาติ ซึ่งถือเป็นสหภาพของนักบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากการรวมตัวกันของ 35 สายการบินในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้มีมติการลงคะแนนเสียงอนุมัติให้จัดทำสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งรวมถึงการปรับเพิ่มวงเงินสำหรับสิทธิประโยชน์ที่นักบินจะได้รับรวมมูลค่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปจนถึงเดือนธันวาคม ปี 2026
โดย 78% ของนักบินสายการบิน Delta จากทั้งหมดที่มี 15,000 คน จะได้รับประโยชน์จากสัญญาฉบับใหม่
จากข้อมูลการรายงานของ Forbes เกี่ยวกับรายละเอียดในสัญญาฉบับดังกล่าวระบุว่า ทาง Delta จะเริ่มปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่นักบินทันทีในปี 2023 นี้ 18% หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 5% ในปี 2024 และจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 4% ในปี 2025 และ 2026 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้จ่ายเงินเพิ่มเติมหากนักบินของสายการบิน American Airlines และ United Airlines มีอัตราเงินเดือนที่สูงกว่าของ Delta และยังรวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่จะมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม อาทิ ปรับระยะเวลาการลาพักร้อนให้เพิ่มขึ้น เป็นต้น
สำหรับสาเหตุหลักของสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นกับสายการบิน Delta ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการขาดแคลนนักบินและการทำงานหนักเกินเวลาโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ในสัญญาการทำงานใหม่นานถึง 3 ปี โดยในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของปี 2022 เหล่านักบินของ Delta ยังได้ทำการประท้วงตามสนามบินหลักต่างๆ
อีกทั้งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมากลุ่มสมาชิกของสหภาพสายการบินราว 99% ยังเตรียมพร้อมที่จะประท้วงด้วยการนัดกันหยุดงานอีกด้วย ซึ่งแนวทางการจัดทำสัญญาฉบับใหม่ของ Delta ในครั้งนี้ ยังเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงการยกระดับสิทธิประโยชน์ที่เหล่านักบินพึงจะได้รับท่ามกลางสถานการณ์นักบินขาดแคลนไปทั่วทั้งอุตสาหกรรม
และยังเป็นผลให้นักบินของสายการบิน American Airlines และ United Airlines ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาปรับขึ้นเงินเดือนคาดหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันแบบ Delta
Darren Hartmann ในฐานะประธานสภาบริหารหลักเดลต้า (MEC) และกัปตันของสายการบินกล่าวว่า "สัญญาฉบับนี้ถือเป็นตัวนำร่องให้เกิดประโยชน์โดยตรงต่ออุตสาหกรรมการบินและยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความสามัคคีของเหล่านักบิน Delta และถึงแม้การเจรจาจะล่าช้าไป 2 ปีเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่เราก็ไม่เคยมองข้ามเป้าหมายที่สำคัญเพื่อให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในสัญญาข้อตกลง”
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของ Delta มีการชี้แจงด้วยว่า พนักงานในส่วนภาคพื้นดินและส่วนอื่นๆ จะเริ่มได้รับการปรับเพิ่มขึ้นเงินเดือนนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2023 นี้เป็นต้นไป
"ผมต้องขอขอบคุณทั้งทีมเจรจาและคณะกรรมการไกล่เกลี่ยแห่งชาติสําหรับความพยายามของพวกเขาในการบรรลุข้อตกลงในครั้งนี้ที่ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของนักบินของเราที่มีต่อ Delta" John Laughter หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ Delta กล่าว
"นับตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นในการเจรจาเราตั้งใจที่จะส่งมอบสัญญาให้กับนักบินที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมซึ่งทําให้เราเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ สําหรับอาชีพการบินของสหรัฐอเมริกาและสัญญานี้เป็นภาพสะท้อนของความมุ่งมั่นที่แน่วแน่"
อย่างไรก็ตาม การเจรจาพร้อมจัดทำสัญญาที่บรรลุข้อตกลงได้สร้างความพึงพอใจให้แก่เหล่านักบินของสายการบิน Delta แต่ทว่าในส่วนของผู้บริโภค Jamie Baker ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ของ J.P. Morgan บริษัทชั้นนำระดับโลกที่ให้บริการด้านการเงิน ได้แสดงความเห็นผ่านบทความต่อนักลงทุนในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาว่า ราคาค่าแรงที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจะกระทบต่อราคาตั๋วเครื่องบินที่สูงขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอน และจะส่งผลกระทบให้สายการบินอื่นๆ อาทิ American Airlines, Southwest Airlines และ United Airlines เรียกร้องให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนตามไปด้วย
"ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพลังงานเชื้อเพลิงรวมทั้งการจัดทำสัญญาแรงงานฉบับใหม่ย่อมมีผลกระทบต่อผู้บริโภคในรูปแบบของค่าโดยสารที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทั้งนี้ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% ก็น่าจะทำให้มั่นใจได้ว่าตลาดของธุรกิจของสายการบินจะไม่กระทบแต่อย่างใดและยังสามารถบริหารจัดการกับต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นได้” Baker กล่าวเพิ่มเติมผ่านบทความ
แปลและเรียบเรียงโดย กนกวรรณ มณีแสงสาคร จากบทความ Delta Pilots Ratify Contract With Massive 34% Salary Hike ซึ่งเผยแพร่บน forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: การจัดอันดับ 50 อันดับมหาเศรษฐีฮ่องกงประจำปี 2023: ความมั่งคั่งขยับลงท่ามกลางความหวัง
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine