APCO ชูนวัตกรรมสู้โรคร้าย ผงาดแบรนด์ไทยในตลาดโลก - Forbes Thailand

APCO ชูนวัตกรรมสู้โรคร้าย ผงาดแบรนด์ไทยในตลาดโลก

กว่า 4 ทศวรรษในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสร้างภูมิคุ้มกันบำบัดโรคมะเร็งและเอดส์ APCO ฝ่ากระแสต่อต้านจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจยาหลายแสนล้าน พร้อมยืนหยัดจับมือพันธมิตรยกระดับสู่บริษัทนานาชาติ

จากความมุ่งมั่นตั้งใจกำจัดขยะจากเปลือกมังคุดจำนวนมาก สู่การค้นพบสารกลุ่ม Xanthones ที่มีมากกว่า 40 ชนิด และตัวที่มีสรรพคุณสูงสุดในการฟื้นฟูร่างกาย คือ GM-1 นำโดย ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เป็นผู้ริเริ่มโครงการวิจัยมังคุด นับตั้งแต่เป็นอาจารย์และนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ ร่วมกับ ดร.วิลาวัลย์ มหาบุษราคัม และ ดร.เสาวลักษณ์ พงษ์ไพจิตร ซึ่งเป็นทีมทำงานวิจัยร่วมกันในขณะนั้น

หลังการค้นพบครั้งสำคัญได้กลายเป็นจุดเริ่มให้พันธมิตรคณะนักวิจัยเดินหน้าพัฒนาสารสกัดจากธรรรมชาติเพิ่มเติม เช่น ถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง และบัวบก เพื่อต่อยอดการใช้ประโยชน์ GM-1 จนได้สูตรผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เรียกว่า “Operation BIM” ซึ่งช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้สร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุล อันเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมจัดตั้งบริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) โดยสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 2554 และขยับสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2561

 

เผชิญความยากลำบากกว่าจะเป็นที่ยอมรับ

แม้พิเชษฐ์จะมีความเชื่อมั่นอย่างสูงสุดต่อผลิตภัณฑ์ของ APCO แต่เส้นทางความสำเร็จกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะความไม่ช่ำชองในเชิงธุรกิจของนักวิชาการบนเก้าอี้ผู้บริหารจึงทำให้การเติบโตไปไม่ถึงเป้าหมายในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา

“เราเริ่มจากโง่มาก่อน ไม่มีประสบการณ์ จึงไม่สำเร็จ” พิเชษฐ์กล่าวย้อนถึงการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยหลังจากพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่ม Operation BIM ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่มดูแลรูปร่างและลดไขมันส่วนเกิน ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และก่อตั้งธุรกิจขายตรงที่วันนี้ได้เลิกกิจการไปแล้ว

จากความมุ่งหวังให้บริษัทขายตรงช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับผลิตภัณฑ์แบบปากต่อปากกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ด้วยข้อจำกัดของกฎหมายในประเทศไทย ที่ไม่สามารถอวดอ้างสรรพคุณสินค้า หรือโฆษณา ประชาสัมพันธ์ได้ รวมถึงผู้ที่เข้ามาร่วมธุรกิจส่วนใหญ่ต้องการรายได้จำนวนมากจนละเลยการส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภค ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ ปัญหาหรืออุปสรรคสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาไม่แพง หากประชาชนให้การยอมรับ ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยาที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ดังนั้น บริษัทจึงถูกต่อต้านทั้งจากภาครัฐและเอกชน แต่ด้วยปณิธาน การยึดมั่นในความซื่อสัตย์ และต้องการให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี แม้มีอุปสรรรคเพียงใด พิเชษฐ์ยังคงเดินหน้าผลักดันผลิตภัณฑ์ต่อไป ด้วยความหวังว่าประชาชนจะเข้าใจในที่สุด

 

พร้อมก้าวสู่ตลาดโลก

ภายใต้เจตนารมณ์การส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน พิเชษฐ์เดินหน้าการคิดค้นวิจัย และพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์  APCOcap ซึ่งใช้กับอาสาสมัครในโครงการ APCO LIFE FITNESS CHALLENGE ทำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์ เข้าสู่ภาวะ HIV สงบ (HIV Functional Cure) และผลิตภัณฑ์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับมะเร็งสามารถสร้างการยอมรับในต่างประเทศเป็นเวลากว่า 10 ปี จนเขากล้าประกาศยืนยันว่า APCO จะเป็นบริษัทเดียวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีผลิตภัณฑ์ที่ทรงอิทธิพลในการต่อต้านกับโรคร้าย พร้อมทั้งเล็งเห็นความพร้อมนำนวัตกรรมไทยรุกตลาดโลก

สำหรับการจัดทัพธุรกิจก้าวสู่ระดับโลกได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจาก ลิม โฮ คี กรรมการผู้จัดการของ Majuven Pte Ltd. พันธมิตรนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่เป็นกรรมการบริษัทขนาดใหญ่ อาทิ Singtel และมีประวัติในการส่งเสริมกิจกรรมช่วยเหลือสังคมและเพื่อนมนุษย์ เข้ามาร่วมธุรกิจของ APCO โดยอยู่ระหว่างการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการบริหารร่วม และกรรมการบริหารบริษัท ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันประชุมผู้ถือหุ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

ขณะที่ APCO วางแผนขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ โดยการร่วมกับเครือข่ายของลิม โฮ คี ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูงเข้าร่วมวางแผนธุรกิจและปรับกลยุทธ์ของบริษัท เพื่อยกระดับให้ APCO เป็นบริษัทนานาชาติที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ให้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมให้มีประสิทธิภาพเด่นชัดมากขึ้น โดยจะเน้นในเรื่อง HIV AIDS และมะเร็ง ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญของคนทั่วโลก

“บริษัทเชื่อมั่นว่าแผนการดำเนินการต่างๆ นี้ จะทำให้ APCO รุดหน้าอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยได้ดำเนินการมา นอกจากวัตถุประสงค์การดูแลผู้ที่มีปัญหาสุขภาพได้มากขึ้นแล้ว คาดว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" พิเชษฐ์ กล่าว

สำหรับตลาดหลักที่จะมุ่งไป ได้แก่ ทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศไนจีเรีย และเอธิโอเปีย ซึ่งปัจจุบันไนจีเรีย มีประชากรประมาณ 200 ล้านคน ติดเชื้อ HIV 3 ล้านคน ขณะที่เอธิโอเปียมีประชากร 100 ล้านคน ติดเชื้อ HIV 1 ล้านคน รวมถึงอยู่ระหว่างทดสอบผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโรคเบาหวาน เพื่อรุกตลาดประเทศจีนที่มีผู้ป่วยสูงถึง 120 ล้านคน โดยถือเป็นตลาดใหญ่เช่นเดียวกัน

 

หวังผลประกอบการเติบโตยั่งยืน

นอกเหนือจากการรุกสร้างการเติบโตในตลาดต่างประเทศ พิเชษฐ์ยังมุ่งขยายอาณาจักรทางธุรกิจในประเทศ ด้วยการร่วมกับพันธมิตรในสิงคโปร์ทั้งการจัดตั้ง 2 บริษัทใหม่ และเพิ่มฐานลูกค้าจากเครือข่ายของพันธมิตร ด้วยการเปิด Functional cure Center (FCC) และศูนย์ภูมิคุ้มกันบำบัด APCO Wellness Center เพื่อให้บริการลูกค้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการในเดือน ก.พ. 2563 และสามารถสร้างรายได้รวมถึงผลกำไรให้กับบริษัทในปีนี้

“ปีนี้ APCO จะมุ่งพิสูจน์ให้โลกเห็นถึงประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันบำบัด และจากทิศทางการดำเนินธุรกิจที่วางไว้ คาดว่าปี 2563 บริษัทจะกลับมาเติบโตได้มากขึ้นจากปีก่อน โดยตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 80% และมีรายได้ระหว่าง 320-440 ล้านบาท” พิเชษฐ์กล่าวอย่างมั่นใจ และเชื่อมั่นว่าการได้พันธมิตรมาต่อยอดธุรกิจครั้งนี้จะช่วยสร้างการเติบโตให้บริษัทอย่างยั่งยืน และสานฝันในสิ่งที่เริ่มต้นไว้เมื่อ 40 ปีก่อนให้ APCO เป็นบริษัทคนไทยที่มีมูลค่าหลักพันถึงหลักหมื่นล้านบาทในอนาคตจากนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด

แม้ตลอดเส้นทางกว่า 40 ปีของพิเชษฐ์จะเต็มไปด้วยอุปสรรคและปัญหา แต่ไม่ได้ทำให้เขาหยุดพัฒนานวัตกรรมด้านภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งเรียกได้ว่า ในวันนี้การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เดินทางมาถึงขั้นสูงสุด โดยโจทย์ต่อไปอยู่ที่การทำให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ได้มากที่สุด พร้อมทั้งข้ามผ่านความท้าทายในการสร้างความเชื่อมั่นให้ผลิตภัณฑ์และการใช้นวัตกรรม เพื่อทำให้ APCO ก้าวอย่างมั่นคงในตลาดเมืองไทยและตลาดโลก

“การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สร้างความเชื่อมั่นให้เพื่อน ญาติพี่น้อง จนมีคนมาซื้อหุ้นจำนวนมาก ทำให้บริษัทสามารถเติบโตถึง 15 เท่า แต่ในแง่รายได้ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม หลังจากบริษัทมีพันธมิตเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจและสร้างความเชื่อมั่นอีกครั้งว่า นวัตกรรมของ APCO จะสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยการส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่ทรงประสิทธิภาพไปสู่คนไทยและคนทั่วโลก แค่นี้ผมก็ปิติอย่างยิ่งแล้ว” พิเชษฐ์กล่าวทิ้งท้าย

  อ่านเพิ่มเติม   ภาพ: บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน)
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine