FORBES_MAY_ISSUE_2024

<h2>Nicolas Bijan ผู้บริหารหนุ่มวัย 25 ปีกำลังพลิกโฉมแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับบุรุษอันโด่งดังที่พ่อของเขาก่อตั้งขึ้นในทิศทางของตัวเอง โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจการแต่งกายลุคภูมิฐาน</h2>
Jaime Camil นักแสดงชาวเม็กซิกันวัย 43 ปี ที่โด่งดังจากบท Rogelio de la Vega ในซีรีส์เรื่อง Jane the Virgin ที่ฉายบนสถานีโทรทัศน์ CW ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าตนเองจะกลายเป็นหนึ่งในลูกค้าของ Bijan “มันเป็นแบรนด์สำหรับคนรุ่นพ่อ” กล่าว “ถ้าพูดตรงๆ บอกได้ว่ามันเป็นแบรนด์ที่ดูน่าเบื่อ”

ห้องเสื้อสุดหรูตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองซึ่งรับเฉพาะลูกค้านัดหมายตั้งตระหง่านอยู่บนถนน Rodeo Driveใน Beverly Hills มีส่วนสำคัญในการผลักดันแนวการแต่งกายสไตล์ยุค 80 ที่แลดูน่าเกรงขาม ร้านเสื้อผ้าหรูสำหรับบุรุษแห่งนี้มีชื่อเสียงยาวนานในด้านการออกแบบและบริการเสื้อผ้าสั่งตัดเฉพาะบุคคลและมีลูกค้าเป็นคนดังระดับโลกที่มีอายุเลยช่วงวัยกลางคนอย่างเช่น George W. Bush, Carlos Slim และพระเจ้าชาห์แห่งราชวงศ์อิหร่านผู้ล่วงลับ

ขณะที่ร้านยังดูไม่แตกต่างจากเมื่อหลายทศวรรษก่อน ทว่า ตั้งแต่ Bijan Pakzad (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Bijan) พ่อของเขาเสียชีวิตลงในปี 2011 Nicolas ได้ลงมือพลิกโฉมแบรนด์โดยมีตัวเขาเองเป็นต้นแบบ เขาปรับเปลี่ยนแบรนด์ Bijan ให้ดูหนุ่มและทันสมัยมากขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้าอย่าง Camil และ Gennady Golovkin แชมป์มวยโลกรุ่นมิดเดิลเวทไปจนถึงเหล่าเศรษฐีหนุ่มชาวจีนที่มีสัดส่วนกว่า 30% ของรายได้ทั้งหมด

ตั้งแต่ Bijan ผู้พ่อเสียชีวิตลง ตัวเลขรายได้พุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่าจนเกือบทะลุ 30 ล้านเหรียญในปี 2016 ส่วนอัตรากำไรในปีที่ธุรกิจไปได้ดีอยู่ที่ 25% “พ่อของผมสามารถสร้างสิ่งที่คงอยู่ยาวนานกว่าช่วงชีวิตของตัวเอง” Nicolas Bijan กล่าว “แต่พ่อคาดไม่ถึงเรื่องนี้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่”

<figure><img class="wp-image-10722 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/10.1.jpg" alt="" width="373" height="672" /><figcaption> สายสัมพันธ์: Bijan กล่าวว่าเคยอยู่เบื้องหลังชุดแต่งกายของผู้นำระดับประเทศกว่า 36 คน (รวมถึง George W. Bush) Nicolas ในภาพด้านบนไม่คิดว่าจะต้องรับไม้ต่อจากพ่อของเขาเร็วขนาดนี้</figcaption></figure>

ปัจจุบัน Bijan ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจาก Dar Mahboubi วัย 69 ปี หุ้นส่วนที่ร่วมธุรกิจกับพ่อของเขามายาวนานและถือครองหุ้นอยู่คนละครึ่งวางแผนที่จะขยายธุรกิจเพิ่มเติมเป็น 5 สาขาในช่วง 5 ปีข้างหน้าจากเงินทุนที่ได้รับจากข้อตกลงขายทำเลของร้านบนย่านหรูเมื่อปีที่ผ่านมา

Mahboubi หวังว่าการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศจะช่วยผลักดันให้รายได้แตะ 120 ล้านเหรียญและมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านเหรียญ เป้าหมายที่พวกเขาเล็งไว้คือ ฮ่องกง Dubai และ London ซึ่งเป็นเมืองที่ลูกค้ากระเป๋าหนักของพวกเขาอาศัยอยู่ รวมถึง New York เมืองที่พวกเขาเคยเปิดร้านในอดีต และ Las Vegas เมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของชาวจีนที่พวกเขามุ่งเจาะตลาด

ขณะที่โอกาสเปิดกว้างอย่างมหาศาลแต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ธุรกิจสินค้าระดับหรูกำลังอยู่ในภาวะซบเซาและการแข่งขันเพื่อแย่งชิงลูกค้าชั้นดีก็เป็นไปอย่างดุเดือด ผู้ที่มีกำลังซื้อสินค้าของ Bijan ซึ่งราคาชุดสูทเริ่มต้นที่ 9,500 เหรียญจะเลือกซื้อเสื้อผ้าหรูราคาแพงแบรนด์ไหนก็ได้ที่พวกเขาต้องการ

นอกจากนี้ลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ยังมีความภักดีต่อแบรนด์ต่ำและหันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ “ผมคิดว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของผู้บริโภคคือประเด็นสำคัญ” Steven Dennis ผู้ก่อตั้ง SageBerry Consulting ซึ่งได้ร่วมงานกับแบรนด์ค้าปลีกหลายแห่งกล่าว

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1976 Bijan เปิดธุรกิจบนถนน Rodeo Drive ซึ่งถือเป็นหนึ่งในห้องเสื้อหรูแห่งแรกในย่านนี้ Bijan ผู้พ่อเคยเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าในอิหร่านประเทศบ้านเกิด ส่วน Mahboubi ซึ่งครอบครัวของเขาครองตลาดหมากฝรั่งในประเทศคือนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์รายแรกๆ ของ Beverly Hillsพวกเขาเริ่มก่อตั้งธุรกิจโดยลงขันกันคนละ 50,000 เหรียญ Mahboubi รับผิดชอบด้านการเงิน ส่วน Bijan รับหน้าที่ดูแลลูกค้าประชาสัมพันธ์ร้านโดยถ่ายภาพโฆษณาร่วมกับ Bo Derek และ Michael Jordan ตลอดจนจับมือกับ Bugatti และ Rolls-Royce ในการออกแบบรถยนต์รุ่นพิเศษ

ทว่า สิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของ Bijan โด่งดังไปทั่วโลกไม่ได้มีแค่ชุดสูทและเนคไทเท่านั้น ผลิตภัณฑ์น้ำหอมที่มุ่งเจาะฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ซึ่งวางตลาดครั้งแรกเมื่อทศวรรษที่ 1980 กวาดรายได้ไปกว่า 50 ล้านเหรียญในปี 1992 ทำให้ความสำเร็จของธุรกิจเสื้อผ้าแทบเทียบไม่ติด

Nicolas Bijan พยายามเรียนรู้และซึมซับประสบการณ์อย่างสุดความสามารถจาก Mahboubi และ David Murdock พ่อเลี้ยงมหาเศรษฐีของเขาซึ่งเคยนั่งตำแหน่งซีอีโอของ Dole เมื่อยอดขายทะยานขึ้นเขาและ Mahboubi จึงวาดแผนที่จะขยายธุรกิจโดย Bijan จะใช้เงินทุนจากโอกาสด้านอสังหาฯ ที่เข้ามาอย่างไม่ได้คาดหมายในช่วงกลางปีที่ผ่านมา Bijan ขายทำเลร้านบนย่าน Rodeo Drive ไปในราคา 122 ล้านเหรียญให้กับ LVMH แบรนด์หรูยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส นับเป็นราคาสูงทุบสถิติที่มากกว่า 19,000 เหรียญต่อตารางฟุต Bijan บรรลุข้อตกลงซื้อขายขณะที่เขาเพิ่งซื้ออสังหาฯ แห่งนี้ในราคา 108 ล้านเหรียญไปไม่นาน

“เป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ไม่ยาก” Mahboubi กล่าว และพูดอย่างมั่นใจว่า “ในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นไปได้ว่าบริษัทจะมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญส่วนมูลค่าที่ดินอาจพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วงเวลา 5 ปี” ขณะที่ LVMH อาจกดดันให้ Bijan ย้ายออกแต่ห้องเสื้อหรูแห่งนี้ยังมีสัญญาเช่าเหลืออยู่อีก 5 ปีและ Mahboubi กล่าวว่าเขาสามารถหาที่ตั้งร้านแห่งใหม่บน Rodeo Drive จากพื้นที่กว่า 100,000 ตารางฟุตที่ครอบครัวของเขาครอบครองอยู่

Bijan ดำเนินกลยุทธ์ตามรอยพ่อของเขาโดยปรากฏโฉมบนโฆษณาของแบรนด์ ส่วนบัญชี Instagram ของเขาที่มีผู้ติดตามมากกว่า 82,000 คนเต็มไปด้วยภาพอันมีเสน่ห์น่าดึงดูดของตัวเขาที่ถ่ายร่วมกับเหล่าคนดัง Bijan กล่าวว่า “ผมคือหน้าตาของบริษัท”

เรื่อง: Amy Feldman เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา

<hr />

<a href="http://goo.gl/kx737e">คลิกอ่าน "คลื่นลูกใหม่แห่ง Beverly Hills” โฉมใหม่ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ กรกฎาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/d6fb3a521266ed2595ff4f49cdf05ba3.png" />

คลื่นลูกใหม่แห่ง Beverly Hills

ถัดขึ้นไปเหนือ Beverly Hills ทางด้านตะวันตกของ Hollywood นั้นเป็นอาณาเขตที่ตั้งของ Holmby Hills ซึ่งเป็นย่านพักอาศัยของบรรดามหาเศรษฐีผู้มีอันจะกินมานานนับทศวรรษ Nancy Sinatra ย้อนรำลึกถึงวัยเด็กตามที่บันทึกไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของบิดาเธอเมื่อปี 1985 ว่า “สิ่งหนึ่งที่เด็กๆ อย่างพวกเราชอบทำกันมากก็คือการได้แกล้งเพื่อนบ้าน” “แล้วเชื่อไหม คุณสามารถขานชื่อคนดังที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้แทบทุกหลังอย่าง Loretta Young เธออาศัยอยู่ในบ้านหลังที่อยู่ด้านทิศใต้ของถนนนี้ ส่วน Walt Disney ก็อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของถนนด้านนั้น” Holmby Hills ยังคงความดังในถนนสายดาราเอาไว้อย่างเหนียวแน่นและตอนนี้ Playboy Mansion หนึ่งในที่อยู่อาศัยที่มีชื่อกระฉ่อนที่สุดก็กำลังเปิดขาย บ้านพักสำหรับหนุ่มโสดที่มีชื่อเสียงที่สุดของอเมริกานี้ (ที่ซึ่งเจ้าของอาจมีโอกาสที่จะขอยืมน้ำตาลซักถ้วยจากเพื่อนบ้านคนดังอย่าง Diddy) สนนราคา 200 ล้านเหรียญ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นบ้านสำเร็จรูปที่มีราคาแพงที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอเมริกา

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/85f7c767861134d8365b42f48136384e.png" alt="" />
Max Azria
ราคาขาย: 85 ล้านเหรียญ

บ้านที่มีชื่อว่า Maison du Soleil — “Sun House” ของ Max Azria ผู้ก่อตั้ง Fashion House BCBG นั้นมีครบครันทุกสิ่งทุกอย่าง ภายใต้อาณาเขตพื้นที่ 30,000 ตารางฟุตของเขา ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกที่สร้างบ้านให้ Frank Sinatra และ Lucille Ball Sun House เป็นบ้านพักขนาด 17 ห้องนอน 22 ห้องน้ำ มีสนามเทนนิสที่มีกระจกล้อมรอบ มีสวน 5 แบบ 5 สไตล์ (แบบฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, โมร็อกกัน, อังกฤษ และสวนสมุนไพร) และยังมีเรือนกระจกที่แยกต่างหากสำหรับพืชผักอินทรีย์และโรงภาพยนตร์ขนาด 6,000 ตารางฟุต อีกทั้งยังมีโฮมออฟฟิศขนาด 2,500 ตารางฟุต ไว้สำหรับผู้บริหารที่นิยมเดินทางในระยะใกล้ๆ (และมีโอกาสที่จะใช้เวลาในช่วงอาหารกลางวันสำหรับผ่อนคลายภายในห้องอาบน้ำแบบโมร็อกกันดั้งเดิมที่อยู่ในบริเวณบ้าน)

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a1b20ccb82f1b4163f26ceeb10f30cbd.png" alt="" />
Sean Combs
ราคาประเมิน: 39 ล้านเหรียญ

Combs แร็พเปอร์ที่รู้จักกันดีในอีกชื่อว่า Diddy มีบ้านขนาด 9 ห้องนอน 12 ห้องน้ำ บนพื้นที่ 1.3 เอเคอร์ ชื่อของ Diddy มักจะถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ ในรายงานข่าวต่างๆ ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่พักอาศัยอยู่ในอาณาจักรของ Holmby Hills แต่โฆษกหญิงของ Diddy คงไม่บอกหรอกว่า แท้จริงแล้ว Tony Abrahams ผู้ดำรงตำแหน่ง CFO ของ Combs Enterprises ต่างหากคือเจ้าของบ้านที่แท้จริง
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1f925a0ca1b254207aca7533fcfdf619.png" alt="" />
Ian Livingstone
ราคาประเมิน: 45.9 ล้านเหรียญ

เมื่อใดที่ Livingstone มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ชาวอังกฤษอยากจะหนีฝนจากลอนดอน เขาเพียงแค่ขึ้นเจ็ททะยานมุ่งหน้าสู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย สถานที่ที่เขาได้เนรมิตบ้านพักขนาด 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ซึ่งคล้ายกับวิลล่าแบบยุโรปแห่งนี้ขึ้นในปี 2014 มันเป็นบ้านที่มาพร้อมกับสระว่ายน้ำในร่มขนาดโอลิมปิก สปา ห้องอบไอน้ำและห้องนวด สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่มีน้ำตก บ้านพักพร้อมสระว่ายน้ำ เกสต์เฮาส์รวมถึงอะพาร์ตเมนต์สำหรับพนักงาน

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7ab44b58ac807b831aae10c6b39aa1aa.png" alt="" />
Eric Schmidt
ราคาประเมิน: 22.4 ล้านเหรียญ

อะพาร์ตเมนต์ที่ Eric Schmidt ผู้บริหารของ Alphabet (และอดีตผู้บริหาร Google) ได้ใช้อาศัยอยู่เพียงชั่วคราวแห่งนี้มีขนาด 9,000 ตารางฟุต มันเป็นชาโตว์แบบฝรั่งเศสที่สมบูรณ์แบบ ประกอบไปด้วย 5 ห้องนอนมีห้องสวีทสำหรับแขกและห้องแม่บ้าน 2 ห้อง ตามที่อยู่นี้ หากใช้การประเมินทรัพย์สินสามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงองค์กรการกุศลของเขา ซึ่งแน่นอนว่าโฆษกหญิงของ Google จะไม่ยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินซึ่งรวมถึงสระว่ายน้ำและบริเวณสนามที่ตกแต่งอย่างสวยงามทั้ง 1.3 เอเคอร์

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bb50f30500a66f37c466a138e15cd2aa.png" alt="" />
Hugh Hefner
ราคาขาย: 200 ล้านเหรียญ

บ้านพักขนาด 12 ห้องนอน 21 ห้องน้ำ พร้อมห้องพัก 29 ห้องนี้มาตั้งแต่ปี 1975 (เป็น Playboy Mansion แห่งที่สอง ซึ่งแห่งแรกนั้นอยู่ในชิคาโก ที่ที่เขาเริ่มทำนิตยสารเพลย์บอย) คฤหาสน์สไตล์อังกฤษขนาด 20,000 ตารางฟุต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 5 เอเคอร์นี้ ถูกระบุไว้ว่ามี “สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างเท่าที่เราจะสามารถจินตนาการได้” เช่น ห้องเก็บไวน์ โฮมเธียเตอร์บ้านรับรองขนาดสี่ห้องนอน สนามเทนนิส สระว่ายน้ำที่มีถ้ำและสวนสัตว์ส่วนตัวพร้อมใบอนุญาตที่ไม่ค่อยมีใครได้มานัก

&nbsp;

Daren Metropoulos
ราคาประเมิน: 19.3 ล้านเหรียญ

Metropoulos ซึ่งทำงานกับมหาเศรษฐีผู้เป็นพ่อของเขา C. Dean และ Evan พี่ชายของเขาในการฟื้นฟู Great Twinkie (ซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าของขนมอบกรอบยี่ห้อ Hostess) ได้ซื้อบ้านหลังนี้จาก Hefner ในปี 2009 ซึ่งนับว่ามีขนาดเล็กสำหรับ Holmby Hills เพราะมีเพียงแค่ 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ พื้นที่รวม 7,300 ตารางฟุตตั้งอยู่บนพื้นที่ 2.3 เอเคอร์ สิ่งที่พิเศษของบ้านหลังนี้คือมีประตูส่วนตัวที่เชื่อมต่อถึง Playboy Mansion

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bddc1137859768f343545b91bac25337.png" alt="" />
Petra Ecclestone
ราคาประเมิน: 88.8 ล้านเหรียญ

Ecclestone ลูกสาวของ Bernie มหาเศรษฐี Formula 1 อาศัยอยู่ในบ้านอันเป็นที่พำนักเก่าของ Aaron Spelling ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ซีรีส์ดังอย่างเช่น Charlie’s Angels, Beverly Hills และ 90210 บ้านหลังนี้มีชื่อเล่นว่า The Manor (คฤหาสน์) ด้วยพื้นที่อย่างน้อย 50,000 ตารางฟุต มันเป็นบ้านขนาด 11 ห้องนอน 16 ห้องน้ำ ช่างเป็นชื่อเล่นที่สมควรจะได้รับจริงๆ

<hr />

<a href="http://goo.gl/kz7T2r">คลิ๊กอ่าน Forbes Thailand ฉบับ MAY 2016 ในรูปแบบ E-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/kz7T2r"><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/MAY%202016/160504072354ejtu.png" alt="" width="248" height="328" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events