<h2>ต้อนรับช่วงเวลาแสนอบอุ่นแห่งฤดูร้อนในดินแดนอิตาลี ซาลเวีย ห้องอาหารอิตาเลียน ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ นำเสนอรายการอาหารใหม่สร้างสรรค์พิเศษในเมนู "เดลิซี เดสตาเต้" ที่เชฟโรเบอร์โต พาเรนเทล่า เลือกสรรเฉพาะวัตถุดิบสดใหม่ประจำฤดูกาลเพื่อส่งมอบความอร่อยในทุกมิติรสชาติและรสสัมผัส </h2> <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/pLtAQq8sxdsXr8fxLpMG.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="pLtAQq8sxdsXr8fxLpMG.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1773,1182"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ให้บริการสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำตลอดทุกวัน ห้องอาหารอิตาเลียนซาลเวีย ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ขอเชิญทุกท่านลิ้มลองเมนูพิเศษล่าสุด เดลิซี เดสตาเต้ (Delizie d,Estate) ที่ให้บริการเพิ่มเติมจากเมนูอะ ลา คาร์ท เพื่อนำเสนอหลายรายการอาหารจานเด่นของเชฟโรเบอร์โต พาเรนเทล่า สร้างสรรค์จากหลากวัตถุดิบยอดนิยมประจำฤดูร้อนในอิตาลี ไม่ว่าจะเป็น เมล่อนพันธุ์พิเศษ มะเขือเทศหลากสีสัน มะนาวสีเหลืองสดใส สมุนไพรท้องถิ่น และอีกนานาชนิด พร้อมความอร่อยแสนอบอุ่นตามตำรับซาร์ดิเนียตามความทรงจำแสนประทับใจของความสดใหม่ประจำฤดูกาล นำเสิร์ฟตลอดเดือนสิงหาคมนี้ <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/FWuzdUSzXjMa7FCzxzWj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="FWuzdUSzXjMa7FCzxzWj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1881,1256"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพลิดเพลินเต็มที่ในรสชาติและรสสัมผัสประจำฤดูร้อนแบบต้นตำรับราวกับได้เดินทางไปเยือนดินแดนซาร์ดิเนีย ผ่านรายการอาหารพิเศษในฤดูกาลนี้ อาทิ โพรชุตโต ดิ นอร์เซีย เอ เมโลเน่ (Prosciutto di Norcia e melone) กับคู่รสชาติเค็มมันละมุนของโพรชุตโตคุณภาพเยี่ยมจากแคว้นอุมเบรีย ผสานความหวานความสดชื่นของผลเมล่อนลอเรนซินี่เนื้อฉ่ำแสนโปรดปราน โคสเซ่ อัล เพโคริโน่ (Cozze al pecorino) เมนูหอยแมลงภู่เมดิเตอร์เรเนียนพันธุ์พิเศษ อบในหม้อดินเคล้าซอสมะเขือเทศและชีสเพโคริโน่พร้อมความสดชื่นของสมุนไพร รวมทั้ง ลิงกวินี่ อิน ครอสต้า ดิ พาเน่ (Linguine in crosta di pane) อีกหนึ่งจานชวนลิ้มลองในเมนูคลาสสิกอย่างพาสต้าเส้นลิงกวินี่อบร้อนพร้อมเสิร์ฟในแป้งครัสต์สูตรพิเศษแบบท้องถิ่น เคล้าในซอสทะเลรสเข้มชวนลิ้มลองพร้อม กุ้งเนื้อแน่น ปลาหมึก หอยแมลงภู่ตัวโต เข้ากันเต็มที่ <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/Ej8hiZv3bXkjCYLajx9i.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="Ej8hiZv3bXkjCYLajx9i.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="1920,1279"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมอีกหนึ่งเมนูที่พลาดไม่ได้ ฟาคัชชิน่า ดิ บุฟฟาล่า เนร่า (Facaccina di bufala nera) กับความอร่อยของเมนูพิซซ่าอิตาเลียนยอดนิยม พร้อมรสชาติและสีสันสดใสชวนรับประทานจากวัตถุดิบพิเศษอย่าง มะเขือเทศสด กงฟีต์มะเขือเทศสีเหลือง โหระพาอิตาเลียน เข้ากับชีสมอสซาเรลล่าสดสีดำชนิดพิเศษ (Black mozzarella di bufala) และครีมชีสสดใหม่อย่างลงตัว รวมถึงอีกหลายจานอาหารประจำฤดูกาลที่นำเสนอรสชาติและรสสัมผัสที่สะท้อนความสดชื่นและอบอุ่นของฤดูร้อนในอิตาลีได้อย่างงดงาม อิ่มอร่อยเต็มที่ตลอดมื้อด้วยอีกหลายรายการอาหารอิตาเลียนจาก ซาลเวีย ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากร้านอาหารสไตล์ออสเตอเรียแบบอิตาเลียนดั้งเดิมในบรรยากาศสบายๆ พร้อมรสชาติต้นตำรับและความอร่อยแบบ "เดลิซิโอโซ่" ปรุงจากสูตรอาหารดั้งเดิมที่เชฟโรเบอร์โต พาเรนเทล่า รังสรรค์เพื่อนำเสนออย่างสวยงามในสไตล์อิตาเลียนแฝงด้วยกลิ่นอายมนต์เสน่ห์ของแค้วนปิเยมอนเตบ้านเกิดและตัวตนความเป็นชาวซาดิเนียนในตัวเขาอย่างแท้จริง <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/HgMmsf6FqLwyrtAZ9CCY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="HgMmsf6FqLwyrtAZ9CCY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="1920,1440"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เดลิซี เดสตาเต้ (Delizie d,Estate) จากห้องอาหารอิตาเลียนซาลเวีย ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯให้บริการสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำตลอดทุกวันในเดือนสิงหาคม 2566 ในราคาเริ่มต้น 420++ บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มื้อกลางวัน : ให้บริการตั้งแต่ 11:30 ถึง 14:30 น. &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มื้อค่ำ : ให้บริการตั้งแต่ 17:30 ถึง 22:30 น. <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/NVMpDjBypwGiM37h5M7F.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="NVMpDjBypwGiM37h5M7F.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4" origin-size="1450,1087"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อผ่านหมายเลข 02-254-1234 และอีเมล์ bangkok.grand@hyatt.com หรือรับชมข้อมูลผ่านเว็บไซต์ได้ที่ www.grandhyatterawanbangkok.com. <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/VwLWzvW59PhHGuMG69Kq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="VwLWzvW59PhHGuMG69Kq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="5" origin-size="1450,1088"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbes-admin-v2.vercel.app/cms-post-new/กู๊ดเยียร์เปิดตัวยาง แอชชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เสริมความปลอดภัย ให้ทุกการเดินทาง" alt="กู๊ดเยียร์เปิดตัวยาง แอชชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เสริมความปลอดภัย ให้ทุกการเดินทาง">กู๊ดเยียร์เปิดตัวยาง แอชชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เสริมความปลอดภัย ให้ทุกการเดินทาง</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

สัมผัสหลากรสชาติและรสสัมผัสแห่งฤดูร้อน กับเมนู "เดลิซี เดสตาเต้" จาก ซาลเวีย ห้องอาหารอิตาเลียน ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ขอเชิญทุกท่านร่วมต้อนรับการเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ประจำปี 2566 ด้วยขนมไหว้พระจันทร์แสนประณีตหลากหลายรสชาติ รังสรรค์อย่างพิถีพิถันด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมนานาชนิด เพื่อนำเสนอเป็นของขวัญชิ้นพิเศษให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินเต็มที่พร้อมความสิริมงคลประจำเทศกาล <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/CFKz4j91Dk3184gFfohx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="CFKz4j91Dk3184gFfohx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1280" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พบกับตัวเลือกขนมไหว้พระจันทร์ 8 รสชาติยอดนิยมจากสูตรขนมไหว้พระจันทร์ต้นตำรับที่ผสานเคล็ดลับการนวดแป้งแบบพิเศษเพื่อมอบมิติของรสชาติที่เข้ากันได้ลงตัว ทั้งขนมไหว้พระจันทร์รสทุเรียนและไข่ ด้วยรสชาติและเนื้อสัมผัสหอมหวานของทุเรียนหมอนทองสุกที่เข้ากับไข่เค็มรสกลมกล่อมได้อย่างลงตัว รวมถึงขนมไหว้พระจันทร์รสลูกบัวหอมและไข่ ขนมไหว้พระจันทร์รสพุทราจีนและไข่ และขนมไหว้พระจันทร์รสโหงวยิ้งและไข่ เคล้าความหลากหลายของรสชาติและรสสัมผัสจากธัญพืช 5 ชนิดแบบดั้งเดิม ก็พร้อมมอบความอร่อยแบบคลาสสิกจากรสชาติและรสสัมผัสอันยอดเยี่ยมของแต่ละวัตถุดิบให้เพลิดเพลินเต็มคำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมกับอีกรสชาติความอร่อยไม่ซ้ำใครจาก ขนมไหว้พระจันทร์รสคัสตาร์ดครีม ขนมไหว้พระจันทร์รสคัสตาร์ดมะพร้าวใบเตย ขนมไหว้พระจันทร์รสเกาลัดและถั่วเเมคคาเดเมีย และขนมไหว้พระจันทร์รสส้มยูซุและถั่วเเมคคาเดเมีย ที่แต่ละรสชาติได้ผสมผสานความแปลกใหม่ในรสชาติและรสสัมผัสแบบตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัวเพื่อเสริมประสบการณ์ฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ของทุกท่านอย่างเต็มที่​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/sfzb7Upphwr7JJW2ivK8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="sfzb7Upphwr7JJW2ivK8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1439" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขนมไหว้พระจันทร์ จากโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ นำเสนอในกล่องของขวัญแบบ 4 ชิ้น และ 8 ชิ้น พร้อมลวดลายสวยงามจากแรงบันดาลใจแบบจีนสมัยใหม่ในเฉดสีสันสดใสที่สะท้อนความสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรือง เพื่อส่งมอบแด่บุคคลที่เคารพรัก ญาติสนิทและมิตรสหาย เปรียบเสมือนคำอวยพรในของขวัญชิ้นพิเศษตามความหมายและความเชื่อดั้งเดิมสำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์อย่างแท้จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขนมไหว้พระจันทร์ ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ประจำปี 2566 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ พร้อมให้บริการสำหรับสั่งซื้อ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2566 และส่งมอบตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/AsE67B57ctbLDprdcHt8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="AsE67B57ctbLDprdcHt8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1280" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ขนมไหว้พระจันทร์บรรจุ 4 ชิ้น ราคา 888+ บาทสุทธิ โดยมี 8 รสชาติให้เลือกรับประทาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ขนมไหว้พระจันทร์บรรจุ 8 ชิ้น ราคา 1,688+ บาทสุทธิ โดยมี 8 รสชาติให้เลือกรับประทาน <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/3rQT9DoPYD384xtpqd8j.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="3rQT9DoPYD384xtpqd8j.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1499" style="" data-index="3"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70652" alt="CPANEL โชว์ครึ่งปีหลัง 66 ธุรกิจโตต่อเนื่อง เตรียมแตกไลน์รับงานโรงแรม ปั้นพอร์ตคอนโด ลุ้น Backlog แตะ 1,800 ล้านบาท">CPANEL โชว์ครึ่งปีหลัง 66 ธุรกิจโตต่อเนื่อง เตรียมแตกไลน์รับงานโรงแรม ปั้นพอร์ตคอนโด ลุ้น Backlog แตะ 1,800 ล้านบาท</a> ​​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ ปี 66 ด้วยขนมไหว้พระจันทร์แสนประณีตหลากหลายรสชาติ

<h2 class="p1">Salvia (ซาลเวีย) ห้องอาหารอิตาเลียนแห่งใหม่ของโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ในบรรยากาศสบายๆ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นตามสไตล์ร้านอาหารประเภท Osteria ในอิตาลี</h2>
สำหรับร้านอาหารแห่งนี้ ได้เชฟ<a style="color: #333333;" href="https://www.hyatt.com/en-US/hotel/thailand/grand-hyatt-erawan-bangkok/bangh/dining"> Roberto Parentela </a>ชาวอิตาเลียน ผู้เคยฝากผลงานไว้ที่ร้านกึ่งบาร์ของทางโรงแรมอย่าง Spasso (สปาร์ซโซ) มาเป็นผู้ดูแลทั้งหมด ตั้งแต่การรังสรรค์เมนูอาหาร ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารสไตล์พื้นเมืองของแคว้น Piemonte ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี มาผสมผสานให้เข้ากับวัฒนธรรมการทำอาหารอิตาเลียนรสชาติต้นตำรับ โดยเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจาก 2 แหล่ง คือ วัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศและวัตถุดิบที่คัดสรรจากท้องถิ่นทั่วประเทศ มานำเสนอในราคาจับต้องได้


<figure><img class="wp-image-38021 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0080-RE.jpg" alt="" width="600" height="360" /><figcaption> (ขวา) Complimentary (ซ้าย) Amuse-bouche</figcaption></figure>
เชฟ Roberto Parentela เริ่มต้นเสิร์ฟมื้ออาหารด้วย complimentary เป็น Foccacia ขนมปังโฮมเมดชิ้นโตที่สอดไส้ด้วยมะเขือเทศสดและชีสที่หอมนุ่ม ทานคู่กับน้ำมันมะกอกและบัลซามิกคุณภาพดี พร้อมกับ amuse-bouche ที่เชฟขอนำเสนอในรูปของขนมปังลูกเต๋าชิ้นเล็กพอดีคำ ท็อปด้วยเปเปอโรนี และน้ำซอสสีเหลืองสูตรพิเศษ เพื่อเรียกน้ำย่อยระหว่างรอเมนูอาหารจานเดียว (a la carte)


<figure><img class="wp-image-38023 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0082-RE.jpg" alt="" width="600" height="358" /><figcaption> Prosciutto cotto</figcaption></figure>

เริ่มต้นเมนูแรกที่ Prosciutto cotto โฮมเมดแฮมสไลด์บางที่นำไปต้มกับใบเสจ (sage) สมุนไพรซึ่งมีความหอมเป็นเอกลักษณ์ ทานคู่กับเนยสไตล์อิตาเลียนที่คัดสรรมาจากเกาะ Sardinia เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอิตาลีและเป็นบ้านเกิดของเชฟ Roberto และวางลงบนขนมปังโทสต์กรอบนอกนุ่มใน แนะนำให้ทานขณะยังร้อนๆ โดยตัวขนมปังชิ้นโตนี้ทำมาจากแป้งซีโมลินา (semolina) ซึ่งเป็นแป้งสาลีชนิดหนึ่งที่มีสีเหลืองอ่อน อุดมไปด้วยธัญพืช มีรสชาติจืด จึงตัดกันได้ดีกับความเค็มของแฮม และท็อปด้วยผักดองรสเปรี้ยวอมหวาน เพื่อเพิ่มอรรถรสให้ดียิ่งขึ้น

<figure><img class="wp-image-38024 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0056-RE.jpg" alt="" width="600" height="377" /><figcaption> Burrata e pomodori</figcaption></figure>

มาต่อกันที่ Burrata e pomodori สลัดชามโตซึ่งใช้ บูราต้าชีสสไตล์อิตาเลียน ที่นิยมนำมาประกอบอาหารทางตอนใต้ของประเทศ โดยความพิเศษของบูราต้าชีสของทางร้านเป็นสูตรพิเศษ ที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นร่วมกับผู้ผลิตชีสท้องถิ่นจากอำเภอหัวหิน จึงมีรสชาติหอมมันกำลังดี คลุกเคล้ากับมะเขือเทศออร์แกนิกเนื้อสีแดงที่ส่งตรงจากเชียงใหม่ แล้วจึงเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้นด้วยแอนโชวี่ชั้นดี ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ทางร้านตั้งใจเพิ่มเข้ามาโดยเฉพาะ เพื่อให้สลัดชามนี้ไม่เลี่ยนจนเกินไป เพราะมีทั้งรสเค็มจากแอนโชวี่ ที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับมะเขือเทศ หอมแดงและมะกอก ซึ่งตัดความหวานมันของชีสได้เป็นอย่างดี

<figure><img class="wp-image-38025 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0030-RE.jpg" alt="" width="600" height="362" /><figcaption> Portobello alla griglia</figcaption></figure>
อีกหนึ่งไฮไลท์ของร้านที่แนะนำให้ลอง คือ Portobello alla griglia ประกอบด้วยเห็ดพอร์โตเบลโลสีน้ำตาลชิ้นโต มีเนื้อสัมผัสหนานุ่มส่งตรงจากสวนเห็ดที่ปลูกในพื้นที่เขาใหญ่ นครราชสีมา ที่ผ่านกรรมวิธีย่างจนสุก คลุกเคล้ากับผักร็อกเก็ตที่ทานเดี่ยวๆ ก็อร่อย เพราะมีรสชาติเฉพาะตัวที่มีความเผ็ดนิดๆ คล้ายพริกไทย ผสมผสานให้เข้ากันกับพริกหยวกชิ้นพอดีคำ และปรุงรสด้วยกระเทียม น้ำส้มสายชู และน้ำมันวอลนัทอย่างลงตัว แต่เพื่อความพิเศษยิ่งขึ้น เชฟจึงเลือกที่จะท็อปด้านบนด้วย "หนึ่งในชีสแข็งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก" และมีต้นตำรับอยู่ในแคว้น Piemonte ซึ่งก็คือ กราน่า พาดาโน่ชีส ที่ใช้นมวัวเข้มข้นมาผลิตจนได้ชีสเนื้อแข็ง รสชาติหวาน เนื้อสัมผัสมีความกรุบกรอบ และจะอร่อยที่สุดก็ต่อเมื่อบ่มไว้มากกว่า 30 เดือนขึ้นไป เพราะจะทำให้รสชาติละมุนขึ้น ทำให้แม้แต่คนที่ไม่ชอบทานผักยังรู้สึกประทับใจในรสชาติเลยทีเดียว


<figure><img class="wp-image-38026 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0114-RE.jpg" alt="" width="600" height="388" /><figcaption> Fusilli caserecci al ferretto</figcaption></figure>
ขณะที่เมนูเส้นที่พลาดไม่ได้อย่าง Fusilli caserecci al ferretto พาสต้าเส้นฟูซิลลีที่ไม่ได้มาในรูปแบบเกลียว แต่เป็นเส้นโฮมเมดแบบยาวและหนานุ่มกำลังดี เสิร์ฟพร้อมซอส Lamb Ragu ที่เคี่ยวกับมะเขือเทศนานถึง 4 ชั่วโมงจนได้เนื้อที่นุ่ม และท็อปด้วยริคอตต้าชีสจากอิตาลี จนกล่าวได้ว่าทั้งเส้นและเครื่องคืออัดแน่นจริงๆ โดยสูตรนี้เชฟ Roberto กล่าวกับ Forbes Thailand ว่า เป็นสูตรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายของเขาเอง


<figure><img class="wp-image-38027 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0125-RE.jpg" alt="" width="600" height="377" /><figcaption> Tagliata di manzo</figcaption></figure>
ถัดมาเป็น Tagliata di manzo เมนูสเต็กเนื้อ Grass-Fed Australian Angus Rib Eye หนัก 350 กรัม ถือเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน ผ่านการ sous-vide หรือการทำให้สุกด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่าการปรุงอาหารประเภทอื่น จนได้เนื้อที่นุ่มเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีน้ำชุ่มฉ่ำในตัวเนื้อกำลังดี จัดเสิร์ฟบนเตาย่างที่เพิ่มอรรถรสของชิ้นสเต็กให้ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น ด้วยการรมควันจากเถาวัลย์ต้นองุ่นแห้งที่ส่งตรงจากไร่ GranMonte Vineyard and Winery อันมีกลิ่นควันหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากนั้นนำไปหั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อให้สะดวกต่อการรับประทาน และจัดวางมาพร้อมสลัดร็อคเก็ต มะเขือเทศ และชีส เพื่อให้ไม่เลี่ยนจนเกินไป


<figure><img class="wp-image-38028 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0039-RE.jpg" alt="" width="600" height="364" /><figcaption> Carpaccio di manzo</figcaption></figure>
ไม่เพียงเท่านั้น อีกหนึ่งเมนูแนะนำสำหรับคนชอบทานเนื้อกึ่งสุกกึ่งดิบอย่าง Carpaccio di manzo เนื้ออิมพอร์ตจากอิตาลี หมักด้วยเกลือและสมุนไพรกว่า 3 สัปดาห์ ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย เลม่อน และน้ำส้มสายชูบัลซามิก เสิร์ฟพร้อมผักร็อกเก็ตและกราน่า พาดาโน่ชีส แผ่นบางจากอิตาลี


<figure><img class="wp-image-38029 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0058-RE.jpg" alt="" width="600" height="380" /><figcaption> Frittura di calamari e verdure</figcaption></figure>
และสำหรับเมนูอาหารจานหลัก ปิดท้ายแบบเบาๆ ด้วย Frittura di calamari e verdure ปลาหมึกและผักทอดกรอบ ที่เชฟเลือกใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันพืชในการทอด เหมาะกับการทานขณะร้อนๆ เพื่อให้ได้รสสัมผัสความกรอบนอกทว่านุ่มใน เสิร์ฟพร้อมซอสโฮมเมด Basil Aioli ที่คล้ายกับมายองเนส เพื่อให้สอดรับกับรสชาติของคนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งต่างจากวัฒนธรรมการกินในอิตาลีที่จะเพิ่มรสชาติด้วยการบีบเลม่อนใส่ลงไป


<figure><img class="wp-image-38031 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0155-RE.jpg" alt="" width="600" height="379" /><figcaption> Tiramisu</figcaption></figure>

<figure><img class="wp-image-38035 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0162-RE-1.jpg" alt="" width="600" height="368" /><figcaption> Panna cotta al forno</figcaption></figure>
ปิดท้ายด้วย 2 เมนูขนมหวานสไตล์อิตาเลียนที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นั่นคือ Tiramisu ที่กลมกล่อมและลงตัวจากช็อตเอสเพรสโซ หอมกลิ่นมาสคาร์โปนชีส และบรั่นดี Amaretto ท็อปด้วยผงโกโก้ จนเป็นขนมหวานที่อร่อยครบทุกรสในคำเดียว ส่วนอีกเมนูแนะนำคือ Panna cotta al forno ด้วยเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม หอมและหวานจากคาราเมลกำลังดี
นอกจากเมนูอาหารจานหลักและของหวานแล้ว ทาง Salvia ยังมีเครื่องดื่มเย็นที่สร้างความสดชื่นและเจริญอาหาร อาทิ Italian sodas ได้แก่ S.L.S Salvia lemon dash of salt, Passion fruit thyme, Strawberry และ Peach &amp; lime ไปจนถึง Italian wines, Ice cold craft beers, Martinis และ Negronis ที่คิดค้นสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มของโรงแรมโดยเฉพาะ


<figure><img class="wp-image-38033 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Capture-0014-RE.jpg" alt="" width="450" height="652" /><figcaption> S.L.S Salvia lemon dash of salt</figcaption></figure>
ชื่อร้าน: ซาลเวีย
สไตล์: อิตาเลียน
พิกัด: 494 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
วัน/เวลาทำการ: เปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวัน 11.30-14.30 น. และมื้อค่ำ 18.30-22.30 น. (ทางร้านพร้อมให้บริการห้องอาหารส่วนตัว บริการส่งอาหารถึงบ้าน และบริการสั่งกลับบ้านเช่นกัน)
ราคา: 500-1,000 บาท
เรื่อง: ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค
ภาพ: กิตติเดช เจริญพร

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events