<h2 style="padding-left: 40px;">ดาวพุธ ดาวดวงที่เล็กและใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุดในระบบสุริยะ อาจมีความลับมูลค่ามหาศาลซ่อนอยู่ก็เป็นได้ แต่การนำสิ่งมีค่าเหล่านั้นกลับมายังโลกจะคงเป็นเรื่องที่ไม่มีคำตอบแน่นอนนัก</h2>
ดาวพุธ ปกคลุมไปด้วยเพชรจริงหรือไม่ ดูเหมือนว่าคำตอบจะอยู่ในงานวิจัยใหม่ที่เปิดให้ทุกคนได้ทราบไปเล็กน้อยในงาน <a href="https://www.hou.usra.edu/meetings/lpsc2022/">Lunar and Planetary Science Conference</a> (LPSC) ณ เมือง Houston รัฐเท็กซัสเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยงานวิจัยนั้นเสนอว่าดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยหลุมดวงนี้อาจมีเพชรซ่อนอยู่ถึง 16 พันล้านล้านตันเลยก็เป็นได้
“นั่นคือตัวเลขที่แบบจำลองของผมสามารถคำนวนออกมาได้สำหรับเปลือกทั้งเปลือกของดาวพุธ แต่มีเพียงส่วนเล็กๆ ของสสารบนพื้นผิวเท่านั้นที่น่าจะเป็นเพชร” <a href="https://kevincannon.rocks/">Kevin Cannon</a> ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งภาควิชาธรณีวิทยา และวิศวกรรมธรณี/ทรัพยากรอวกาศ ณ <a href="https://space.mines.edu/">Colorado School of Mines</a> กล่าว “มากสุดอาจจะอยู่ที่ร้อยละ 1 ถึง 2”


<figure><img class="wp-image-60240 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/Diamond.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> (Photo Credits: Getty Images)</figcaption></figure>
ดาวพุธถูกปกคลุมไปด้วยแกรไฟต์ ซึ่งเป็นคาร์บอนบริสุทธิ์ซึ่งอาจะแปรสถาพกลายเป็นเพชรได้หลังได้รับแรงกระทบจากอุกกาบาต ดาวเคราะห์น้อย และดาวหาง
เป็นที่รู้กันว่า ดาวพุธนั้นได้รับความเสียหายจาก<a style="color: #008000;" href="https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87#:~:text=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%20(%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%3A%20Late%20Heavy%20Bombardment,%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99">การระดมชนหนักครั้งหลัง</a> หรือที่เรียกว่า <a href="https://en.wikipedia.org/wiki/Late_Heavy_Bombardment">Late Heavy Bombardment</a> อย่างมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงแรกๆ ของระบบสุริยะราวๆ 4.1 ถึง 3.8 พันล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ทำให้ดวงจันทร์เต็มไปดด้วยหลุมอุกกาบาต
อย่างไรก็ตาม ดาวพุธมีหลุมเหล่านั้นมากกว่าดวงจันทร์เสียอีก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าดาวดวงนี้ก็ได้รับผลกระทบอันก่อให้เกิดเพชรมากกว่าเช่นกัน
“เราคิดว่าดาวพุธเริ่มมาจากการเป็นดาวที่มีแกรไฟต์บางๆ ห่อหุ้มอยู่ซึ่งเกิดจากมหาสมุทรแมกมาบนดาวดวงนั้นเย็นตัวลง” Cannon กล่าว “ดาวเคราะห์น้อย และดาวหางที่พุ่งชนเปลือกดาวนี้ในความเร็วสิบกว่าไมล์ต่อวินาทีทำให้เกิดแรงดันมากพอที่จะแปรให้แกรไฟต์กลายเป็นเพชร”
ถึงจะอย่างนั้นก็ตาม เพชรเหล่านี้ แม้อาจจะอยู่ค่อนข้างใกล้กับพื้นผิว ก็ดูไม่ออกว่าเป็นอัญมณีในตอนแรก “พวกมันคงไม่ได้ดูเหมือนอัญมณีก้อนโตที่มองทะลุได้ที่เรานำมาเจียระไนและทำจิวเวอรี่” Cannon กล่าว “ถ้าจะเทียบให้ดีกว่าคือ พวกมันเป็นเพชรก้อนเล็กที่ขุ่นมัวที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมในฐานะตัวขัดเหลา อาจจะเป็นการผสมผสานกันอย่างไม่ลงตัวมากนักระหว่างแกรไฟต์และคาร์บอนรูปแบบอื่นๆ”
“การทำเหมืองแร่อวกาศ” มันยากกว่าที่คิดเสมอ แต่การทำเช่นนั้นบนดาวพุธ ยากเสียยิ่งกว่าอีก “มันค่อนข้างยากที่จะโคจรอยู่รอบๆ ดาวพุธและลงจอดเนื่องด้วยเหตุผลทางกลศาสตร์วงโคจร” Cannon กล่าว 
หากมองในแง่ทฤษฎีแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะทำเหมืองเพชรบนดาวพุธ “เป็นไปได้อยู่แล้ว แต่สภาพเศรษฐกิจมันไม่ค่อยดี เราสามารถสังเคราะห์เพชรที่ใช้ในอุตสาหกรรมขึ้นมาในห้องทดลองได้ ดังนั้นบางทีพวกมันอาจจะมีมูลค่ามากกว่ามนรูปแบบของคาร์บอนจำนวนมากๆ ก็ได้” Cannon กล่าว


<figure><img class="size-full wp-image-60241" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/BepiColumbo.jpg" alt="" width="662" height="480" /><figcaption> แบบจำลองยาน BepiColumbo (Photo Credits: John von Radowitz via Getty Images)</figcaption></figure>
ภารกิจ BepiColumbo ของทาง European Space Agency ที่กำลังเกิดขึ้นจะวาดแผนที่ดาวพุธในความยาวคลื่นที่ต่างออกไปหลังจากที่ไปถึงดาวดวงนั้นในวันที่ 5 ธันวาคม ปี 1014 และพวกเขาก็อาจจะค้นหาเพชรแห่งดาวพุธเจอก็เป็นได้ “ในทางทฤษฎีแล้ว ภารกิจ BepiColumbo ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ อาจจะสามารถตรวจพบเพชรในสสารพื้นผิวได้” Cannon กล่าว “พวกเขามีเครื่องตรวจวัดที่ใช้กับเครื่องตรวจวัดแบบที่ใช้ในภารกิจ <a style="color: #993300;" href="https://solarsystem.nasa.gov/missions/messenger/in-depth/">MESSENGER ของ NASA</a> ได้ดี และเครื่องมือของพวกเขาก็สามารถตรวจจับแร่ธาตุบางอย่างที่คล้ายกับแร่ธาตุแบบนี้ได้ดีกว่า” MESSENGER ทำแผนที่ดาวพุธไว้เมื่อช่วงปี 2008 ถึง 2015
ยานขนส่งทั้ง 12 ของ BepiColombo ทั้ง ESA Mercury Planetary Orbiter (MPO) และ JAXA Mercury Magnetospheric Orbiter (MMO) จะศึกษาที่มาและวิวัฒนาการของดาวพุธไปด้วยกัน รวมไปถึงศึกษาโครงสร้างภายใน ธรณีวิทยา ส่วนประกอบ หลุม ชั้นบรรยากาศ แม็กนีโตสเฟียร์ (รวมไปถึงศึกษาว่าสนามแม่เหล็กดังกล่าวมีปฏิกิริยากับลมสุริยะอย่างไร) และที่มาของสนามแม่เหล็กดาวพุธ นอกจากนี้ ภารกิจนี้ยังจะสำรวจการทับถมกันของสสารบริเวณขั้วของดาวดวงนี้ด้วย

<h3 class="p1">BepiColumbo ไม่ใช่ภารกิจสู่ดาวพุธเดียวที่กำลังเกิดขึ้น</h3>
ณ ตอนนี้ 2023–2032 Planetary Science and Astrobiology Decadal Survey ก็กำลังดูๆ คอนเซ็ปต์ภารกิจ <a href="https://www.forbes.com/sites/jamiecartereurope/2021/07/30/its-time-nasa-landed-on-mercury-the-only-unexplored-inner-planet-this-is-how-we-do-it">“Mercury Lander”</a> ซึ่งจะลงจอดในด้านที่อากาศเย็นและเป็นตอนกลางคืนของดาวพุธในปี 2045 โดยดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นดาวดวงเดียวที่ไม่มีหุ่นยนต์ตัวไหนได้สำรวจพื้นผิวเลย “ผมสนับสนุนมากเลย ตามประวัติศาสตร์แล้วเราทำตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับโดยเริ่มจากบินผ่าน โคจร ลงจอด เดินไปเดินมา และนำตัวอย่างกลับมา” Cannon กล่าว “เราสามารถได้ข้อมูลจากการโคจรรอบดาวพุธเยอะก็จริง แต่ไม่มีอะไรเทียบกับการลงจอดบนพื้นผิว และวิเคราะห์ก้อนหินและดินดังที่เราทำสำเร็จบนดาวอังคาร และดวงจันทร์ได้”
นอกจากดาวพุธแล้ว ดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะนี้ ก็อาจจะมีเพชรซ่อนอยู่เช่นกัน “โอกาสที่น่าจะเป็นไปได้คือมันน่าจะซ่อนอยู่ในชั้นลึกๆ ของดาวเคราะห์น้ำแข็งดวงโจอย่างดาวเนปจูนและยูเรนัส” Cannon กล่าว
แปลและเรียบเรียงจากบทความ There Could Be 16 Quadrillion Tons Of Diamonds On The Planet Mercury Suggests New Research เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/hermes%e2%80%8bfit-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%aa.html">Hermes​Fit เพราะการออกกำลังกายสง่างามได้เสมอ</a>


<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ดาวพุธ อาจมีเพชรซ่อนอยู่ถึง 16 พันล้านล้านตัน

<h2>ไม่กี่วันก่อนที่ Jeff Bezos มหาเศรษฐีและผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ Blue Origin จะบินขึ้นสู่อวกาศ เขาได้ออกมาให้คำมั่นว่าจะบริจาคเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับสถาบัน Smithsonian Institution เพื่อส่งเสริมการศึกษาด้านอวกาศบนโลก</h2>
<figure><img class="wp-image-48309" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-60ef41c9d9793820aaf50572-1960x0.jpgfitscale.jpg" alt="Jeff Bezos" width="720" height="480" /><figcaption> Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ Blue Origin</figcaption></figure>

พิพิธภัณฑ์อากาศและอวกาศแห่งชาติของ Smithsonian ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จะได้รับเงิน 70 ล้านเหรียญ เพื่อปรับปรุงอาคารด้วยเทคโนโลยีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ในขณะที่องค์กรจะใช้เงินที่เหลืออีก 130 ล้านเหรียญ เพื่อเปิดตัวศูนย์การศึกษาที่เน้นด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมแห่งใหม่ที่เชื่อมต่อกับพิพิธภัณฑ์ที่จะใช้ชื่อ Bezos

“นี่คือส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ระยะยาวของเราจริงๆ แต่ [เรา] ไม่มีทรัพยากร” Lonnie Bunch เลขานุการของ Smithsonian ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ 19 แห่งของสถาบันกล่าว “เพื่อทำให้เป็นศูนย์กลางที่จะช่วยเข้าถึงผ่าน STEM ไปยังผู้ชมที่ด้อยโอกาสและชุมชนในชนบท การได้รับหารสนับสนุนดังกล่าวทำให้สถาบัน Smithsonian ทำในสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นหนึ่งในความสำคัญหลักของเรา”

นอกจากนี้ Bunch ยังระบุว่า Bezos จะมีโอกาสในการแบ่งปันข้อมูลระหว่างขั้นตอนการวางแผน

แม้ว่าการเปิดศูนย์การศึกษาจะต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปี “เป็นที่แน่นอนว่า ทาง Smithsonian จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายทั้งหมด แต่เราต้องการที่จะรับฟังความคิดสร้างสรรค์ของ Jeff เช่นกัน”

ทั้งนี้ ยอดบริจารที่เพิ่งประกาศเมื่อบ่ายวันพุธเป็นยอดบริจาคที่มากที่สุดเท่าที่ Smithsonian เคยได้รับนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1846 (ของขวัญเนื่องในโอกาสการก่อตั้งจาก James Smithson ผู้ใจบุญชาวอังกฤษจะมีมูลค่าประมาณ 310 ล้านเหรียญในวันนี้ Bunch กล่าว)

โดยก่อนหน้านี้ Bezos ได้บริจาคเงินให้กับ Smithsonian ซึ่งรวมถึงของขวัญมูลค่า 1 ล้านเหรียญ เนื่องในโอกาสการก่อตั้ง the Museum of African American ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในปี 2016 

ด้าน Club for the Future มูลนิธิการกุศลของ Blue Origin ยังได้ประกาศบริจาคเงิน 1 ล้านเหรียญให้กับองค์กรอื่นๆ อีก 19 แห่ง ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนที่สนใจอาชีพใน STEM โดยมุ่งเน้นไปยังด้านอวกาศเป็นพิเศษ อาทิเช่น มูลนิธิทุนการศึกษานักบินอวกาศ ซึ่งก่อตั้งโดยนักบินอวกาศจาก Project Mercury และศูนย์ชาเลนเจอร์ ซึ่งสร้างขึ้นโดยครอบครัวของลูกเรือบนเที่ยวบินของกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรมในปี 1986

ปัจจุบัน Jeff Bezos เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.77 แสนล้านเหรียญ จากการประเมินของ Forbes รวมทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเร็วๆ นี้อีก 1 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาประกาศยกเลิกสัญญากับ Microsoft ที่ Amazon ได้ต่อสู้มาเป็นเวลานาน

ทั้งนี้ ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เขาได้บริจาคทรัพย์สมบัติของตนไม่ถึงร้อยละ 1 เพื่อองค์กรการกุศล ซึ่งนับว่าน้อยกว่า Warren Buffet และ George Soros เป็นจำนวนมาก 

เมื่อต้นเดือนนี้ Bezos ก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ Amazon โดยผู้ที่เข้ามาร่วงช่วงต่อ คือ Andy Jassy อดีตซีอีโอ Amazon Web Services บริษัทคลาวด์ในเครือ Amazon

ด้าน Mackenzie Scott อดีตภรรยาของ Bezos (บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 22 ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 6.22 หมื่นล้านเหรียญ) ยังเป็นผู้สนับสนุนพิพิธภัณฑ์อีกด้วย โดยเมื่อเดือนที่แล้ว เธอประกาศบริจาคเงินไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึง National Museum of Mexican Art ในชิคาโกและ Museum of Chinese ที่กรุงนิวยอร์ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่องล่าสุดของเธอ ที่มูลค่า 2.7 พันล้านเหรียญ

ล่าสุด Bezos กำลังจะเดินทางท่องอวกาศในวันที่ 20 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ หลังจากที่ <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/richard-branson/?sh=7dcd789a6ff5">Richard Branson</a> ประสบความสำเร็จในการเดินทางไปยังอวกาศในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยยาน VSS Unity ที่สร้างขึ้นโดย Virgin Galactic พร้อมผู้โดยสารอีก 5 คน ที่ระดับความสูงใต้ระดับวงโคจร (sub-orbital) โดยใช้เวลาทั้งหมดเพียง 40 นาที และผู้โดยสารทั้งหมดได้สัมผัสสภาพไร้น้ำหนักเป็นช่วงเวลาสั้นๆ

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Days Before Becoming An Astronaut Himself, Jeff Bezos Pledges $200 Million To Smithsonian To Support Air &amp; Space Museum เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/นักลงทุนจับตา-2-สตาร์ทอั.html">นักลงทุนจับตา 2 สตาร์ทอัพยูนิคอร์นอินเดีย เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์</a>

Jeff Bezos บริจาคเงิน 200 ล้านเหรียญ ส่งเสริมการศึกษาด้านอวกาศ ก่อนบินจริง 20 ก.ค.

<h2>Jeff Bezos ประกาศเดินทางท่องเที่ยวนอกโลกพร้อมกับยานที่พัฒนาโดย Blue Origin บริษัทเทคโนโลยีอวกาศที่เขาเป็นคนก่อตั้งขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ หลังลงจากตำแหน่งซีอีโอ Amazon ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่เขาก่อตั้งขึ้นในปี 1994 </h2>
<img class="alignnone wp-image-46587" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/0x0-1024x576.jpg" alt="Jeff Bezos" width="720" height="405" />

โอกาสในการเดินทางครั้งนี้จะทำให้ Bezos ซึ่งปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก ก้าวขึ้นเป็น “มหาเศรษฐีท่องจักรวาลคนแรก” ที่ลงทุนในนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมอวกาศและเดินทางไปเยือนนอกโลกด้วยยานของตนเอง 

ทั้งนี้ นอกจาก Bezos แล้วยังมีอีก 9 มหาเศรษฐีที่เคยเดินทางไปอวกาศแล้วหรือกำลังจะไปเร็วๆ นี้ 

<img class="alignnone size-full wp-image-46589" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/First.png" alt="" width="416" height="416" />

Charles Simonyi

กำหนดเดินทาง: เมษายน 2007 และ มีนาคม 2009  

สถานที่: สถานีอวกาศนานาชาติ

ยานพาหนะ: ยานอวกาศ Soyuz ของ Space Adventures

Charles Simonyi ผู้พัฒนา Microsoft Office เวอร์ชั่นแรก คือ มหาเศรษฐีคนแรกที่เดินทางไปอวกาศและเป็นเพียงคนเดียวที่เดินทางไปมากถึง 2 ครั้ง

นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชาวฮังการีร่วมงานกับ Microsoft ในฐานะพนักงานคนที่ 40 ในปี 1981 จนถึงปี 2002 ก่อนที่จะกลับมาทำงานอีกครั้งในปี 2017 เมื่ออดีตนายจ้างของเขาซื้อกิจการบริษัท  Intentional Software

โดยในช่วงที่เขาลาออกจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีแห่งนี้ Simonyi ได้เดินทางไปที่สถานีอวกาศนานาชาติถึง 2 ครั้งร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวอวกาศ Space Adventures คิดเป็นมูลค่ารวม 60 ล้านเหรียญ

ทั้งนี้ Simonyi เล่าถึงประสบการณ์การเดินทางในระหว่างสัมภาษณ์กับ <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/katiasavchuk/2015/01/04/what-to-pack-for-space-travel-charles-simonyi-space-adventures-virgin-galactic/?sh=409bacfe4fdd">Forbes</a> ในปี 2015 ว่า “ทุกๆ 90 นาที คุณจะเห็นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง ขั้วโลกเหนือ เขตร้อน กลางคืน กลางวัน”

<img class="alignnone wp-image-46590 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/Second.png" alt="Jeff Bezos" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/sites/katiasavchuk/2015/01/04/what-to-pack-for-space-travel-charles-simonyi-space-adventures-virgin-galactic/?sh=409bacfe4fdd">Guy Laliberte</a>

กำหนดเดินทาง: กันยายน 2009

สถานที่: สถานีอวกาศนานาชาติ

ยานพาหนะ: ยานอวกาศ Soyuz ของ Space Adventures

Guy Laliberte อดีตนักแสดงข้างถนนที่พ่นไฟได้ร่ำรวยขึ้นหลังจากร่วมก่อตั้ง Cirque Du Soleil บริษัทละครสัตว์ในปี 1984

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการชาวแคนาดายังได้เข้าร่วมปฏิบัติการระดับนานาชาติ ก่อนที่จะหยุดพักยาว 1 เดือนในปี 2009 เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมสำหรับการเดินทางไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ

Laliberte จ่ายเงิน 35 ล้านเหรียญสำหรับการเดินตั๋วใบนี้ ซึ่งเป็นเที่ยวบินส่วนตัวครั้งสุดท้ายของ Space Adventures มานานกว่าทศวรรษ “เปรียบเหมือนกับคุณกำลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์” เขากล่าวถึงการลงจอด “ทันทีที่ผมกลับสู่พื้นโลก ผมอยากกลับไปตรงนั้นอีกครั้ง”

<img class="alignnone wp-image-46591 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/JeffBezos.png" alt="Jeff Bezos" width="416" height="416" />

Jeff Bezos 

กำหนดเดินทาง: กรกฎาคม 2021

สถานที่: เส้นคาร์มัน (Karman line)

ยานพาหนะ: ยานอวกาศ New Shepard ของ Blue Origin

Space Capital บริษัทร่วมทุนที่เน้นการลงทุนด้านอวกาศรายงานว่า Bezos มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกได้ทุ่มเงินลงทุนเป็นมูลค่ากว่า 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นับตั้งแต่ก่อตั้ง Blue Origin บริษัทเทคโนโลยีอวกาศขึ้นในปี 2000 

ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา Bezos ได้ออกมาประกาศว่าเขาและ Mark น้องชายจะเป็นผู้โดยสารในเที่ยวบินอวกาศที่มีลูกเรือเป็นครั้งแรกของบริษัท   ซึ่งจะออกเดินทางในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ หรือเพียง 2 สัปดาห์หลังจากที่เขาเปลี่ยนไปรับตำแหน่งประธานบริหาร Amazon

โดยเที่ยวบินนี้มีกำหนดจะข้าม Karman Line เส้นพรมแดนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นพื้นที่นอกโลก ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นผิวโลกมากกว่า 60 ไมล์

ไม่เพียงเท่านี้ Bezos ยังได้เล่าถึงความหลงไหลในเรื่องอวกาศผ่าน Instagram ส่วนตัวว่า เขา “มีความฝันที่จะเดินทางไปยังอวกาศตั้งแต่อายุ 5 ขวบ” 

<img class="alignnone size-full wp-image-46592" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/4.png" alt="" width="416" height="416" />

Jared Isaacman

กำหนดเดินทาง: กันยายน 2021

สถานที่: วงโคจร Geocentric

ยานพาหนะ: ยานอวกาศ Dragon ของ SpaceX

Jared Isaacman ผู้ก่อตั้ง Shift4 Payment ธุรกิจรับชำระค่าสินค้าและบริการ เคยจัดตั้งกลุ่มฝูงบินแสดงทางอากาศร่วมกับนักบินที่เกษียณ และกลุ่มบุคคลทั่วไปที่มีทักษะในด้านนี้ เพื่อทำการแสดงกายกรรมทางอากาศ ซึ่งต่อยอดมาจากงานอดิเรกของเขาอย่างการขับเครื่องบินขับไล่ 

ล่าสุดเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการในภารกิจพลเรือนสู่อวกาศครั้งแรกของโลก โดยมหาเศรษฐีผู้นี้ได้ซื้อที่นั่งทั้ง 4 ที่บนเที่ยวบินที่ดำเนินการโดย SpaceX ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักในโรงพยาบาลเด็ก St. Jude Chirldren’s Hospital และในบรรดาเพื่อนร่วมทีมที่ได้รับเลือก คือ <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/valeriestimac/2021/03/30/meet-the-final-two-members-of-the-worlds-first-all-civilian-spaceflight-mission-inspiration4/?sh=549c91ec1e61">Hayley Arceneaux</a> ผู้รอดชีวิตจากมะเร็งในวัยเด็ก

<img class="alignnone size-full wp-image-46593" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/jap.png" alt="" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/sites/valeriestimac/2021/05/13/japanese-billionaire-yusaku-maezawa-announces-new-space-tourism-flight-plan-for-late-2021/">Yusaku Maezawa </a>

กำหนดเดินทาง: ธันวาคม 2021และอีกครั้งในปี 2023

สถานที่: สถานีอวกาศนานาชาติ และรอบดวงจันทร์

ยานพาหนะ: ยานอวกาศ Soyuz ของ Space Adventures และ Starship ของ SpaceX

มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น Maezawa สร้างรายได้มหาศาลจากการก่อตั้ง Zozotown ซึ่งเคยเป็นห้างสรรพสินค้าแฟชั่นออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบ้านเกิดของเขา 

ในปี 2018 Elon Musk ได้ออกมาประกาศว่า Maezawa จะเป็นผู้โดยสารรายแรกที่บินรอบดวงจันทร์ของ SpaceX และล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ มหาเศรษฐีผู้นี้ได้เพิ่มจุดหมายปลายทางในอวกาศอีกแห่งในลงในแผนการเดินทางของเขาร่วมกับ Space Adventures ในฐานะนักท่องเที่ยวอวกาศคนแรกที่ไปเยี่ยมชมสถานีอวกาศนานาชาติต่อจาก Laliberte ในปี 2009

<img class="alignnone size-full wp-image-46594" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/6.png" alt="" width="416" height="416" />

Richard Branson

กำหนดเดินทาง: ปลายปี 2021

สถานที่: เหนือพื้นผิวโลกประมาณ 55 ไมล์

ยานพาหนะ: ยานอวกาศ Virgin Galactic Unity

Branson มีกำหนดการเดินทางในเที่ยวบินทดสอบที่ขับเคลื่อนด้วยจรวดครั้งที่ 3 ของ Virgin Galactic ซึ่งก่อนหน้านี้ Michael Colglazier ซีอีโอได้ออกมาบอกกับนักลงทุนว่ามีแผนจะเปิดตัวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเที่ยวบินแรกมีกำหนดเสร็จสิ้นการเดินทางในเดือนพฤษภาคม

ด้านเที่ยวบินของ Branson ซึ่งเป็นเที่ยวบินที่ 3 ในชุดทดสอบการบินของ Virgin Galactic มีกำหนดจะเริ่มในปลายปีนี้ โดยจะพาผู้โดยสารขึ้นไปเหนือพื้นผิวโลกประมาณ 55 ไมล์ ซึ่งเป็นไปตามคำจำกัดความขององค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกาถึงเที่ยวบินนอกอวกาศ  

ทั้งนี้ หลังจากเที่ยวบินทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว ทางบริษัทจะเริ่มให้บริการในเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีผู้โดยสารกว่า 600 ราย อาทิ นักแสดง Angelina Jolie และ Tom Hanks ที่ได้จองเที่ยวบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่บางคนรอมานานกว่า 10 ปีตั้งแต่ซื้อตั๋ว 

<img class="alignnone size-full wp-image-46595" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/7.png" alt="" width="416" height="416" />

Sergey Brin

กำหนดเดินทาง: จะแจ้งภายหลัง

สถานที่: สถานีอวกาศนานาชาติ

ยานพาหนะ: ยานอวกาศของ Space Adventures

ในปี 2008 Sergey Brin ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ได้เข้าลงทุนใน Space Adventures ด้วยเงินฝากจำนวน 5 ล้านเหรียญ ซึ่งสามารถใช้การเดินทางท่องเที่ยวอวกาศในอนาคต

อย่างไรก็ดี แม้ว่า Space Adventures จะกลับมาเปิดเที่ยวบินส่วนตัวไปยังสถานีอวกาศนานาชาติในปีนี้โดยเริ่มจากมหาเศรษฐี Maezawa แต่ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า Brin วางแผนที่จะเดินทางไปเมื่อไหร่

<img class="alignnone size-full wp-image-46596" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/twinnie.png" alt="" width="416" height="416" />

Tyler และ Cameron Winklevoss

กำหนดเดินทาง: จะแจ้งภายหลัง

สถานที่: Suborbital space

ยานพาหนะ: ยานอวกาศของ Virgin Galactic

ฝาแฝด Winklevoss คืแ หนึ่งในผู้โดยสารหลายร้อยคนที่จองเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ของ Virgin Galactic ทั้งยังเป็นลูกค้าเพียงรายเดียว (ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ) ที่ใช้บิตคอยน์ในการเข้าซื้อตั๋วคู่หนึ่ง ซึ่งมีราคาใบละ 250,000 เหรียญในเดือนมกราคม 2014 และจากราคาซื้อขายในปัจจุบัน บิตคอยน์ที่พวกเขาใช้ไปมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Jeff Bezos And The Other Billionaire Space Cowboys เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/เจาะกลยุทธ์-amazon-ซื้อกิจการ.html">เจาะกลยุทธ์ Amazon เจ้าแห่งการเข้าซื้อกิจการ</a>

Jeff Bezos และ 9 มหาเศรษฐีท่องจักรวาล

<h2 class="p3">Boeing ประกาศเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า บริษัทเตรียมเงินลงทุน 20 ล้านเหรียญเพื่อจะร่วมทุนกับ Virgin Galactic บริษัท นำเที่ยวอวกาศ ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐี Richard Branson</h2>
Virgin Galactic ในขณะนี้อยู่ระหว่างการปิดดีลควบรวมกิจการมูลค่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กับ Social Capital Hedosophia ซึ่งจะทำให้บริษัทกลายเป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทันที โดยดีลนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2019 ดังนั้น การเตรียมงบเข้าลงทุนของ Boeing จะเป็นการซื้อสัดส่วนหุ้นในบริษัทจดทะเบียน
ในแถลงการณ์การร่วมทุน ทั้งสองบริษัทแย้มว่าพวกเขาจะพัฒนาโครงการบางอย่างร่วมกัน ซึ่งยังไม่เปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้
อย่างไรก็ดี ทั้ง Boeing และ Virgin Galactic ต่างพร้อมที่จะพามนุษย์ออกสู่อวกาศภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า
ที่ผ่านมาบริษัท Virgin Galactic ได้พานักบินอวกาศขึ้นสู่ระยะ 100 กิโลเมตรเหนือน้ำทะเล (suborbital) ซึ่งถือว่าเข้าเขตอวกาศสำเร็จมาแล้วในปี 2018 และบริษัทนี้อยู่ระหว่างเตรียมพร้อมเพื่อเปิดไฟลท์บินเชิงพาณิชย์เที่ยวบินแรกเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Virgin Galactic ได้เปิดเผยภาพภายในท่าอวกาศยาน (spaceport) แห่งใหม่ของบริษัทที่รัฐ New Mexico ซึ่งจะเป็นจุดปล่อยยานอวกาศ เป็นการประกาศความพร้อมของบริษัทที่จะให้บริการ


<figure><img class="size-full wp-image-22604" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/Virgin-Galactic-นำเที่ยวอวกาศ-spaceport.jpg" alt="Virgin-Galactic-นำเที่ยวอวกาศ-spaceport" width="800" height="535" /><figcaption> ท่าอวกาศยาน (spaceport) ของบริษัท Virgin Galactic ที่รัฐ New Mexico ซึ่งจะเป็นจุดปล่อยยานอวกาศ เป็นการประกาศความพร้อมของบริษัทที่จะให้บริการไฟลท์บินเร็วๆ นี้ (PHOTO CREDIT: theatlantic.com)</figcaption></figure>
ปัจจุบัน Virgin Galactic มีลูกค้าจองตั๋วบินแล้ว 603 ราย ด้วยสนนราคาตั๋ว 200,000-250,000 เหรียญต่อหนึ่งทริป และจะกลับมาเปิดจำหน่ายตั๋วกันอีกครั้งเมื่อเริ่มให้บริการเที่ยวบินแรก ลูกค้าเหล่านี้ยังคงรอคอยด้วยความอดทน เพราะแม้แต่คนที่จองเป็นรายท้ายๆ ก็ยังจองตั๋วไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2010
ฟาก Boeing นั้นกำลังพัฒนาแคปซูลอวกาศ Starliner โดยเป็นโครงการพัฒนาภายใต้สัญญาความร่วมมือกับ NASA (ในโครงการเดียวกันนี้ SpaceX ของ Elon Musk ก็ร่วมมือพัฒนาแคปซูลอวกาศด้วยเช่นกัน) หากสำเร็จ แคปซูลดังกล่าวจะเป็นพาหนะขนส่งนักบินอวกาศไปยัง สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ปิดฉากการพึ่งพิงยานอวกาศของรัสเซียให้เป็นผู้ขนส่งนักบินอวกาศของสหรัฐฯ เข้าและออกจาก ISS บริษัท Boeing คาดหวังว่าจะสามารถนำ Starliner ขึ้นทดสอบการบินรอบโลกได้ในเร็วๆ นี้

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%9e-audacy-%e0%b8%ad%e0%b8%a7%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8.html">สตาร์ทอัพ AUDACY ผู้สร้างสัญญาณโทรศัพท์ในอวกาศ</a></li>
</ul>
การท่องเที่ยวอวกาศนั้นเป็นเทรนด์ที่หลายบริษัทแข่งขันกันเป็นผู้นำมาแล้วหลายปี หลังจาก “นักท่องเที่ยว” คนแรก Dennis Tito มหาเศรษฐีอเมริกันยอมจ่ายเงิน 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ​ เพื่อโดยสารยาน Soyuz ของรัสเซียขึ้นไปเที่ยวสถานี ISS เมื่อปี 2001 จากนั้นก็มีนักท่องเที่ยวอีก 6 คนเดินตามรอยของเขา แต่กลับไม่มีใครออกเที่ยวอวกาศอีกเลยตั้งแต่ปี 2009


<figure><img class="size-full wp-image-22608" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/Blue-Origin.jpg" alt="" width="800" height="442" /><figcaption> จรวด New Shepard ทำการทดสอบขึ้นบิน (PHOTO CREDIT: Blue Origin)</figcaption></figure>
นอกจาก Virgin Galactic บริษัทที่กำลังจะสร้างฝันให้เป็นจริงอีกรายคือ Blue Origin ของเจ้าพ่ออี-คอมเมิร์ซ Jeff Bezos โดยจรวด New Shepard ของบริษัทถูกยิงขึ้นสู่อวกาศมาแล้ว 10 ครั้ง และบริษัทคาดว่าจะทดสอบการขึ้นสู่อวกาศโดยมีมนุษย์ขึ้นไปด้วยภายในปีนี้ รวมถึงการเปิดขายตั๋วครั้งแรกน่าจะเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน และน่าจะเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับ Virgin Galactic
ทั้งสองบริษัทมีแผนที่จะพานักท่องเที่ยวนำเที่ยวอวกาศรอบละ 6 คน นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมอวกาศจากในแคปซูลเป็นเวลาหลายนาที ก่อนจะพากลับมายังโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องลงสู่พื้นโลกด้วยร่มชูชีพ
ทางด้าน SpaceX นั้นมีความฝันจะ นำเที่ยวอวกาศ ไปไกลกว่าแค่ขอบโลก Musk มีวิสัยทัศน์ที่จะจัดทริปนำเที่ยวไปเหยียบดวงจันทร์ภายในปี 2023
&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/alexknapp/2019/10/08/boeing-plans-to-invest-20-million-in-space-tourism-company-virgin-galactic/?utm_source=newsletter&amp;utm_medium=email&amp;utm_campaign=daily-dozen&amp;cdlcid=5d1670e71802c8c524d6a517#647564654ff1">Boeing Plans To Invest $20 Million In Space Tourism Company Virgin Galactic</a></li>
 	<li><a href="https://www.wired.co.uk/article/spacex-blue-origin-space-tourism">2019 is the year that space tourism finally becomes a reality. No, really</a></li>
</ul>

Boeing เตรียมลงทุน 20 ล้านเหรียญในบริษัท “นำเที่ยวอวกาศ” Virgin Galactic

<h2 class="p1">มนุษย์โลกผู้ต่ำต้อยอย่างเรายิงดาวเทียมกระจายไปทั่วมาตั้งแต่ปี 1957 แต่ปัญหาท้าทายที่ใหม่กว่านั้นคือ การเชื่อมสัญญาณสื่อสารกับภารกิจบนสวรรค์ซึ่งมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหาคำตอบให้ปัญหานั้น ขอเชิญพบกับ สตาร์ทอัพ Audacy (audacy.space) </h2>
บริษัทอายุ 4 ปีแห่งนี้ก่อตั้งโดยศิษย์เก่า Stanford และอดีตผู้เชี่ยวชาญ SpaceX ผู้สร้างสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็น สัญญาณโทรศัพท์ในอวกาศ โดยใช้กลุ่มโหนดสื่อสาร สถานีภาคพื้นดิน เครื่องรับส่งวิทยุแบบมีเสาในตัวสำหรับผู้ใช้งาน และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ
บริษัทคาดว่าระบบนี้จะช่วยติดตามภารกิจในอวกาศได้จากทุกที่ตั้งแต่บนโลกไปถึงดวงจันทร์ และเนื่องจากระบบเดิมๆ มาถึงขีดจำกัดแล้ว Audacy ซึ่งระดมทุนได้ประมาณ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสถานีภาคพื้นดินอยู่ในเมือง San Francisco และมีแผนจะเพิ่มสถานีใน Singapore และ Luxembourg จึงต้องการจับกระแสความต้องการที่กำลังบูมสำหรับการ “คุยกับคนในอวกาศ” แบบเรียลไทม์
ข้อจำกัดของการมีเฉพาะสถานีภาคพื้นดินคืออะไร? เป็นเพราะบริษัทให้บริการภาพถ่ายดาวเทียมทุกวันนี้จะต้องรอให้ดาวเทียมของบริษัทโคจรมาถึงจุดที่สามารถสื่อสารกับสถานีภาคพื้นดิน จึงจะสามารถส่งภาพกลับลงมาให้โลกดาวน์โหลดได้ กระบวนการนี้ทำให้การติดต่อระหว่างโลกกับอวกาศยังเกิดความล่าช้า (delay) ขณะที่ธุรกิจบนโลกต้องการความรวดเร็วของข้อมูลเพื่อตัดสินใจ
ในยุคที่ดาวเทียมพาณิชย์เพิ่มจำนวนขึ้นมาก บริษัทอย่าง สตาร์ทอัพ Audacy จึงมีเป้าหมายจะเปิดให้บริการสถานีภาคพื้นดินเพื่อการพาณิชย์จำนวนหนึ่งภายในปี 2019 นี้ และจะตามด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่แก้ปัญหาการ delay ของการส่งข้อมูลจากดาวเทียมกลับมาที่โลก
Audacy อยู่ระหว่างสร้างระบบ Inter-satellite Data Relay ซึ่งจะประกอบด้วยสถานีภาคพื้นดินของบริษัททั้ง 3 แห่ง และดาวเทียมวงโคจรระยะปานกลาง (MEO) 3 ดวง ที่บริษัทจะส่งขึ้นฟ้าภายในปีนี้ โดยบริษัทหวังว่ารัศมีของเครือข่ายระบบนี้จะทำให้บริษัทสามารถรับส่งข้อมูลจากดาวเทียมอื่นๆ ไปที่โลกได้แบบเรียลไทม์ และหากทำสำเร็จ Audacy จะเป็นบริษัทแรกของโลกที่ให้บริการระบบ Inter-satellite Data Relay เชิงพาณิชย์
โดยบริษัทเปรียบเทียบบริการของตนในปี 2018 ซึ่งเพิ่งจะมีสถานีภาคพื้นดินเพียงแห่งเดียวว่า สามารถครอบคลุมบริการได้เพียง 15% ของพื้นที่โลก และรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 100 Mbps แต่ถ้าหากมีระบบ Inter-satellite Data Relay โดยสมบูรณ์ในปี 2021 ระบบนี้จะครอบคลุมการบริการ 100% ของทั้งโลก และรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วถึง 5,000 Mbps
“เรากำลังสร้างกระดูกสันหลังแบบใหม่ให้กับการสื่อสารสำหรับ ‘เศรษฐกิจอวกาศ’ ที่กำลังพัฒนาขึ้น และเครือข่ายของ Audacy ถูกวางตำแหน่งไว้อย่างดีเพื่อตอบสนองลูกค้าหลากหลายประเภท อันรวมไปถึงชุมชนอัจฉริยะด้านสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ที่กำลังเติบโตด้วย” Dr.Ralph Ewig ซีอีโอของ Audacy กล่าว
“การติดต่อสื่อสารได้แบบเรียลไทม์จะขยายความสามารถของบริการสังเกตการณ์โลก และช่วยเร่งการเติบโตของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้ารายแรกๆ ของเรา”
ในกลุ่มลูกค้ารายแรกๆ ของ Audacy คือ พาร์ทเนอร์ของบริษัท ICEYE สตาร์ทอัพสัญชาติฟินแลนด์ผู้ให้บริการภาพถ่ายดาวเทียมแก่รัฐบาลและอุตสาหกรรมเอกชนทั่วโลก
ICEYE เพิ่งปล่อยดาวเทียมดวงที่สองของบริษัท ICEYE-X2 ขึ้นสู่อวกาศ ดาวเทียมดวงนี้โคจรผ่านสถานีภาคพื้นดิน 25 ครั้งต่อวัน แต่ถ้าหากสามารถใช้ระบบใหม่ของ Audacy ได้ ICEYE จะส่งข้อมูลได้เร็วและมากกว่าเดิมมหาศาล
ทั้งนี้ Audacy ไม่ใช่รายเดียวที่กำลังจับจ้องสมรภูมิเศรษฐกิจอวกาศ คู่แข่งอย่าง Kepler Communications และ Analytical Space ก็กำลังวางแผนใช้เทคโนโลยีเพื่อรับส่งข้อมูลดาวเทียมให้ได้เร็วขึ้นและมากขึ้นเช่นกัน
&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/cover-new-issue/%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3-forbes-thailand-%e0%b8%89%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%8e.html">Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2562</a></li>
 	<li><a href="https://www.spaceitbridge.com/iceye-signs-inter-satellite-comm-deal-with-audacy.htm">ICEYE signs inter-satellite comm deal with Audacy</a></li>
 	<li><a href="http://www.spacetechasia.com/audacy-receives-fcc-license-for-commercial-inter-satellite-data-relay-network/">Audacy receives FCC license for commercial inter-satellite data relay network</a></li>
 	<li><a href="https://spacenews.com/audacy-and-iceye-explore-cooperation/">Audacy and Iceye explore cooperation</a></li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events