<h2>Henley &amp; Partners บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการย้ายถิ่นฐานผ่านการลงทุน เผยข้อมูลว่า ครอบครัวอเมริกันที่มั่งคั่งกำลังขอสัญชาติและถิ่นพำนักที่สองเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนทางการเงิน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Henley &amp; Partners บอกกับ CNBC ว่า ครอบครัวอเมริกันที่มั่งคั่งกำลังสร้าง ‘พอร์ตพาสปอร์ต’ เก็บสัญชาติที่สอง หรือกระทั่งสามและสี่ เผื่อไว้ในกรณีที่พวกเขาต้องลาจากประเทศบ้านเกิด โดยชาวอเมริกันที่มองหาสัญชาติใหม่นั้นมีจำนวนมากกว่าพลเมืองจากประเทศอื่นๆ&nbsp; &nbsp;&nbsp;“สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่ยอดเยี่ยม มีพาสปอร์ตที่เป็นเลิศ” Dominic Volek หัวหน้าฝ่ายลูกค้าพิเศษแห่ง Henley &amp; Partners กล่าว “แต่ถ้าผมรวย ผมคงอยากป้องกันตัวเองจากความผันผวนและความไม่แน่นอนต่างๆ”​&nbsp; &nbsp;&nbsp;Volek อธิบายว่า “แนวคิดเรื่องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนนั้นเป็นที่ทราบกันดีในหมู่คนรวย ดังนั้นจึงไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยที่จะถือสัญชาติและมีถิ่นพำนักเพียงหนึ่งเดียว เมื่อผมมีความสามารถในการกระจายส่วนนั้นของชีวิตด้วยเช่นกัน”&nbsp; &nbsp;&nbsp;อันที่จริง เหตุผลเบื้องหลังการขอสัญชาติเพิ่มของชาวอเมริกันที่มั่งคั่งก็อาจเรียบง่ายเพียงแค่อยากมีที่พำนักที่มั่นคงหลังเกษียณ หรือไม่ก็เพื่อสร้างครอบครัว ยิ่งในยุคที่การทำงานระยะไกลเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้สามารถทำงานจากมุมไหนของโลกก็ย่อมได้ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/UkJLzKQPHsuLhm9cJZjN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="UkJLzKQPHsuLhm9cJZjN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="0"><figcaption><div>Wellington, New Zealand</div></figcaption></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;เมื่อเร็วๆ นี้ บรรดาบุคคลที่มีประวัติและฐานะดีก็เพิ่งได้สัญชาติที่สองกันไปจำนวนมาก เช่น มหาเศรษฐีนักลงทุนสายเทค Peter Thiel ที่ได้รับสัญชาตินิวซีแลนด์ และอดีตซีอีโอของ Google อย่าง Eric Schmidt ก็ขอสัญชาติไซปรัส&nbsp; &nbsp;&nbsp;แน่นอนว่าคนรวยเหล่านี้ไม่ได้ตั้งใจจะอพยพและละทิ้งสัญชาติอเมริกันเสียทีเดียว แม้จะมีบ้างที่ตัดสินใจถือสัญชาติใหม่ไปเลย โดยชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงจ่ายค่าวีซ่าหรือโครงการเกี่ยวกับการเป็นพลเมืองเพื่อให้พาสปอร์ตสหรัฐฯ ยังคงใช้งานต่อไปได้&nbsp; &nbsp;&nbsp;Henley &amp; Partners เผยว่าประเทศที่ชาวอเมริกันนิยมยื่นเรื่องขอสัญชาติเป็นจำนวนมาก มีดังนี้ มอลตา (Malta)&nbsp; &nbsp;&nbsp;ตัวเลือกยอดนิยมของชาวอเมริกันผู้มั่งคั่ง การจะได้มาซึ่ง Golden Visa ในสาธารณรัฐแห่งนี้นั้น จำเป็นต้องลงทุนราว 300,000 ยูโร กับอสังหาริมทรัพย์ในมอลตา&nbsp; &nbsp;&nbsp;"การได้สัญชาติมอลตาทำให้คุณกลายเป็นพลเมืองยุโรปไปโดยปริยาย และได้สิทธิในการตั้งถิ่นฐานทั่วยุโรป” Volek กล่าว “คุณสามารถอยู่ที่เยอรมนี ส่วนลูกๆ ไปเรียนที่ฝรั่งเศส คุณยังมีสิทธิจะพำนัก ทำงาน และเรียนทั่วยุโรป” กรีซ (Greece)&nbsp; &nbsp;&nbsp;กรีซคืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางสำคัญ แม้ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา รัฐบาลประเทศกรีซจะเพิ่งประกาศเตรียมเพิ่มเพดานมูลค่าการลงทุนเพื่อ Golden Visa ไปที่ 800,000 ยูโร <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/mYZZtBU4miosjjgTd6V6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mYZZtBU4miosjjgTd6V6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"><figcaption><div>Lisbon, Portugal</div></figcaption></figure></div> โปรตุเกส (Portugal)&nbsp; &nbsp;&nbsp;โครงการ Golden Visa ของโปรตุเกสนั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะจะมอบสิทธิในการพำนักและเป็นพลเมืองของประเทศ รวมถึงสามารถเดินทางได้ทั่วยุโรปโดยไม่ต้องใช้วีซ่า โดยต้องลงทุนเป็นมูลค่า 500,000 ยูโรเป็นการแลกเปลี่ยน อิตาลี (Italy)&nbsp; &nbsp;&nbsp;Golden Visa ของอิตาลีมอบสิทธิให้ผู้ถือครองอาศัย ทำงาน และเรียนในอิตาลี ทั้งยังสามารถเดินทางในประเทศกลุ่มเชงเก้นได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเพิ่ม โดยการลงทุนเพื่อให้ได้ Golden Visa ของอิตาลีนั้นมี 3 ประเภท เริ่มต้นตั้งแต่ 250,000 ยูโร ไปจนถึง 2,000,000 ยูโร นิวซีแลนด์ (New Zealand)&nbsp; &nbsp;&nbsp;ข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งของโลก จากการจัดอันดับของ Henley &amp; Partners&nbsp;นิวซีแลนด์คือ 1 ใน 10 ประเทศที่ผู้คนนิยมขอสัญชาติที่สอง รวมถึงชาวอเมริกันผู้มั่งคั่ง ซึ่งแน่นอนว่าราคาที่ต้องจ่ายก็สูงมากเช่นกัน หากใครต้องการเป็นผู้พำนักอาศัยในประเทศแห่งนี้ ก็ควรเตรียมเงินไว้สัก 5,000,000 – 15,000,000 เหรียญนิวซีแลนด์ แหล่งที่มา:​<a href="https://www.cnbc.com/2024/04/10/rich-americans-get-second-passports-citing-risk-of-instability.html" alt="The rich are getting second passports, citing risk of instability">The rich are getting second passports, citing risk of instability</a>​ ​<a href="https://www.businessinsider.in/thelife/news/rich-americans-who-want-a-backup-plan-are-getting-second-passports-these-are-the-countries-theyaposre-choosing-/slidelist/109205847.cms" alt="Rich Americans who want a backup plan are getting second passports.">Rich Americans who want a backup plan are getting second passports.</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/millennials-to-become-richest-generation-in-history" alt="Knight Frank เผยอีก 20 ปี ‘ชาวมิลเลนเนียล’ จะกลายเป็นเศรษฐี รับมรดกจนมั่งคั่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา">Knight Frank เผยอีก 20 ปี ‘ชาวมิลเลนเนียล’ จะกลายเป็นเศรษฐี รับมรดกจนมั่งคั่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

พาสปอร์ตเล่มเดียวไม่พอ! เมื่อความไม่แน่นอนทางการเงิน พาชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งแห่ขอสัญชาติใหม่

<h2>Henley &amp; Partners ผู้นำการลงทุนเพื่อการย้ายถิ่นฐานระดับโลก เผยผลการจัดอันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลของโลกจากดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์ (Henley Passport Index) ณ วันพุธที่ 10 มกราคม 2024 ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ครองอันดับ 1 ร่วมกัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์จะอ้างอิงตัวเลขที่พาสปอร์ตแต่ละเล่มใช้เดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า อ้างอิงจากข้อมูลพิเศษที่ได้รับจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลด้านการเดินทางที่ใหญ่และแม่นยำที่สุด นำมาศึกษา วิเคราะห์ และเรียบเรียงโดยทีมวิจัยของ Henley &amp; Partners&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พาสปอร์ตประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ยังคงทรงอิทธิพลอย่างยิ่งในปี 2024 นี้ อันดับ 1 ในทำเนียบทั้งหมด 6 ประเทศ เป็น EU ไปแล้วถึง 4 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน ส่วนประเทศเอเชียอีก 2 ประเทศคือญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ผู้ถือพาสปอร์ตเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 194 จุดหมายปลายทางจากทั้งหมด 227 แห่งทั่วโลกได้โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ 10 อันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลประจำปี 2024 มีดังนี้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 1 เดินทางได้ 194 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 2 เดินทางได้ 193 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฟินแลนด์ สวีเดน เกาหลีใต้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 3 เดินทางได้ 192 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ออสเตรีย เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 4 เดินทางได้ 191 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ โปรตุเกส สหราชอาณาจักร &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 5 เดินทางได้ 190 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กรีซ มอลตา สวิตเซอร์แลนด์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 6 เดินทางได้ 189 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ออสเตรเลีย เช็กเกีย นิวซีแลนด์ โปแลนด์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 7 เดินทางได้ 188 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แคนาดา ฮังการี สหรัฐอเมริกา &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 8 เดินทางได้ 187 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอสโตเนีย ลิธัวเนีย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 9 เดินทางได้ 186 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลัตเวีย สโลวาเกีย สโลวีเนีย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 10 เดินทางได้ 185 จุดหมายปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไอซ์แลนด์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 63 ร่วมกับโบลิเวีย โดยสามารถเดินทางไปยัง 82 จุดหมายปลายทางทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตัวเลขจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางสามารถไปถึงได้โดยปราศจากวีซ่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 58 ในปี 2006 เป็น 111 ในปี 2024” ดร. Christian H. Kaelin ประธาน Henley &amp; Partner และผู้คิดค้นคอนเซ็ปต์ดัชนีพาสปอร์ตกล่าว “อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ปีใหม่ พาสปอร์ตประเทศอันดับสูงๆ สามารถเดินทางเยือนกว่า 166 จุดหมายโดยไม่ต้องขอวีซ่า ทว่าอัฟกานิสถานที่อยู่อันดับท้ายสุดกลับไปได้เพียง 28 ประเทศเท่านั้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความต่างนี้ชี้ให้เห็นช่องว่างที่กว้างขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนับตั้งแต่ Henley &amp; Partner ทำการจัดอันดับพาสปอร์ตมาตลอด 19 ปี อันเป็นผลมาจากการเมืองทั้งในและนอกประเทศอันร้อนระอุในหลายภูมิภาคทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ งานวิจัยใหม่ของ Henley &amp; Partners ยังเน้นถึงความสัมพันธ์ระหว่างฟรีวีซ่าและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ โดยเปรียบเทียบเกณฑ์สำคัญต่างๆ ระหว่างภูมิภาคและกลุ่มทางเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งรวมถึง ASEAN, AU, EU, G7, G20, GCC MERCOSUR และ BRICS&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;งานวิจัยดังกล่าวพบว่าการที่ผู้คนและเงินทุนสามารถเดินทางได้อย่างอิสระข้ามพรมแดนนานาชาติ ส่งผลให้การลงทุนและทักษะความสามารถต่างๆ ไหลไปยังพื้นที่ที่ต้องการสิ่งนั้นๆ อย่างที่สุด ก่อให้เกิดผลตอบแทนสูงสุดตามมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และหากมองจากหลายๆ มุม ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของโลกในอนาคตก็ขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่ยังคงล้าหลังแต่ได้เผยความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมโดยการเปิดกว้างแก่กันและกัน ตลอดจนการที่บรรดาประเทศที่มั่งคั่งเปิดกว้างทางการค้าแก่ประเทศกำลังพัฒนา แหล่งที่มา: ​<a href="https://www.henleyglobal.com/newsroom/press-releases/global-mobility-report-2024-january" alt="These Are the World’s Most (and Least) Powerful Passports in 2024">These Are the World’s Most (and Least) Powerful Passports in 2024</a>​ ​<a href="https://www.henleyglobal.com/publications/global-mobility-report/2024-january/trevor-williams" alt="Travel Freedom and Economic Success: A Mutually Reinforcing Connection">Travel Freedom and Economic Success: A Mutually Reinforcing Connection</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/china-free-visa-boost-economy-post-covid-19" alt="จีนแจกฟรีวีซ่า หวังดึงนักท่องเที่ยวกลับเยียวยาเศรษฐกิจหลังโควิด-19">จีนแจกฟรีวีซ่า หวังดึงนักท่องเที่ยวกลับเยียวยาเศรษฐกิจหลังโควิด-19</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Henley & Partners เผยทำเนียบพาสปอร์ตทรงอิทธิพลของโลก 6 ประเทศครองอันดับ 1

<h2>Henley Passport Index แพลตฟอร์มการจัดอันดับดัชนีพาสปอร์ตทั่วโลก เผยผลการจัดอันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพล ที่สามารถใช้เดินทางเข้าถึงประเทศต่างๆ ได้มากที่สุดในโลก ประจำปี 2021 </h2>
<figure><img class="wp-image-40245" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/japan-passport.jpg" alt="Henley Passport Index" width="720" height="480" /><figcaption> พาสปอร์ตญี่ปุ่นครองอันดับ 1 พาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2021</figcaption></figure>

สำหรับการจัดอันดับในปีนี้ <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/alexledsom/2021/01/10/how-powerful-is-your-passport-these-are-the-best-post-pandemic-in-2021/?sh=451a61201118">Henley Passport Index</a> จัดอันดับให้พาสปอร์ตญี่ปุ่นครองอันดับ 1 พาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยช่วยให้ผู้ถือพาสปอร์ตสัญชาติดังกล่าวสามารถเดินทางเข้า 191 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า ขณะที่ไทยติดอันดับที่ 66 ของโลก และอันดับสุดท้าย คือ อัฟกานิสถาน

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้พาสปอร์ตของญี่ปุ่นจะทรงอิทธิพลที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว มาตรการจำกัดการเดินทางที่เข้มงวดทำให้พลเมืองญี่ปุ่นถูกห้ามเดินทางโดยไม่จำเป็น และแทบทุกประเทศก็เป็นเช่นนี้ เนื่องจากมีการออกประกาศห้ามเดินทางมากขึ้นทุกวัน ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกก็บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผลการจัดทำดัชนีล่าสุดซึ่งอิงข้อมูลจากสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) จึงก่อให้เกิดคำถามที่ท้าทายว่า อะไรคือความหมายที่แท้จริงของเสรีภาพในการเดินทางและการเคลื่อนย้ายทั่วโลก

ในทำนองเดียวกัน พาสปอร์ตที่อยู่ในการลำดับท้ายๆ ก็ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าประเทศนั้นๆ เป็นประเทศด้อยพัฒนา ดังจะเห็นได้จากการที่การตัดสินใจทางการเมืองและการบริหารประเทศสามารถส่งผลกระทบต่ออำนาจของพาสปอร์ตได้ฉับพลัน เหมือนที่<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/laurabegleybloom/2020/07/28/escape-america-countries-buy-citizenship-second-passport/?sh=34396f9e7f74">ชาวอเมริกันเร่งซื้อพาสปอร์ต 2 สัญชาติในปี 2020</a> ขณะที่<a style="color: #333333;" href="https://www.theguardian.com/politics/2019/sep/07/british-eu-passport-european-brexit">ชาวอังกฤษเข้าถือพาสปอร์ตสหภาพยุโรปจำนวนมาก</a> หลังสหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ

“ดุลอำนาจกำลังเปลี่ยนไป เหตุเพราะสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ยังคงเผชิญความท้าทายใหญ่หลวง อันเนื่องมาจากไวรัสโควิด-19 โดยพบว่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา หนังสือเดินทางสหรัฐฯ หล่นลงจากอันดับ 1 จนกระทั่งมาอยู่ที่อันดับ 7 ร่วมกับสหราชอาณาจักรในปัจจุบัน” Dr. Christian H. Kaelin ประธานของ Henley &amp; Partners และผู้คิดค้นแนวคิด ในการจัดทำดัชนีหนังสือเดินทางของ Henley Passport Index กล่าว พร้อมเสริมว่า “การที่วัคซีนโควิด-19 ตัวแรก ได้รับการอนุมัติเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เชื่อว่าการบังคับให้ฉีดวัคซีนก่อนการเดินทาง อาจกลายเป็นเรื่องจำเป็นในอีกไม่นานนี้”

ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ได้เริ่มเข้ามาครองดัชนีระดับต้นๆ เนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคนี้เริ่มฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 เป็นประเทศแรกๆ และที่น่าสนใจก็คือ ญี่ปุ่น ประเทศที่มีพาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2021 กลับเป็น 1 ใน 50 ประเทศที่ไม่อนุญาตให้ถือพาสปอร์ต 2 สัญชาติ

โดย 10 อันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2021 จากทั้งหมด 199 พาสปอร์ต ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศและดินแดนที่มีอยู่ทั้งหมด 227 แห่งทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า ได้แก่

อันดับ 1: ญี่ปุ่น

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 191 แห่ง

อันดับ 2: สิงคโปร์

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 190 แห่ง

อันดับ 3:  เกาหลีใต้ และเยอรมัน

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 189 แห่ง

อันดับ 4: อิตาลี ฟินแลนด์ สเปน และลักเซมเบิร์ก

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 188 แห่ง

อันดับ 5: เดนมาร์ค และออสเตรีย

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 187 แห่ง

อันดับ 6: สวีเดน ฝรั่งเศส โปรตุเกส เนเธอแลนด์ และไอร์แลนด์

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 186 แห่ง

อันดับ 7: สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ เบลเยี่ยม และนิวซีแลนด์

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 185 แห่ง

อันดับ 8: กรีซ  มัลตา สาธารณรัฐเช็ก และออสเตรเลีย

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 184 แห่ง

อันดับ 9: แคนาดา

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 183 แห่ง

อันดับ 10: ฮังการี

สามาถเข้าประเทศและดินแดน: 181 แห่ง

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ How Powerful Is Your Passport? These Are The Best, Post-Pandemic, In 2021 เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/eu-ขอประเทศสมาชิก-คุมเข้ม.html">EU ขอประเทศสมาชิก คุมเข้มตรวจสอบ “วีซ่าและพาสปอร์ตทองคำ”</a>

Henley Passport Index จัดอันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2021

<h2>หากมีเงินช็อปฯ สัก 3-4 ล้านบาท คุณจะเลือกซื้อรถยนต์หรู หรือซื้อสัญชาติเป็นพลเมืองชาวแคริบเบียน?</h2>
Bastien Trelcat หุ้นส่วนผู้จัดการ Harvey Law Group (HLG) ซึ่งเป็นตัวแทนการตลาดโครงการ “Citizenship by Investment” ของประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียน อยากให้คุณเลือก “ลงทุน” ในสัญชาติมากกว่าถอยรถยนต์หรูใหม่ๆ ออกมาอีก 1 คัน โดยให้เหตุผลว่าการได้สัญชาติแคริบเบียนจะทำให้คุณสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆ ในยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ รวม 120-130 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้วีซ่า

“คนเอเชียให้ความสนใจกับโปรแกรมนี้มากขึ้น เพราะในขณะที่พวกเขามีเงินทองมากขึ้นและได้ออกไปท่องโลกมากขึ้น แต่ยังต้องพบข้อจำกัด...อย่างพาสปอร์ตไทยนั้นค่อนข้างจำกัดทีเดียว เพราะสามารถเดินทางไปได้เพียง 50-55 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย”

จุดดึงดูดที่สำคัญในโครงการนี้ที่ Trelcat เน้นย้ำคือผู้ลงทุนไม่ต้องสูญเงินเปล่าไปกับการบริจาคให้กับรัฐบาลเท่านั้นอีกต่อไป แต่มีทางเลือกการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลและยังคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนได้อีก 5-6% ต่อปี โดยกำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 100,000-150,000 เหรียญสหรัฐฯ

แต่ทีเด็ดคือโปรแกรมการผ่อนชำระที่ HLG ได้พัฒนาเพื่อให้ผู้ลงทุนที่ซื้อโครงการ Pool Villa หรู 70 หลังริมชายหาด เกาะ Saint Kitts ที่กำลังพัฒนาโดย Six Senses สามารถเป็นเจ้าของหุ้นโครงการนี้ได้ด้วยเงินดาวน์เพียง 50,000 เหรียญ แล้วชำระเงินส่วนที่เหลือ 170,000 เหรียญภายในระยะเวลา 2 ปี โดยนอกจากจะได้รับพาสปอร์ตและสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิสแล้ว ผู้ลงทุนยังจะได้สิทธิในการเข้าพักฟรี 7 คืน/ปี ภายในช่วงระยะเวลา 7 ปีที่เขาถือครองหุ้นอยู่อีกด้วย

Trelcat ตั้งเป้าขายนักลงทุนชาวไทยไว้ขั้นต่ำที่ 50 หุ้น (จาก จำนวนหุ้นที่นำเสนอขายทั้งหมด 500 หุ้น) “เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะของมหาเศรษฐีเท่านั้นอีกต่อไป” ที่ปรึกษากฏหมายมือฉมังจาก HLG กล่าวว่าเขาได้ขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ลงทุนในสัญชาติจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ครอบครัวที่มีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 100-150 ล้านบาท ไปสู่กลุ่มคนทั่วไปมากขึ้น

<img style="width: 638px; height: 1226px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/38db32f3048492cd8fdd76d1057a5038.jpg" alt="" />

การลงทุนในสัญชาติและชายหาดงามๆ ไม่ใช่เรื่องสงวนเฉพาะมหาเศรษฐีอีกต่อไป

<h2>หากมีเงินช็อปฯ สัก 3-4 ล้านบาท คุณจะเลือกซื้อรถยนต์หรู หรือซื้อสัญชาติเป็นพลเมืองชาวแคริบเบียน?</h2>
Bastien Trelcat หุ้นส่วนผู้จัดการ Harvey Law Group (HLG) ซึ่งเป็นตัวแทนการตลาดโครงการ “Citizenship by Investment” ของประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียน อยากให้คุณเลือก “ลงทุน” ในสัญชาติมากกว่าถอยรถยนต์หรูใหม่ๆ ออกมาอีก 1 คัน โดยให้เหตุผลว่าการได้สัญชาติแคริบเบียนจะทำให้คุณสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆ ในยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ รวม 120-130 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้วีซ่า

“คนเอเชียให้ความสนใจกับโปรแกรมนี้มากขึ้น เพราะในขณะที่พวกเขามีเงินทองมากขึ้นและได้ออกไปท่องโลกมากขึ้น แต่ยังต้องพบข้อจำกัด...อย่างพาสปอร์ตไทยนั้นค่อนข้างจำกัดทีเดียว เพราะสามารถเดินทางไปได้เพียง 50-55 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย”

จุดดึงดูดที่สำคัญในโครงการนี้ที่ Trelcat เน้นย้ำคือผู้ลงทุนไม่ต้องสูญเงินเปล่าไปกับการบริจาคให้กับรัฐบาลเท่านั้นอีกต่อไป แต่มีทางเลือกการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลและยังคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนได้อีก 5-6% ต่อปี โดยกำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 100,000-150,000 เหรียญสหรัฐฯ

แต่ทีเด็ดคือโปรแกรมการผ่อนชำระที่ HLG ได้พัฒนาเพื่อให้ผู้ลงทุนที่ซื้อโครงการ Pool Villa หรู 70 หลังริมชายหาด เกาะ Saint Kitts ที่กำลังพัฒนาโดย Six Senses สามารถเป็นเจ้าของหุ้นโครงการนี้ได้ด้วยเงินดาวน์เพียง 50,000 เหรียญ แล้วชำระเงินส่วนที่เหลือ 170,000 เหรียญภายในระยะเวลา 2 ปี โดยนอกจากจะได้รับพาสปอร์ตและสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิสแล้ว ผู้ลงทุนยังจะได้สิทธิในการเข้าพักฟรี 7 คืน/ปี ภายในช่วงระยะเวลา 7 ปีที่เขาถือครองหุ้นอยู่อีกด้วย

Trelcat ตั้งเป้าขายนักลงทุนชาวไทยไว้ขั้นต่ำที่ 50 หุ้น (จาก จำนวนหุ้นที่นำเสนอขายทั้งหมด 500 หุ้น) “เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะของมหาเศรษฐีเท่านั้นอีกต่อไป” ที่ปรึกษากฏหมายมือฉมังจาก HLG กล่าวว่าเขาได้ขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ลงทุนในสัญชาติจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ครอบครัวที่มีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 100-150 ล้านบาท ไปสู่กลุ่มคนทั่วไปมากขึ้น

<img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/38db32f3048492cd8fdd76d1057a5038.jpg" alt="" width="504" height="1191" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events