เข้าสู่ปีที่ 19 ที่ Henley & Partners ผู้นำการลงทุนเพื่อการย้ายถิ่นฐานระดับโลก ทำการจัดอันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลของโลกจากดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์ (Henley Passport Index) ซึ่งในปีนี้ประเทศที่ครองอันดับ 1 เพียงหนึ่งเดียวคือสิงคโปร์ รองลงมาคือญี่ปุ่นที่อันดับ 2
ดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์จะอ้างอิงตัวเลขที่พาสปอร์ตแต่ละเล่มใช้เดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า มีการนำข้อมูลพิเศษที่ได้รับจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลด้านการเดินทางที่ใหญ่และแม่นยำที่สุดมาศึกษา วิเคราะห์ และเรียบเรียงโดยทีมวิจัยของ Henley & Partners
พาสปอร์ตของสิงคโปร์ ไม่เพียงเป็นพาสปอร์ตทรงอิทธิพลอันดับ 1 ของโลกในปี 2025 เท่านั้น แต่ยังใช้เดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่าได้มากถึง 195 จุดหมายปลายทาง เพิ่มขึ้นจาก 194 จุดหมายปลายทางเมื่อปีที่ผ่านมา
ส่วนญี่ปุ่น แม้จะมีจุดหมายปลายทางที่ไม่ต้องขอวีซ่าลดลงมาเหลือเพียง 193 จุดหมายปลายทาง จากเดิม 194 จุดหมายปลายทางเมื่อปีก่อนหน้า พาสปอร์ตจากแดนอาทิตย์อุทัยก็ยังแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียวที่ครองอันดับ 2
ในขณะที่ประเทศอื่นๆ บน 10 อันดับแรกของทำเนียบส่วนใหญ่แล้วเป็นประเทศจากฝั่งยุโรป ยกเว้นออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สำหรับ 10 อันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลประจำปี 2025 มีดังนี้
อันดับ 1 เดินทางได้ 195 จุดหมายปลายทาง
สิงคโปร์
อันดับ 2 เดินทางได้ 193 จุดหมายปลายทาง
ญี่ปุ่น
อันดับ 3 เดินทางได้ 192 จุดหมายปลายทาง
ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เกาหลีใต้ สเปน
อันดับ 4 เดินทางได้ 191 จุดหมายปลายทาง
ออสเตรีย เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน
อันดับ 5 เดินทางได้ 190 จุดหมายปลายทาง
เบลเยียม นิวซีแลนด์ โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร
อันดับ 6 เดินทางได้ 189 จุดหมายปลายทาง
ออสเตรเลีย กรีซ
อันดับ 7 เดินทางได้ 188 จุดหมายปลายทาง
แคนาดา มอลตา โปแลนด์
อันดับ 8 เดินทางได้ 187 จุดหมายปลายทาง
เช็กเกีย ฮังการี
อันดับ 9 เดินทางได้ 186 จุดหมายปลายทาง
เอสโตเนีย สหรัฐอเมริกา
อันดับ 10 เดินทางได้ 185 จุดหมายปลายทาง
ลัตเวีย ลิธัวเนีย สโลวีเนีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สำหรับไทยอยู่ที่อันดับ 61 สามารถเดินทางไปยัง 82 จุดหมายปลายทางทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า ขยับขึ้นมาจากอันดับ 63 เมื่อปีที่ผ่านมา
ส่วนจีนในปีนี้อยู่ที่อันดับ 60 สามารถเดินทางไปยัง 85 จุดหมายปลายทางทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวมนับตั้งแต่ปี 2015 ที่จีนครองอันดับ 94 จะเห็นได้ว่าพาสปอร์ตจีนมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก โดยในฝั่งจีนเองก็มีการให้ฟรีวีซ่าแก่ผู้มาเยือนจากหลากหลายประเทศมากขึ้นในปี 2024 ที่ผ่านมาเช่นกัน
ในขณะที่สหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ส่งผลให้บรรดานักลงทุนและครอบครัวที่มั่งคั่งหันมามองหาที่พำนักนอกประเทศรวมถึงการถือสัญชาติอื่นๆ เพิ่มเติม
Dr. Juerg Steffen ซีอีโอของ Henley & Partners เผยว่าบริษัทมีลูกค้าชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นสูงกว่าจำนวนลูกค้าชาวตุรกี ฟิลิปปินส์ อินเดีย และบริติชรวมกัน ทั้งยังมองว่าปี 2025 ทั่วโลกจะเผชิญกับการย้ายถิ่นฐานของมหาเศรษฐีครั้งใหญ่กว่าที่ผ่านมาในอดีตอีกด้วย
แหล่งที่มา:
The World’s Most (and Least) Powerful Passports in 2025
ภาพ: Francesca Tirico on Unsplash
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เปิดมุมมองอนาคตปี 2025 จากสายตาบรรดาผู้นำในวงการเทคระดับโลก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine