<h2>สามย่าน มิตรทาวน์ โครงการ mix-used ถนนพระราม 4 พร้อมให้บริการทุกส่วน เปิดพื้นที่รีเทลชูคอนเซปท์ “ศูนย์การเรียนรู้-คลังอาหาร” co-working space บริการฟรี 24 ชั่วโมง หวังดึงดูดนักศึกษาและ first jobber เป้าทราฟฟิก 25,000 คนต่อวัน</h2>
ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ “สามย่าน มิตรทาวน์” บนถนนพระราม 4 พร้อมให้บริการครบทุกส่วนในโครงการ ทั้งพื้นที่รีเทล ออฟฟิศ คอนโดมิเนียม และโรงแรม

โดยโครงการนี้เป็น mix-used project บนที่ดิน 14 ไร่หัวมุมถนนพระราม 4 และซอยจุฬาลงกรณ์ 42 (ตลาดสามย่านเดิม) ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิการเช่า 30+3 ปีจากสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และใช้งบลงทุน 9 พันล้านบาทออกแบบพัฒนาเป็นโครงการผสมผสาน 4 ส่วน ได้แก่
<ul>
 	<li>ออฟฟิศบิลดิ้ง 30% : พื้นที่ 48,000 ตร.ม. ความสูง 31 ชั้น</li>
 	<li>รีเทล 30%: พื้นที่ 36,000 ตร.ม. 7 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน)</li>
 	<li>ที่อยู่อาศัยและโรงแรม 15%: แบ่งเป็นคอนโดฯ 516 ยูนิต และโรงแรม 104 ห้อง</li>
 	<li>ที่จอดรถ 25%: รองรับ 1,578 คัน</li>
</ul>
ธนพลกล่าวว่า คอนเซปท์ของโครงการนี้ต้องการให้เป็นแหล่ง “ศูนย์การเรียนรู้และคลังอาหาร” ตามกลิ่นอายของพื้นที่เดิมซึ่งเป็นพื้นที่ของจุฬาฯ และชุมชนสามย่านแหล่งรวมร้านอาหารอร่อย ดังนั้นภายในพื้นที่รีเทลจะมีบริเวณ “co-op” เป็นพื้นที่ co-working space อ่านหนังสือ ทำงาน ประชุมงานได้ฟรี รองรับ 500 ที่นั่ง มีพื้นที่โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนสอนเต้นและชกมวย ฟิตเนส Celebrity Fitness แบรนด์ใหม่จาก Fitness First บนชั้น 5 ของโครงการยังมีโรงภาพยนตร์ House 3 โรง และสามย่าน มิตรทาวน์ ฮอลล์ ที่ใช้จัดกิจกรรมได้ทุกรูปแบบ เช่น คอนเสิร์ต งานแฟร์ นิทรรศการ งานเลี้ยง

<figure><img class="size-full wp-image-21253" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/สามย่าน-มิตรทาวน์-co-op-1.jpg" alt="สามย่าน-มิตรทาวน์-co-op-1" width="800" height="592" /><figcaption> โซน Sky Reading พื้นที่ co-op space</figcaption></figure>

<figure><img class="size-full wp-image-21254" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/สามย่าน-มิตรทาวน์-co-op-2.jpg" alt="สามย่าน-มิตรทาวน์-co-op-2" width="800" height="570" /><figcaption> พื้นที่ co-op space ได้รับการสนับสนุนให้บริการฟรีทั้งนักเรียนและคนทั่วไปโดยธนาคารกสิกรไทย สัญญาสปอนเซอร์ระยะเวลา 3 ปี</figcaption></figure>

ด้านโซนอาหาร มีไฮไลต์คือโซน “สามย่าน ฟู้ด เลเจนด์” รวมร้านเด็ดจากสามย่านและสะพานเหลือง เช่น เพ้งคั่วไก่ ทูเดย์สเต็ก ไฮเช็งลูกชิ้นปลา รวมถึงร้านอาหารขึ้นห้างอื่นๆ ซึ่งมีไฮไลต์เป็นร้านสาขาแรกในไทย เช่น มูจิ ไลฟ์สไตล์ แอนด์ คาเฟ่, ร้านดินส์ ร้านใหม่ในเครือเซ็นกรุ๊ป, ทิม ฮอร์ตันส์ ร้านกาแฟจากแคนาดา เป็นต้น

<figure><img class="size-full wp-image-21261" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/สามย่าน-มิตรทาวน์-ฟู้ด-เลเจนด์.jpg" alt="" width="800" height="590" /><figcaption> โซนฟู้ด เลเจนด์ แหล่งรวมร้านอาหารชื่อดังในสามย่าน</figcaption></figure>

โครงการสามย่าน มิตรทาวน์ยังตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยแบ่งพื้นที่ 5,000 ตร.ม.ของส่วนรีเทลเป็นพื้นที่บริการ 24 ชั่วโมง ภายในพื้นที่นี้จะมีบริเวณ co-op ดังกล่าว และร้านอาหาร ร้านกาแฟ เช่น บิ๊กซี ฟู้ดเพลซ, เคเอฟซี, ก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร, สตาร์บัคส์, สเวนเซ่นส์ เสริมด้วยร้านกิจกรรมไลฟ์สไตล์ เช่น ร้านบอร์ดเกม, ร้านหนังสือ C Asean x นายอินทร์, ร้าน Kerry Express และธนาคารอีก 3 แบรนด์ นอกจากนี้ ยังออกแบบให้เป็นโซนกึ่งกลางแจ้งที่เปิดพื้นที่ให้นักเรียนนักศึกษาเข้ามาใช้ทำกิจกรรม เช่น ซ้อมเชียร์ ได้ด้วย

โดยพื้นที่รีเทลมีอัตราการเช่าแล้ว 90% อัตราค่าเช่า 1,000-1,500 บาทต่อตร.ม.

<figure><img class="size-full wp-image-21262" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/สามย่าน-มิตรทาวน์-ฟู้ด-Starbucks.jpg" alt="" width="800" height="484" /><figcaption> โซน 24 ชั่วโมง</figcaption></figure>

<img class="alignnone size-full wp-image-21263" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/KFC-24-ชั่วโมง.jpg" alt="" width="800" height="600" />

ธนพลกล่าวต่อว่า บริเวณรีเทลนี้บริษัทคาดหวังทราฟฟิกผู้มาใช้บริการส่วนปกติ 20,000 คนต่อวัน และส่วน 24 ชั่วโมง 5,000 คนต่อวัน ต้องการดึงดูดทั้งกลุ่มนิสิตนักศึกษา พนักงาน ฟรีแลนซ์ จนถึงคนในชุมชนดั้งเดิม เชื่อว่าคอนเซปท์นี้จะตอบรับกับตลาด และแข็งแกร่งด้วยทำเลที่สะดวกสบาย ปลอดภัย มีทางเชื่อมโดยตรงจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสามย่าน

“ศูนย์การค้าเกิดขึ้นเยอะ แต่จะแตกต่างได้อย่างไร ผมว่าคอนเซปท์สำคัญ คนมาเดินที่นี่ต้องเกิด ecosystem เกิดการเรียนรู้ เกิดความสนุก เกิดประสบการณ์ใหม่” ธนพลกล่าว

ทั้งนี้ Forbes Thailand ลงพื้นที่งานเปิดตัววันแรกวันที่ 20 กันยายน 2562 พบมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นนิสิตจุฬาฯ

บริเวณที่ตั้งของสามย่าน มิตรทาวน์นี้ถือเป็น node หนึ่งของการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมของสำนักฯ ทรัพย์สินจุฬาฯ ที่ผ่านมามีโครงการที่พัฒนาไปแล้ว เช่น จามจุรีสแควร์ หัวมุมถนนพระราม 4 - พญาไท, <a href="https://forbesthailand.com/news/%e0%b8%aa%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a1-%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%99-%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%a2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad.html">สเตเดียม วัน</a> บริเวณแยกเจริญผล, สวนหลวงสแควร์ ถนนบรรทัดทอง, อุทยานจุฬาฯ 100 ปี เชื่อมต่อกับแหล่งพาณิชยกรรมดั้งเดิมอย่างสยามสแควร์และห้างมาบุญครอง

&nbsp;
<h2>คาดคืนทุนได้ใน 8 ปี</h2>
ธนพลเปิดเผยว่า สำหรับส่วนอาคารสำนักงาน มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ มีผู้เช่าแล้ว 60% ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติและ co-working space แบรนด์ JustCo โดยคิดอัตราค่าเช่า 900-1,000 บาทต่อตร.ม.

ส่วนคอนโดมิเนียม ทริปเปิล วาย เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นคอนโดฯ ลีสโฮลด์ 30 ปี ขายแล้ว 50% ราคาเริ่มต้น 4.89 ล้านบาท เฉลี่ย 1.4 แสนบาทต่อตร.ม. มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ปกครองของนิสิตจุฬาฯ และกลุ่มนักลงทุนปล่อยเช่า แม้ว่าคอนโดฯ ลีสโฮลด์อาจเป็นจุดอ่อนในตลาด แต่ธนพลมองว่า ด้วยราคาที่ถูกกว่าคอนโดฯ รอบข้างซึ่งไต่ราคาขึ้นไปมากกว่า 2 แสนบาทต่อตร.ม. ขณะที่จุฬาฯ รับนิสิตใหม่ปีละ 5,000-10,000 คน จึงเชื่อว่าจะทยอยขายได้อย่างต่อเนื่อง

<figure><img class="size-full wp-image-21255" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/สามย่าน-มิตรทาวน์-ทริปเปิล-วาย-เรสซิเดนซ์.jpg" alt="สามย่าน-มิตรทาวน์-ทริปเปิล-วาย-เรสซิเดนซ์" width="800" height="533" /><figcaption> คอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ ทริปเปิล วาย เรสซิเดนซ์</figcaption></figure>

โดยรวมทั้งโครงการ สามย่าน มิตรทาวน์ ธนพลคาดการณ์ว่าจะให้ IRR 12% และคืนทุนได้ใน 8 ปี โดยปีแรกนี้น่าจะทำรายได้ให้กับโกลเด้นแลนด์ แบ่งเป็นรายได้ค่าเช่า 700-800 ล้านบาท และรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ 1.5 พันล้านบาท

สำหรับโครงการสามย่าน มิตรทาวน์ นับเป็นโครงการ mix-used แรกของโกลเด้นแลนด์ซึ่งมีธุรกิจหลักเป็นการพัฒนาโครงการจัดสรรแนวราบ และมีธุรกิจอสังหาฯ ให้เช่า เช่น อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์, โรงแรมดับบลิว โฮเต็ล แบงคอก เป็นต้น ทั้งนี้ โกลเด้นแลนด์เป็นหนึ่งในพอร์ตธุรกิจอสังหาฯ ของตระกูลสิริวัฒนภักดี และเพิ่งมีการเปลี่ยนมือภายในเครือจากการเป็นบริษัทลูกของ บมจ.ยูนิเวนเจอร์ มาอยู่ภายใต้ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%a7-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8d-%e0%b8%9c%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3.html">ทุนเจ้าสัวเจริญ ผุดพรึบพระราม 4 ชู “วัน แบงค็อก” โครงการแสนล้าน โนว์ฮาวน์สิงคโปร์</a></li>
</ul>

เปิดครบทั้งโครงการ! “สามย่าน มิตรทาวน์” ชูคอนเซปท์ “ศูนย์การเรียนรู้-คลังอาหาร” 24 ชั่วโมง

ท่ามกลางตึกสูงระฟ้าและบ้านหลังงามของชุมชนเย็นอากาศได้ถูกกำหนดเป็นที่ตั้งของร้านอาหารจุดนัดพบแห่งใหม่ที่เต็มไปด้วยคอนเซปท์แห่งความสร้างสรรค์กับร้าน Infusion Eatery &amp; Bar ที่มีการตกแต่งด้วยกระจกใสรอบด้านสามารถให้ผู้คนในละแวกนั้นมองทะลุผ่านและสัมผัสได้ถึงพลังงานแห่งความสุขอบอวลภายในร้านที่ลูกค้ากำลังเพลิดเพลินกับเมนูอาหารสไตล์โฮมเมดพร้อมทั้งเครื่องดื่มหลากหลายรายการที่ถูกสรรสร้างให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

หากจะเล่าถึงเรื่องราวของ Infusion Eatery &amp; Bar ก็สามารถเปรียบได้กับการเดินทางสู่ประสบการณ์การกินดื่มอย่างรื่นรมย์ จากคำบอกเล่าของลูกค้าปากต่อปาก จนเป็นที่มาของจุดมุ่งหมายใหม่ของผู้รักการกินดื่ม เพียงแค่ผ่านประตูทางเข้าของร้านก็จะสัมผัสได้ถึงอัธยาศัยและการต้อนรับอันอบอุ่นจากพนักงานภายในร้าน

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c0dbe1f6d5a0d7db864cceec12ce1bc5.png" alt="" />

ในร้านจะแบ่งเป็นโซนภายในอาคารจำนวน 40 ที่นั่งที่เน้นความสบาย ทันสมัย รายล้อมด้วยโซฟาและบาร์เครื่องดื่มที่อัดแน่นไปด้วยแอลกอฮอล์ชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมปรุงแต่งเพื่อสร้างความครื้นเครงตลอดค่ำคืน ในขณะที่โซนด้านนอกอาคารจำนวน 16 ที่นั่ง ประดับตกแต่งด้วยไม้แขวนสีเขียว ให้บรรยากาศสดชื่น แปลกตา แต่แฝงด้วยความโรแมนติกอย่างลงตัว รวมไปถึงโซนพืชพันธุ์เครื่องปรุงออร์แกนิคที่นอกจากจะใช้ประดับตกแต่งแล้วยังนำมาประกอบอาหารเมนูซิกเนเจอร์อีกด้วย

<img style="width: 680px; height: 455px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/93ffe1942263b89876cd5ffc32999489.png" alt="" />

เมนูซิกเนเจอร์ต่างๆ ของร้านมาจากการปรุงแต่งของทีมเชฟที่สำเร็จการศึกษาจาก สถาบันเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ที่ได้แสดงถึงความตั้งใจ ด้วยความรักและจิตวิญญาณที่มีต่อการปรุงอาหารผ่านการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดตามฤดูกาล พร้อมทั้ง พัฒนาและปรุงแต่งอาหารทุกจานด้วยความละเมียดทุกขั้นตอน

<figure><img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1534ee973deba420817ccdaf7b15661d.png" alt="" width="680" height="454" /><figcaption> เมนูอาหารซิกเนเจอร์ประจำร้าน ‘Homemade French Fries’ สูตรเด็ดจากทางร้าน (120 บาท++)</figcaption></figure>

&nbsp;

<figure><img style="width: 680px; height: 456px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/197477b9dba43fd5be4202d841fe705a.png" alt="" width="680" height="456" /><figcaption> ‘INFUSION Burger’ (425 บาท++) มาพร้อมกับเนื้อดรายเอจระดับพรี่เมียม เต็มอิ่มด้วยเบคอน หัวหอม พร้อมด้วยขนมปังสูตรโฮมเมด</figcaption></figure>

 

Infusion Eatery &amp; Bar ขอแนะนำเมนูฟิวชั่นลูกครึ่งผสมไทยรสแซ่บจัดจ้านอย่าง ‘Australian Grain Fed Beef Zabb Salad’ (385 บาท++) หรือ  ‘River Prawn Tom Yum Risotto’ (600 บาท++) รีซอตโต้รสต้มยำสูตรเข้มข้น มาพร้อมกับกุ้งแม่น้ำที่สามารถเลือกอัพไซส์ได้ตามความพอใจ ถ้าหากคุณเป็นคนที่รักในการทานเนื้อขอเสนอ ‘Tomahawk Steak Australian Grain Fed’ (1800 บาท++) เนื้อโทมาฮอว์คชิ้นโต สั่งตรงจากออสเตรเรีย หรือ ‘Lamb Hind Shank Slow-Cooked with Seasonal Vegetables’ (650 บาท++) เนื้อแกะชิ้นโต ที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงแต่งอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟเคียงด้วยผักสดตามฤดูกาล และ Spicy Smoked BBQ Pork Ribs  (475 บาท++) ที่เน้นเครื่องเทศนานาชนิด สร้างความกลมกล่อมให้กับซี่โครงหมูเนื้อนุ่ม

<img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b7b24eed6d0ab53b4087a5bc60e200cd.png" alt="" />

&nbsp;

โดยร้าน Infusion Eatery &amp; Bar เน้นความใส่ใจต่อวัตถุดิบที่มีที่มาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโครงการหลวง และจากซัพพลายเออร์ในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกรรมวิธีการปรุงที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารโฮมเมด สร้างคุณค่าทางโภชนาการ ปราศจากผงชูรส รวมไปถึงอัธยาศัยและการบริการที่ดีเพื่อครองใจลูกค้า

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c1379a4e2a369897745278144d08f230.png" alt="" />

นอกเหนือจากเอกลักษณ์ทางการปรุงอาหารที่น่าจับตาแล้ว Infusion Eatery &amp; Bar ยังขอเสนอความสุขของไลฟ์สไตล์การกินดื่มด้วยเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย เริ่มด้วยเมนูไวน์ที่มีให้เลือกกันอย่างจุใจ ต่อด้วยเมนูเบียร์นำเข้าจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะคราฟเบียร์และเบียร์ไซเดอร์ที่มีให้เลือกสับเปลี่ยนหมุนเวียนมากกว่า 20 แบรนด์ดัง อาทิ Brothers Wild Fruits (240 บาท ++) และเครื่องดื่มค็อกเทล ได้แก่ particularly ‘Garden Party’ (220 บาท++) and ‘Pink Berry’ (240 บาท++) และเมนูเครื่องดื่มค็อกเทลคลาสสิกพร้อมเสริฟ์รับความสุขตลอดทั้งค่ำคืน

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b34e5c2bdb60b50cc5e5d76f2a95b9ad.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1d8be8fafccd5b97c8df0c20e0806b84.png" alt="" />

แล้วคุณล่ะจะรออะไร? ร่วมสัมผัสศิลปะของอาหารแบบสร้างสรรค์ที่พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ของการกินดื่มย่านเย็นอากาศไปกับร้าน Infusion Eatery &amp; Bar ตั้งอยู่บนบ้านเลขที่ 15/1 ซอยเย็นอากาศ ช่องนนทรี ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 เปิดทำการตั้งแต่เวลา 17.00 - 01.00 น. ของทุกวัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร 02-2495572 หรือเว็บไซต์ <a href="https://www.infusionbangkok.com/">www.infusionbangkok.com</a> หรือ <a href="https://www.facebook.com/Infusion.Bangkok/">เพจ Facebook: Infusion Eatery &amp; Bar</a>

สู่ความสมบูรณ์แบบของการแฮงเอาต์ย่านเย็นอากาศกับร้าน Infusion Eatery & Bar

<h2>ทีซีซี กรุ๊ป ในเครือไทยเบฟเวอเรจ ทุ่มทุนสร้างโครงการยักษ์ One Bangkok บนที่ดิน 104 ไร่หัวมุมถนนพระราม 4-ถนนวิทยุ เทเม็ดเงิน 1.2 แสนล้านบาทพัฒนาโครงการอสังหาฯมิกซ์ยูส ออฟฟิศ-รีเทล-โรงแรม-ที่พักอาศัย เปิดมาสเตอร์แพลนสร้างตึกสูงที่สุดในไทย 90 ชั้น 380 เมตร หวังเป็นแลนด์มาร์กแห่งประเทศ</h2>
เจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท ทีซีซี และกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ ลิมิเต็ด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพัฒนาที่ดินบริเวณหัวมุมถนนพระราม 4-ถนนวิทยุ ขนาด 104 ไร่ ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส One Bangkok แหล่งรวมพื้นที่ออฟฟิศบิลดิ้ง รีเทล โรงแรม และที่พักอาศัย

<figure><img style="width: 680px; height: 486px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8f873b8888fa54a0fc49fea5814247ae.png" alt="" width="680" height="486" /><figcaption> โครงการ One Bangkok มุมมองจากถนนพระราม 4</figcaption></figure>

“บริษัทรู้สึกเป็นเกียรติที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อนุญาตให้ทีซีซี กรุ๊ปเป็นผู้พัฒนาที่ดินผืนสำคัญนี้ เราได้รวมบุคลากรจากทั้งทีซีซีและเฟรเซอร์สฯ จากทั่วโลกมาช่วยกันทำงานบนที่ดินผืนนี้ ซึ่งอยากจะให้เป็นแลนด์มาร์กของไทยและให้เป็นที่รู้จักของโลก” เจริญกล่าว

ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ ลิมิเต็ด กล่าวต่อว่า คอนเซปท์การออกแบบ One Bangkok ต้องการให้เป็นแลนด์มาร์กของไทย เป็น City within the city เมืองที่ทุกคนอยากอาศัยอยู่ เป็นย่านธุรกิจชั้นนำดึงดูดบริษัทต่างๆ เข้ามาใช้เป็นสำนักงาน และช่วยยกระดับการวางผังเมืองจากการมีสิ่งแวดล้อมที่ร่มรื่นและสะดวกต่อคนเดินเท้าในโครงการ

โดยโครงการ One Bangkok เกิดจากความร่วมมือของผู้ถือหุ้น 2 บริษัท คือ บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้น 80.1% และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้น 19.9% จัดตั้งเป็นบริษัท วัน แบ็งคอก โฮลดิ้งส์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 3.58 หมื่นล้านบาท

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/95063dcad6e42af2b3822864b0757d5c.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> (จากซ้าย) เจริญ สิริวัฒนภักดี, คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี และปณต สิริวัฒนภักดี</figcaption></figure>

และเตรียมลงทุนในโครงการนี้มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท บนพื้นที่พัฒนารวม 1.83 ล้านตารางเมตร โดยได้รับสัญญาเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผ่าน บริษัท เกษมทรัพย์วัฒน จำกัด ในเครือทีซีซี เป็นเวลา 30+30 ปี โดยได้รับเวลาวางแผนและก่อสร้างอีก 9 ปี นับจากปี 2557 และบริษัทจะเริ่มการก่อสร้างภายในสิ้นปีนี้

สำหรับการบริหารโครงการหลังจากสร้างเสร็จ บริษัท วัน แบงค็อก โฮลดิ้งส์ จำกัด จะบริหารเอง แต่ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนว่าจะเป็นเชนโรงแรมใดหรือศูนย์การค้าแบรนด์ใดเข้ามาบริหาร อย่างไรก็ตาม ทั้งทีซีซี กรุ๊ปและเฟรเซอร์สต่างมีศักยภาพที่จะบริหารส่วนโรงแรมและรีเทลได้

ด้าน ซู หลิน ซูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โครงการ One Bangkok เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวมีพื้นที่ทั้งหมด 1.83 ล้านตารางเมตร แบ่งพื้นที่พัฒนาหลักๆ ออกเป็น อาคารสำนักงานเกรดเอ 5 อาคาร พื้นที่เช่ารวม 5 แสนตร.ม., โรงแรมระดับ 5 ดาว 5 แห่ง รวมจำนวน 1 พันห้อง, คอนโดมิเนียมระดับ ultra luxury 3 อาคาร สูงประมาณ 20-30 ชั้น และพื้นที่รีเทลอีก 4 แห่ง นอกจากนี้จะมีบริเวณพลาซ่า 1 หมื่นตร.ม. ใช้จัดกิจกรรมหรือคอนเสิร์ตต่างๆ ได้

<figure><img style="width: 680px; height: 449px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bf864744a3af18a9b9c5c18d555e06cd.png" alt="" width="680" height="449" /><figcaption> ซู หลิน ซูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โครงการ One Bangkok</figcaption></figure>

การออกแบบพื้นที่ภายในมีพื้นที่สีเขียว 50 ไร่และยังอยู่ใกล้สวนลุมพินี โดยการออกแบบตึกสูงทั้ง 5 อาคารของโครงการจะทำให้สามารถมองทิวทัศน์ของสวนลุมพินีให้ได้มากที่สุด มีถนนขนาดใหญ่ (boulevard) กว้าง 33 เมตรในพื้นที่ และออกแบบให้ทางเดินสามารถเชื่อมต่อสู่สถานีรถไฟฟ้า MRT ลุมพินีได้สะดวก คาดว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จในปี 2568 จะมีคนเข้ามาทำงานและพักอาศัยในพื้นที่ 6 หมื่นคน

<img style="width: 680px; height: 486px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4a5c81624eb0e7e5ef0bda451fb6e3a4.png" alt="" />

ซูกล่าวต่อว่า ในปี 2564 พื้นที่บางส่วนใน One Bangkok จะได้รับการพัฒนาและเปิดบริการได้ เช่น พื้นที่รีเทลส่วนใหญ่ โรงแรมและออฟฟิศบิลดิ้งบางส่วน ส่วนคอนโดฯ นั้นยังอยู่ระหว่างศึกษาราคาที่เหมาะสมและจังหวะเวลาเปิดขาย

นอกจากนี้ไฮไลต์ของอาคารใน One Bangkok อาคารหนึ่งเป็นตึกที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากดอกพิกุล สูง 90 ชั้น หรือ 380 เมตร ภายในประกอบด้วยออฟฟิศ รีเทล และจุดชมวิว

<figure><img style="width: 680px; height: 486px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/910b62c197f450c4eed6b78103832d97.png" alt="" width="680" height="486" /><figcaption> ซ้ายมือสุดของภาพคืออาคารพิกุล ตึกสูง 90 ชั้น</figcaption></figure>

ทั้งนี้  Forbes Thailand รายงานว่า ปัจจุบันตึกที่สูงที่สุดในไทยคือตึกมหานคร พัฒนาโดยบมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น สูง 77 ชั้น หรือ 314 เมตร โดยคาดว่าอนาคตจะถูกแทนที่ตำแหน่งแชมป์ด้วยตึกแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนเซส ในโครงการไอคอนสยาม ที่สูง 315 เมตร พัฒนาโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างบมจ.แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น, สยามพิวรรธน์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2561 อย่างไรก็ตามหากอาคารพิกุลใน The One Bangkok สร้างเสร็จจะทำให้ตำแหน่งแชมป์ตึกสูงที่สุดในไทยถูกเปลี่ยนมืออีกครั้ง

<figure><img style="width: 680px; height: 486px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f495669e373f28d5f917f2cae10d85ea.png" alt="" width="680" height="486" /><figcaption> การออกแบบโครงการ One Bangkok</figcaption></figure>

<figure><img style="width: 680px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/492fd69d2ba5c5325867749ef7aec430.png" alt="" width="680" height="340" /><figcaption> บริเวณที่ดินแยกถนนพระราม 4-ถนนวิทยุ ที่ตั้งโครงการ One Bangkok ขนาด 104 ไร่</figcaption></figure>

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events