<h2>ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นที่ตั้งของอาคารคฤหาสน์เก่าแก่ยุครัชกาลที่ 6 ที่ปัจจุบันเป็นบูติก โฮเทล พร้อมด้วยร้านอาหาร “พระยา ไดนิ่ง” เสิร์ฟเมนูอาหารไทยโบราณหาทานยาก ซึ่งในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้จะเพิ่มความพิเศษ เปิดเป็นสถานที่ชมภาพประทับใจการซักซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562</h2>
ตามปกติแล้วโรงแรมพระยา พาลาซโซ่และร้านอาหารพระยา ไดนิ่งจะมีเรือส่วนตัวเพื่อรับ-ส่งแขกจากท่าพระอาทิตย์ แต่เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันพิเศษที่จะจัดการซักซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค จึงมีการปิดกั้นการจราจรทางน้ำ แขกของร้านจึงต้องเดินตามพนักงานของโรงแรม ลัดเลาะผ่านชุมชนเก่าแก่บางยี่ขันเข้ามา โดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจาก สน.บางยี่ขัน

ในโอกาสพิเศษนี้ ร้านพระยา ไดนิ่งจึงเลือกเซ็ตเมนูอาหารกลางวันมาผนวกเข้ากับการรับชมพิธีซ้อมขบวนเรือพระราชพิธี ให้แขกได้รับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำในช่วงเที่ยงก่อนจะได้ชมพิธีซ้อมอันตระการตาที่จะผ่านน่านน้ำหน้าโรงแรมในเวลาราว 14.30น. (ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำ)

<figure><img class="size-full wp-image-15989" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/พระยา-ไดนิ่ง-เจ้าพระยา-พาลาซโซ.jpg" alt="" width="800" height="508" /><figcaption> โรงแรมพระยา พาลาซโซ่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา</figcaption></figure>

เมนูมื้อกลางวัน <strong>พระยา ไดนิ่ง ซิกเนเจอร์ เซ็ต</strong> ประกอบด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยเป็นกุ้งโสร่ง ล่าเตียง และหมี่กรอบกระทงทอง ตามด้วยเมนูสลัดคือยำทวาย ถัดมาเป็นประเภทแกงที่จะได้ชิมคือแกงรัญจวน ส่วนเมนูหลักได้แก่ พล่าเนื้อ ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ หมูผัดส้มเสี้ยว และผัดผักรวม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ตบท้ายเป็นของหวานที่มีให้เลือกระหว่าง บัวลอยลูกตาล หรือ ขนมอินทนิล

ฟังจากชื่ออาหารคงบอกได้ว่าเป็นเมนูไทยโบราณทั้งสิ้น โดยเป็นการผสมผสานเมนูที่สืบทอดตั้งแต่ยุคอยุธยาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ ซึ่ง <em>Forbes Thailand</em> ขอนำเสนอ 5 เมนูเด่นจากเซ็ตนี้มาให้ชมกัน

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-15990" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/พระยา-ไดนิ่ง-Starters.jpg" alt="พระยา-ไดนิ่ง-Starters" width="571" height="571" />

<strong>อาหารเรียกน้ำย่อย – กุ้งโสร่ง, ล่าเตียง และ หมี่กรอบกระทงทอง</strong> Combination ในจานนี้เป็นการรวมของทานเล่นกินกับน้ำจิ้มบ๊วย ประเดิมด้วยกุ้งโสร่ง เมนูที่ดัดแปลงมาจากหมูโสร่งเปลี่ยนมาใช้กุ้งตัวใหญ่แน่นหุ้มเส้นบะหมี่นำไปทอด ถัดมาเป็นหมี่กรอบกระทงทองที่กรอบทั้งตัวกระทงและตัวเส้น รสชาติหวานหอม โดยสืบย้อนต้นกำเนิดเมนูไปได้ถึงยุครัชกาลที่ 4

และไฮไลต์ของจานนี้คือ ล่าเตียง เมนูที่มีการกล่าวถึงไว้ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานซึ่งปัจจุบันหาทานได้ยาก เปลือกด้านนอกนั้นเป็นไข่ที่ทอดเป็นทรงตาข่าย หุ้มไส้หมูสับ กุ้ง ถั่ว และพริกไว้ภายใน เมื่อทานพร้อมกันได้รสเค็มกลมกล่อมตัดด้วยรสพริกเผ็ดเล็กน้อยตัดกันกำลังดี

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-15991" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/พระยา-ไดนิ่ง-ยำทวาย.jpg" alt="พระยา-ไดนิ่ง-ยำทวาย" width="571" height="800" />

<strong>ยำทวาย</strong> เมนูนี้เป็นเมนูที่สืบย้อนไปได้ถึงยุครัชกาลที่ 5 ประกอบด้วยผักซอย 7 ชนิด เช่น ถั่วงอก กะหล่ำปลี ถั่วพู ผักบุ้ง นำไปลวก เสริมด้วยเนื้อไก่ฉีก และทานคู่กับน้ำยำทำจากกะทิและพริกแกง จุดเด่นอยู่ที่น้ำยำซึ่งทำจากกะทิเข้มข้นรสหวานมันอมเผ็ดเล็กน้อย ทานคู่กับผักแล้วให้ความสดชื่น ทั้งนี้ เมนูยำทวายนั้นเป็นภาพสะท้อนของความประณีตของอาหารชาววังในสมัยก่อน ซึ่งแม้เพียงจะทานสลัดผักก็จะต้องซอยผักต่างๆ ให้สวยงามบรรจง

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-15992" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/พระยา-ไดนิ่ง-แกงรัญจวน.jpg" alt="พระยา-ไดนิ่ง-แกงรัญจวน" width="571" height="800" />

<strong>แกงรัญจวน</strong> เป็นหนึ่งในไฮไลต์เด่นของเซ็ตเมนูนี้เพราะเป็นเมนูหาทานยาก และอร่อยจนวางช้อนไม่ลง แกงรัญจวนนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มาจากการสรรสร้างของหม่อมเจ้าหญิงแย้มเยื้อน สิงหรา ที่จะปรับปรุงอาหารเหลือในแต่ละมื้อให้สามารถทานได้ในมื้อถัดไป จึงนำเนื้อวัวในอาหารผัดมาทำเป็นแกงต้ม เติมน้ำพริกกะปิลงไป ซึ่งทำให้อาหารจานนี้มีกลิ่นหอมรัญจวนใจยิ่ง

สูตรแกงรัญจวนปัจจุบันพัฒนามาใช้เนื้อหมู โดยแกงชามนี้ของพระยา ไดนิ่งประกอบด้วยหมูหมักนุ่มลิ้น หอมกะปิและเครื่องสมุนไพร รสชาติออกเปรี้ยวเค็มเข้ากันดีกับข้าวสวยร้อนๆ

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-15993" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/พระยา-ไดนิ่ง-หมูผัดส้มเสี้ยว.jpg" alt="พระยา-ไดนิ่ง-หมูผัดส้มเสี้ยว" width="571" height="800" />

<strong>หมูผัดส้มเสี้ยว</strong> อีกหนึ่งเมนูเด่นของเซ็ต และเป็นเมนูจากยุครัชกาลที่ 5 เช่นกัน ตำนานเล่าว่าในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสผ่านเมืองนครสวรรค์ ได้กลิ่นอาหารจากชุมชนในย่านหอมน่าเสวยนัก จึงโปรดให้ตามหาสูตรอาหารเพื่อมาประกอบในวัง ปรากฏว่าเมนูนั้นเป็นอาหารสไตล์จีน คือหมูผัดส้มเสี้ยวซึ่งเป็นผักชนิดหนึ่ง นำมาบดลงในเครื่องแกงและผัดกับหมู ให้รสเปรี้ยวอมหวานที่เป็นเอกลักษณ์

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-15994" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/พระยา-ไดนิ่ง-ขนมอินทนิล.jpg" alt="พระยา-ไดนิ่ง-ขนมอินทนิล" width="571" height="800" />

<strong>ขนมอินทนิล</strong> น่าจะเป็นเมนูที่เก่าแก่ที่สุดของเซ็ตนี้โดยมีประวัติการทำขนมมาตั้งแต่ยุคอยุธยา ดั้งเดิมเป็นขนมแป้งมันกวนใส่ใบเตย ทานกับน้ำกะทิอบควันเทียนและมะพร้าวอ่อน แต่พระยา ไดนิ่งได้ปรับปรุงสูตรเล็กน้อยโดยเติมสาคูลงไปในตัวแป้ง ทำให้ขนมมีความเหนียวหนึบมากขึ้น รสชาติในหนึ่งคำจึงเป็นแป้งเหนียวเคี้ยวมันกับน้ำกะทิรสเค็มอมหวาน กรุ่นกลิ่นควันเทียนและใบเตย

&nbsp;

<figure><img class="wp-image-15995 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/พระยา-ไดนิ่ง-บรรยากาศ.jpg" alt="พระยา-ไดนิ่ง-บรรยากาศ" width="800" height="467" /><figcaption> บรรยากาศตกแต่งแบบไทยในสมัยรัชกาลที่ 6 ภายในร้านอาหารพระยา ไดนิ่ง หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้สดตั้งแต่ย่างเท้าเข้าประตู</figcaption></figure>

เมนูอาหารครั้งนี้จะเลือกรับประทานในร้านความจุ 50 ที่นั่ง หรือนั่งในลานกลางแจ้งริมสระว่ายน้ำซึ่งรองรับได้ 20 ที่นั่งก็ได้

หลังอิ่มอร่อยกับมื้อกลางวันก็ถึงเวลาสำคัญคือการชมความงามของ <strong>พีธีซ้อมพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค</strong> โดยมีฉากหลังเป็นพระที่นั่งสันติชัยปราการและสะพานพระราม 8

ริ้วขบวนประกอบด้วยเรือทั้งหมด 52 ลำ โดย 4 ลำในจำนวนนี้คือเรือพระที่นั่ง ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์

<figure><img class="wp-image-15996 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/ซ้อมพระราชพิธีทางชลมารค.jpg" alt="" width="800" height="464" /><figcaption> พิธีซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562</figcaption></figure>

โดยการซ้อมจะเริ่มตั้งขบวนจากบริเวณธนาคารแห่งประเทศไทยและเคลื่อนไปยังพระบรมมหาราชวัง การซักซ้อมจะเริ่มในช่วงเวลาประมาณ 14.30-15.00น. และใช้เวลาราว 40 นาที (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำในแต่ละวัน)

<span style="color: #008000;">พิธีซ้อมพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารคจะจัดขึ้นทุกวันที่ 10,17,23,27 กันยายน และ 3,7,10,17,21 ตุลาคมนี้ เฉพาะวันที่ 17 และ 21 ตุลาคม 2562 จะเป็นวันซ้อมใหญ่ที่กำลังพลประจำเรือทั้ง 2,200 คนจะใช้เครื่องแต่งกายเสมือนวันจริง ซึ่งพระยาไดนิ่งพร้อมให้บริการเซ็ตเมนูอาหารกลางวันในทุกวันที่มีการซ้อมดังกล่าว ผู้สนใจโปรดสำรองที่นั่งอย่างน้อย 1 วันก่อนหน้า</span>

<img class="alignnone size-full wp-image-15997" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/ซ้อมพระราชพิธีทางชลมารค-2.jpg" alt="" width="800" height="518" />

<img class="alignnone size-full wp-image-15998" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/ซ้อมพระราชพิธีทางชลมารค-3.jpg" alt="" width="800" height="518" />

<img class="alignnone size-full wp-image-15999" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/ซ้อมพระราชพิธีทางชลมารค-4.jpg" alt="" width="800" height="533" />

&nbsp;

<strong>ชื่อร้าน</strong><strong>:</strong><strong> </strong>พระยา ไดนิ่ง<strong>
สไตล์: </strong>ไทย<strong>
พิกัด: </strong>โรงแรมพระยา พาลาซโซ่ สมเด็จพระปิ่นเกล้าซอย 2 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา<strong>
วัน/เวลาทำการ: </strong>ทุกวัน 07.00-21.30น. (สำหรับเซ็ตกลางวันพร้อมชมการซ้อมพระราชพิธีฯ โปรดมาถึงร้านก่อน 11.30น.)<strong>
ราคา</strong><strong>: </strong>พระยา ไดนิ่ง ซิกเนเจอร์ เซ็ต 1,200++ ต่อท่าน

&nbsp;

ภาพ: กิตติเดช เจริญพร

<article id="post-15943" class="post-15943 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-tadashi-yanai tag-uniqlo tag-womanomics tag-2563 tag-1188 tag-7208">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</article>

ชิมอาหารไทยโบราณ พร้อมประสบการณ์ชมพิธีซ้อมขบวนเรือพระราชพิธี ที่ “พระยา ไดนิ่ง”

<h2>ชายหนุ่มนักบริหารรีสอร์ตระดับอัลตรา-ลักชัวรี่แห่งภูเก็ต ผู้ตกหลุมรักอาคารทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้เวลามุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ สร้างสรรค์ที่พักตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทั่วโลก พลิกอาคารเก่าแก่เป็นแมนชั่นริมน้ำสุดหรูพร้อมเนรมิตโรงภาพยนตร์เก่าสู่โรงแรมทันสมัย</h2>
กลิ่นอายประวัติศาสตร์ที่อยู่ในทุกอณูของอาคารเก่าที่พร้อมจะบอกเล่าเรื่องราวหนหลังให้ผู้คนยุคปัจจุบันได้รับรู้ คือมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดให้คนหนุ่มรุ่นใหม่อย่าง <strong>กิตติศักดิ์ ปัทมะเสวี</strong> วัย 32 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ มนทาระ ฮอสพิตาลิตี้ กรุ๊ป (MHG) ผู้บริหาร “ตรีสรา” รีสอร์ตชั้นนำใน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เสาะหาอสังหาริมทรัพย์เปี่ยมคุณค่าในกาลเวลาเพื่อสืบทอดให้คงอยู่ยาวนาน

เมื่อจังหวะที่ดีมาถึง เขาจึงผสานการอนุรักษ์อาคารเก่าเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านโรงแรม ปรากฏเป็น <strong>“พระยาพาลาซโซ่” (Praya Palazzo)</strong> คฤหาสน์เกือบร้อยปีริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามท่าพระอาทิตย์ และ <strong>“ปรินซ์ เธียเตอร์ เฮอริเทจ สเตย์” (Prince Theatre Heritage Stay)</strong> โรงภาพยนตร์เก่าย่านบางรักที่กลายเป็นโรงแรม

เปิด “คฤหาสน์” รับนักท่องเที่ยวกลุ่มลักชัวรี่

“บ้านบางยี่ขัน” คือนามเดิมของพระยาพาลาซโซ่ สร้างขึ้นในปี 2466 เป็นที่พำนักของอำมาตย์เอก พระยาชลภูมิพานิช ขุนนางเชื้อสายจีนผู้รับราชการในกรมท่าซ้าย กับคุณหญิงส่วน (สกุลเดิม อุทกภาชน์) คู่ชีวิตซึ่งเป็นข้าหลวงในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี และทายาทของทั้งสองอีก 10 คน

หลังเจ้าของบ้านถึงแก่อนิจกรรม ทายาทได้โอนกรรมสิทธิ์บ้านบางยี่ขันให้มูลนิธิมุสลิมกรุงเทพวิทยาทานในปี 2489 เพื่อเป็นอาคารเรียนโรงเรียนราชการุณ ต่อมาโรงเรียนปิดตัวในปี 2521 มูลนิธิฯ จึงให้เอกชนเช่าทำเป็นโรงเรียนอินทรอาชีวศึกษา แต่ก็ต้องปิดตัวลงอีกในปี 2539 นับแต่นั้น บ้านบางยี่ขันก็ถูกห้วงเวลากัดกร่อนจนทรุดโทรมรกร้างแทบไม่เหลือเค้าลางอดีตอันรุ่งโรจน์

<span style="color: #ff0000;">“ตอนนี้นักท่องเที่ยวกลุ่มลักชัวรี่ต้องการที่พักที่เชื่อมโยงเขาเข้ากับจุดหมายปลายทาง ทำให้เรามองหาอาคารเก่าในกรุงเทพฯ มาพัฒนา กระทั่งเจอพระยาพาลาซโซ่ซึ่งเป็นโรงแรมมาก่อน จึงเห็นโอกาสพัฒนาให้เป็นแมนชั่นระดับลักชัวรี่บูทีค” <span style="color: #333333;">กิตติศักดิ์เล่าย้อน กระทั่งการเจรจาสำเร็จในเดือนตุลาคม ปี 2560 ด้วยงบลงทุนที่รวมสัญญาเช่าและการปรับปรุงราว 100 ล้านบาท</span></span>

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/e0a982c080e8d71370ac445d93861d30.png" alt="" />

พระยาพาลาซโซ่ชูจุดเด่นที่เรื่องราวในอดีตเสมือนพาผู้เข้าพักท่องไปในกาลเวลาผ่านสถาปัตยกรรม ปีกทั้งสองข้างของอาคารคือห้องพัก 17 ห้องซึ่งออกแบบให้มีบรรยากาศความเป็นไทยผสมตะวันตกผ่านเครื่องเรือนต่างๆ และด้วยเส้นทางด้านหลังซึ่งเป็นซอยเล็กและแคบติดชุมชน จึงกลายเป็นความเฉพาะตัวของพระยาพาลาซโซ่ที่สามารถเข้าถึงได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น

แม้มีจุดแข็งหลายด้าน ทว่าโรงแรมบูทีคซึ่งตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งเจ้าพระยาก็เป็นสิ่งที่พระยาพาลาซโซ่มองข้ามไปได้ยาก อาทิ โรงแรมเดอะ สยาม โรงแรมริวา เซอร์ยา โรงแรมศาลา รัตนโกสินทร์ รวมทั้งจักรพงษ์วิลล่าในพื้นที่วังจักรพงษ์ ไม่นับโรงแรมหรูที่เป็นเชนระดับโลก เช่น The Peninsula Bangkok, Mandarin Oriental Bangkok เป็นต้น

กิตติศักดิ์จึงคิดวิธีไม่ให้พระยาพาลาซโซ่ถูกกลืนหายไปกับกระแสการแข่งขัน ทั้งยังต้องสร้างความแตกต่างจากโรงแรมเชนอื่นๆ นำสู่กลยุทธ์ <strong>“แมนชั่นริมน้ำ”</strong> ที่หลังจากปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ในเดือนมิถุนายน-กันยายนนี้ ก็จะเดินหน้าสร้างความรับรู้อย่างเต็มที่

<span style="color: #ff0000;">“เราต้องฉีกตัวเองออกมาและเสนอในสิ่งที่คู่แข่งทำไม่ได้ ปีนี้พอปรับปรุงเสร็จก็จะไม่เน้นการให้เช่าแบบ 1 ใน 17 ห้อง แต่จะเน้นการให้เช่าแมนชั่นริมน้ำทั้งหลังที่มี 17 ห้อง ซึ่งจะเริ่มใกล้เคียงกับสิ่งที่ตรีสราทำที่ภูเก็ต ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะเป็นประสบการณ์ที่เอ็กซ์คลูซีฟที่สุดบนริมน้ำเจ้าพระยา”</span>

เขายังเตรียมเชื่อมโยงความแข็งแกร่งของตรีสราเข้ากับพระยาพาลาซโซ่ อาทิ พนักงานที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีให้รักษาความเป็นส่วนตัวของแขกมากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลเอาใจใส่แขกให้รู้สึกถึงความอบอุ่นผ่อนคลาย และช่วยจัดทริปตามความประสงค์ของผู้เข้าพัก

พลิกโรงหนังสู่โรงแรม

ท่ามกลางความคึกคักของย่านการค้าเก่าแก่อย่างบางรัก คือที่ตั้งของโรงภาพยนตร์ปริ๊นซ์ รามา ซึ่งเร้นกายอยู่ด้านหลังตึกแถวริมถนนเจริญกรุง แม้ฤดูกาลจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมากระทบให้สภาพผุพังลงไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่สามารถทำลายโรงภาพยนตร์ที่มีประวัติความเป็นมาราวร้อยปีได้

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/87cf86c53771c768e8cf50710d2ef127.png" alt="" width="680" height="316" /><figcaption> ภาพร่างโถงรับแขก ปรินซ์ เธียเตอร์ เฮอริเทจ สเตย์</figcaption></figure>

<span style="color: #ff0000;">“ที่นี่สะท้อนถึงยุครุ่งเรืองของโรงหนังสแตนด์อโลนในไทย ตั้งอยู่ในบางรักซึ่งเป็นหนึ่งในย่านสำคัญ เดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวก อีกอย่างเราคิดว่าการจะอนุรักษ์ตึกเก่าไว้ได้คือการทำให้อยู่อย่างยั่งยืน จึงติดต่อกรมธนารักษ์ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เพื่อขอเช่าโดยปรับปรุงและเปิดเป็นที่พัก”</span> <strong>กิตติศักดิ์</strong>พูดถึงอสังหาฯ อีกแห่งที่เขาทำสัญญาเมื่อปีที่แล้ว ด้วยงบลงทุนราว 50 ล้านบาท เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่เปิดให้บริการไปเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ โดยตั้งเป้าอัตราการเข้าพักตลอดทั้งปีที่ 64%

ชายหนุ่มให้เหตุผลเขาพยายามรักษาโครงสร้างหลักของโรงภาพยนตร์ไว้มากที่สุด ออกแบบตกแต่งโดยอิงกลิ่นอายและบรรยากาศความเป็นโรงภาพยนตร์ เน้นการใช้แสงและเงา นำโทนสีขาว ดำ และน้ำตาล มาใช้สร้างความอบอุ่นเสมือนอยู่บ้านภายในห้องพัก หยอดลูกเล่นด้วยการทำเป็นห้องแต่งกายนักแสดง มีบาร์เครื่องดื่มที่ออกแบบคล้ายบ็อกซ์ออฟฟิศ เครื่องดื่มมีเช่นค็อกเทลที่อยู่ในภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง นำจอฉายภาพยนตร์มาใช้เป็นสื่อให้นักท่องเที่ยวได้ออกไปค้นหาประสบการณ์ในย่านบางรัก ฝึกอบรมพนักงานให้แขกรู้สึกว่าเป็นเพื่อนที่พร้อมให้คำแนะนำเรื่องกินเที่ยวในแบบคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

ผู้บริหารยอมรับว่าเป็นเรื่องยากพอสมควรในการสร้างธุรกิจและสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ นอกเหนือจากที่ MHG มีความถนัดอยู่แล้ว แต่ก็ถือเป็นความท้าทาย โดยปรินซ์ เธียเตอร์ เฮอริเทจ สเตย์ จะเน้นสร้างความรับรู้ผ่านโซเชียลมีเดียให้แขกได้บอกต่อถึงที่พัก ซึ่งคาดว่าแขกน่าจะมีเรื่องไปบอกเล่าได้ค่อนข้างมากชายหนุ่มไม่หยุดมองหาอาคารที่สะท้อนความรุ่งเรืองของอดีตเพื่อนำมาพัฒนาต่อ

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/2d7542f77861fbf9f4a9884b7ce8265e.png" alt="" />

“ตรีสรา” ปักหลักผู้เล่นเบอร์ต้น

ตรีสรามีวิลล่า 60 หลัง แบ่งเป็นส่วนโรงแรม 39 หลัง หลังละ 1-2 ห้องนอนส่วนอีก 21 หลังเป็นวิลล่าส่วนตัว 2-8 ห้องนอน ที่ปล่อยเช่าระยะยาวด้วยราคา 150-500 ล้านบาท หากเจ้าของต้องการปล่อยเช่าในช่วงที่ไม่ได้มาพัก ตรีสราก็จะช่วยหาผู้เช่าให้ ซึ่งในปี 2560 ตรีสรามีอัตราการเข้าพักรวมทั้งหมด 60-70%

<span style="color: #ff0000;">“จุดเด่นของเราคือเป็นผู้ประกอบการคนไทย มีสถาปัตยกรรมแบบไทยซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ของเราเอง สร้างความเป็นส่วนตัวด้วยธรรมชาติ ทั้งการตั้งอยู่บนหาดที่บุคคลภายนอกเข้าถึงได้ยาก มีพื้นที่กว้างขวางและร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ขณะเดียวกันก็พัฒนาด้านอื่นๆ ให้มีความแปลกใหม่อยู่ตลอด เช่นห้องพัก ห้องอาหาร ซึ่งด้วยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ทำให้เรามั่นใจว่าตรีสราจะยังเป็นท็อปของตลาดได้”</span>

ปีนี้ กิตติศักดิ์ตั้งใจให้ธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของ MHG สร้างรายได้รวมกันราว 560 ล้านบาท แบ่งเป็นตรีสราราว 515 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะมาจากทั้งส่วนโรงแรมการบริหารการปล่อยเช่าวิลล่าส่วนตัว และการนำอาหารและเครื่องดื่มจากห้องอาหารต่างๆ ของตรีสราเข้าไปบริการแขกในวิลล่าส่วนตัว ส่วนพระยาพาลาซโซ่ตั้งรายได้ไว้ที่ 30 ล้านบาท และปรินซ์ เธียเตอร์ เฮอริเทจ สเตย์ ที่ 15 ล้านบาท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจของ MHG ยังคงมีพลังล้นเหลือและสนุกกับการบริหารธุรกิจที่ต้องรับมือกับความท้าทายและความต้องการที่ปรับเปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆ ของนักท่องเที่ยว

ภาพ: จันทร์กลาง กันทอง และ MHG
<blockquote class="instagram-media" data-instgrm-permalink="https://www.instagram.com/p/Bg8msfclrsB/" data-instgrm-version="8">
<div>
<div>
<div></div>
</div>
<a href="https://www.instagram.com/p/Bg8msfclrsB/" target="_blank" rel="noopener noreferrer">โพสต์ที่แชร์โดย Forbes Thailand Magazine (@forbesthailand)</a> เมื่อ <time datetime="2018-03-30T12:13:25+00:00">มี.ค. 30, 2018 เวลา 5:13am PDT</time>

</div></blockquote>
&nbsp;

<hr />

<a href="http://www.aisbookstore.com/Shop/Magazine/FORBES/41aa1fce-ca4e-4571-844e-ae149df1d363">คลิกอ่านบทความการสร้างธุรกิจ ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ กุมภาพันธ์ 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://www.aisbookstore.com/Shop/Magazine/FORBES/41aa1fce-ca4e-4571-844e-ae149df1d363"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2545e71c2cb14faa6f01ed8584cc5dca.png" alt="" /> </a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events