ชิมอาหารไทยโบราณ พร้อมประสบการณ์ชมพิธีซ้อมขบวนเรือพระราชพิธี ที่ “พระยา ไดนิ่ง” - Forbes Thailand

ชิมอาหารไทยโบราณ พร้อมประสบการณ์ชมพิธีซ้อมขบวนเรือพระราชพิธี ที่ “พระยา ไดนิ่ง”

ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นที่ตั้งของอาคารคฤหาสน์เก่าแก่ยุครัชกาลที่ 6 ที่ปัจจุบันเป็นบูติก โฮเทล พร้อมด้วยร้านอาหาร “พระยา ไดนิ่ง” เสิร์ฟเมนูอาหารไทยโบราณหาทานยาก ซึ่งในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้จะเพิ่มความพิเศษ เปิดเป็นสถานที่ชมภาพประทับใจการซักซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562

ตามปกติแล้วโรงแรมพระยา พาลาซโซ่และร้านอาหารพระยา ไดนิ่งจะมีเรือส่วนตัวเพื่อรับ-ส่งแขกจากท่าพระอาทิตย์ แต่เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันพิเศษที่จะจัดการซักซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค จึงมีการปิดกั้นการจราจรทางน้ำ แขกของร้านจึงต้องเดินตามพนักงานของโรงแรม ลัดเลาะผ่านชุมชนเก่าแก่บางยี่ขันเข้ามา โดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจาก สน.บางยี่ขัน ในโอกาสพิเศษนี้ ร้านพระยา ไดนิ่งจึงเลือกเซ็ตเมนูอาหารกลางวันมาผนวกเข้ากับการรับชมพิธีซ้อมขบวนเรือพระราชพิธี ให้แขกได้รับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำในช่วงเที่ยงก่อนจะได้ชมพิธีซ้อมอันตระการตาที่จะผ่านน่านน้ำหน้าโรงแรมในเวลาราว 14.30น. (ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำ)
โรงแรมพระยา พาลาซโซ่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เมนูมื้อกลางวัน พระยา ไดนิ่ง ซิกเนเจอร์ เซ็ต ประกอบด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยเป็นกุ้งโสร่ง ล่าเตียง และหมี่กรอบกระทงทอง ตามด้วยเมนูสลัดคือยำทวาย ถัดมาเป็นประเภทแกงที่จะได้ชิมคือแกงรัญจวน ส่วนเมนูหลักได้แก่ พล่าเนื้อ ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ หมูผัดส้มเสี้ยว และผัดผักรวม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ตบท้ายเป็นของหวานที่มีให้เลือกระหว่าง บัวลอยลูกตาล หรือ ขนมอินทนิล ฟังจากชื่ออาหารคงบอกได้ว่าเป็นเมนูไทยโบราณทั้งสิ้น โดยเป็นการผสมผสานเมนูที่สืบทอดตั้งแต่ยุคอยุธยาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ ซึ่ง Forbes Thailand ขอนำเสนอ 5 เมนูเด่นจากเซ็ตนี้มาให้ชมกัน   พระยา-ไดนิ่ง-Starters อาหารเรียกน้ำย่อย – กุ้งโสร่ง, ล่าเตียง และ หมี่กรอบกระทงทอง Combination ในจานนี้เป็นการรวมของทานเล่นกินกับน้ำจิ้มบ๊วย ประเดิมด้วยกุ้งโสร่ง เมนูที่ดัดแปลงมาจากหมูโสร่งเปลี่ยนมาใช้กุ้งตัวใหญ่แน่นหุ้มเส้นบะหมี่นำไปทอด ถัดมาเป็นหมี่กรอบกระทงทองที่กรอบทั้งตัวกระทงและตัวเส้น รสชาติหวานหอม โดยสืบย้อนต้นกำเนิดเมนูไปได้ถึงยุครัชกาลที่ 4 และไฮไลต์ของจานนี้คือ ล่าเตียง เมนูที่มีการกล่าวถึงไว้ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานซึ่งปัจจุบันหาทานได้ยาก เปลือกด้านนอกนั้นเป็นไข่ที่ทอดเป็นทรงตาข่าย หุ้มไส้หมูสับ กุ้ง ถั่ว และพริกไว้ภายใน เมื่อทานพร้อมกันได้รสเค็มกลมกล่อมตัดด้วยรสพริกเผ็ดเล็กน้อยตัดกันกำลังดี   พระยา-ไดนิ่ง-ยำทวาย ยำทวาย เมนูนี้เป็นเมนูที่สืบย้อนไปได้ถึงยุครัชกาลที่ 5 ประกอบด้วยผักซอย 7 ชนิด เช่น ถั่วงอก กะหล่ำปลี ถั่วพู ผักบุ้ง นำไปลวก เสริมด้วยเนื้อไก่ฉีก และทานคู่กับน้ำยำทำจากกะทิและพริกแกง จุดเด่นอยู่ที่น้ำยำซึ่งทำจากกะทิเข้มข้นรสหวานมันอมเผ็ดเล็กน้อย ทานคู่กับผักแล้วให้ความสดชื่น ทั้งนี้ เมนูยำทวายนั้นเป็นภาพสะท้อนของความประณีตของอาหารชาววังในสมัยก่อน ซึ่งแม้เพียงจะทานสลัดผักก็จะต้องซอยผักต่างๆ ให้สวยงามบรรจง   พระยา-ไดนิ่ง-แกงรัญจวน แกงรัญจวน เป็นหนึ่งในไฮไลต์เด่นของเซ็ตเมนูนี้เพราะเป็นเมนูหาทานยาก และอร่อยจนวางช้อนไม่ลง แกงรัญจวนนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มาจากการสรรสร้างของหม่อมเจ้าหญิงแย้มเยื้อน สิงหรา ที่จะปรับปรุงอาหารเหลือในแต่ละมื้อให้สามารถทานได้ในมื้อถัดไป จึงนำเนื้อวัวในอาหารผัดมาทำเป็นแกงต้ม เติมน้ำพริกกะปิลงไป ซึ่งทำให้อาหารจานนี้มีกลิ่นหอมรัญจวนใจยิ่ง สูตรแกงรัญจวนปัจจุบันพัฒนามาใช้เนื้อหมู โดยแกงชามนี้ของพระยา ไดนิ่งประกอบด้วยหมูหมักนุ่มลิ้น หอมกะปิและเครื่องสมุนไพร รสชาติออกเปรี้ยวเค็มเข้ากันดีกับข้าวสวยร้อนๆ   พระยา-ไดนิ่ง-หมูผัดส้มเสี้ยว หมูผัดส้มเสี้ยว อีกหนึ่งเมนูเด่นของเซ็ต และเป็นเมนูจากยุครัชกาลที่ 5 เช่นกัน ตำนานเล่าว่าในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสผ่านเมืองนครสวรรค์ ได้กลิ่นอาหารจากชุมชนในย่านหอมน่าเสวยนัก จึงโปรดให้ตามหาสูตรอาหารเพื่อมาประกอบในวัง ปรากฏว่าเมนูนั้นเป็นอาหารสไตล์จีน คือหมูผัดส้มเสี้ยวซึ่งเป็นผักชนิดหนึ่ง นำมาบดลงในเครื่องแกงและผัดกับหมู ให้รสเปรี้ยวอมหวานที่เป็นเอกลักษณ์   พระยา-ไดนิ่ง-ขนมอินทนิล ขนมอินทนิล น่าจะเป็นเมนูที่เก่าแก่ที่สุดของเซ็ตนี้โดยมีประวัติการทำขนมมาตั้งแต่ยุคอยุธยา ดั้งเดิมเป็นขนมแป้งมันกวนใส่ใบเตย ทานกับน้ำกะทิอบควันเทียนและมะพร้าวอ่อน แต่พระยา ไดนิ่งได้ปรับปรุงสูตรเล็กน้อยโดยเติมสาคูลงไปในตัวแป้ง ทำให้ขนมมีความเหนียวหนึบมากขึ้น รสชาติในหนึ่งคำจึงเป็นแป้งเหนียวเคี้ยวมันกับน้ำกะทิรสเค็มอมหวาน กรุ่นกลิ่นควันเทียนและใบเตย  
พระยา-ไดนิ่ง-บรรยากาศ
บรรยากาศตกแต่งแบบไทยในสมัยรัชกาลที่ 6 ภายในร้านอาหารพระยา ไดนิ่ง หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้สดตั้งแต่ย่างเท้าเข้าประตู
เมนูอาหารครั้งนี้จะเลือกรับประทานในร้านความจุ 50 ที่นั่ง หรือนั่งในลานกลางแจ้งริมสระว่ายน้ำซึ่งรองรับได้ 20 ที่นั่งก็ได้ หลังอิ่มอร่อยกับมื้อกลางวันก็ถึงเวลาสำคัญคือการชมความงามของ พีธีซ้อมพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค โดยมีฉากหลังเป็นพระที่นั่งสันติชัยปราการและสะพานพระราม 8 ริ้วขบวนประกอบด้วยเรือทั้งหมด 52 ลำ โดย 4 ลำในจำนวนนี้คือเรือพระที่นั่ง ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์
พิธีซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562
โดยการซ้อมจะเริ่มตั้งขบวนจากบริเวณธนาคารแห่งประเทศไทยและเคลื่อนไปยังพระบรมมหาราชวัง การซักซ้อมจะเริ่มในช่วงเวลาประมาณ 14.30-15.00น. และใช้เวลาราว 40 นาที (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำในแต่ละวัน) พิธีซ้อมพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารคจะจัดขึ้นทุกวันที่ 10,17,23,27 กันยายน และ 3,7,10,17,21 ตุลาคมนี้ เฉพาะวันที่ 17 และ 21 ตุลาคม 2562 จะเป็นวันซ้อมใหญ่ที่กำลังพลประจำเรือทั้ง 2,200 คนจะใช้เครื่องแต่งกายเสมือนวันจริง ซึ่งพระยาไดนิ่งพร้อมให้บริการเซ็ตเมนูอาหารกลางวันในทุกวันที่มีการซ้อมดังกล่าว ผู้สนใจโปรดสำรองที่นั่งอย่างน้อย 1 วันก่อนหน้า   ชื่อร้าน: พระยา ไดนิ่ง สไตล์: ไทย พิกัด: โรงแรมพระยา พาลาซโซ่ สมเด็จพระปิ่นเกล้าซอย 2 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา วัน/เวลาทำการ: ทุกวัน 07.00-21.30น. (สำหรับเซ็ตกลางวันพร้อมชมการซ้อมพระราชพิธีฯ โปรดมาถึงร้านก่อน 11.30น.) ราคาพระยา ไดนิ่ง ซิกเนเจอร์ เซ็ต 1,200++ ต่อท่าน   ภาพ: กิตติเดช เจริญพร