<h2>เซ็ปเป้เริ่มต้นจากความเชื่อว่า “คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” และผลักดันแบรนด์ไทยสู่ระดับสากลด้วยการเลือกตลาดเป้าหมายที่เฉียบคม นวัตกรรมที่กล้าทดลอง และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ High Performance</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forbes Thailand พูดคุยกับ ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ถึงวิสัยทัศน์และเบื้องหลังแนวคิดการสร้างแบรนด์ไทยให้เติบโตในระดับโลก ผ่านกลยุทธ์นวัตกรรมที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ และการทำงานร่วมกับพันธมิตร <div class="se-component se-video-container __se__float-none" contenteditable="false" style="width: 100%;"><figure style="width: 100%; height: 56.25%; padding-bottom: 56.25%; margin: 0px;"><iframe src="https://www.youtube.com/embed/okCyAJl_o98" data-proportion="true" data-percentage="100%,56.25%" data-size="100%,56.25%" data-align="none" data-file-name="okCyAJl_o98" data-file-size="0" data-origin="100%,56.25%" style="width: 100%; height: 100%;" data-index="0"></iframe></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2568 จำหน่ายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรืออ่านในรูปแบบ e-magazine ได้ที่ <a target="_blank" href="https://bit.ly/forbes_nov25_meb" alt="Meb" class="on">Meb</a> และ <a target="_blank" href="https://bit.ly/forbes_nov25_pinto" alt="Pinto">Pinto</a>​

จาก SME ตึกแถว สู่  'เซ็ปเป้' บุกตลาดเครื่องดื่มกว่า 100 ประเทศ ด้วยนวัตกรรม และพลังคนไทย

<h2>นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2568 ซึ่งมาในธีม Raising Thai Brands to the Global Stage นำเรื่องราวของ 3 บริษัทไทยไซซ์กลางที่ขยายฐานธุรกิจส่งออก โดยปกนำ คือ ปิยจิต รักอริยะพงศ์ แห่ง บมจ.เซ็ปเป้ ตามมาด้วยปกใน 2 บริษัท ได้แก่ กิตติพงษ์ พวงมาลา แห่งกลุ่มสมอทอง และสุวิมล และอภิญญา สิระนาท แห่งเติมเนเจอร์ อินดัสตรี</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Cover Story ฉบับนี้ พบกับธีม Thai Entrepreneurs Go Global เพราะธุรกิจขนาดกลางเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศสร้างชื่อเสียงและการยอมรับสินค้าไทยในตลาดโลก 3 บริษัทที่นำเสนอเรื่องปกในฉบับนี้ล้วนให้ความสำคัญตลาดส่งออก ได้แก่ ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด(มหาชน) ส่งออกเครื่องดื่มไทยไปกว่า 100 ประเทศ, กิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ ลดปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ, สุวิมล และอภิญญา สิระนาท กรรมการผู้จัดการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เติมเนเจอร์ อินดัสตรี จำกัด ส่งออกขนมจากข้าวไทยไปกว่า 40 ประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Fabulous 40s พบกับ “วรัญญู ศิลา AUCTเสริมแรงบิดสหการประมูล” - การเดินทางสัมผัสประสบการณ์ประมูลรถในต่างประเทศสร้างความเชื่อมั่นให้เจ้าของกิจการเต็นท์รถมือสอง ตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางบุกเบิกธุรกิจประมูลรถครั้งแรกในไทย และต่อยอดพอร์ตทรัพย์สินขยายสาขาต่อเนื่อง พร้อมส่งกุญแจบริหารให้ทายากพิสูจน์ฝีมือ ปรับโฉมระบบและพัฒนาบริการครบวงจร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ The Next Tycoons พบกับ “อโรชา กิตติวิทยากุล เติมเสน่ห์แสงสี L&amp;E” - ธุรกิจหลอดไฟแสงสว่างต้องพึ่งพิงตลาดใหญ่ที่กำลังชะลอตัวอย่างการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จึงได้รับผลกระทบระดับหนึ่ง แต่ด้วยความเป็นบริษัทที่ไม่ปิดตัวเองอยู่กับตลาดเดียวทำให้ “L&amp;E” เดินหน้าและไปต่อได้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 480px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/11/QhZntN437rSzMkkVb9vE.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="480px,633px" data-align="center" data-file-name="QhZntN437rSzMkkVb9vE.jpg" data-file-size="0" origin-size="480,633" data-origin="480px,633px" style="width: 480px; height: 633px;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Entrepreneurs พบกับ “ชนกนันท์ นิติกาญจนา ปรุง KFP ครองใจผู้บริโภค” - รุ่น 2 ของครอบครัวที่เติบโตท่ามกลางการบริหารจัดการฟาร์มสุกรแบบดั้งเดิมที่ค่อยๆ พัฒนามากว่า 30 ปี กระทั่งปัจจุบันมีธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ตันน้ำถึงปลายน้ำ โดยมี บริษัท กาญจนา เฟรชพอร์ค จำกัด ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่าน่ายเนื้อหมูสด หมูแปรรูป และอาหารปรุงสุก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Small Giants พบกับ “ภก.ดร.พิสิฐ อุ่ยรุ่งโรจน์ สร้างสูตร POSE จากงานวิจัย” - เภสัชกรผู้สร้างธุรกิจจากงานวิจัย นำ pain point มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ สร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบสาธารณสุขผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และก้าวข้ามจากเคมีสู่ดิจิทัลเพื่อสร้าง S-Curve ใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ The Trend พบกับ “สมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ผสานเสน่ห์ไทยเติมนิยาม ONSENS” - ศาสตร์การยืดอายุขัยควบคู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีปลุกกระแส Wellness &amp; Longevity เปิดทางให้ธุรกิจที่สามารถสร้างแต้มต่อจากความแตกต่างในการผสมผสานออนเซ็นร่วมกับสปาครบวงจรแห่งแรกในประเทศแบรนด์ Yunomori พร้อมยกระดับการนวดไทยโบราณ KLAI เดินหน้าลงทุนโปรเจกต์ Social Wellness Hotel &amp; Spa​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 480px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/11/xSX3sHMQc4EfdBNH1C3u.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="480px,632px" data-align="center" data-file-name="xSX3sHMQc4EfdBNH1C3u.jpg" data-file-size="0" origin-size="480,632" data-origin="480px,632px" style="width: 480px; height: 632px;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ คอลัมน์ Dine with the Boss ชวนอ่านการพูดคุยกับ “Rei Matsuda สูตรทำเงินโรงแรมไซซ์กลาง Kokotel” ส่วนใน Exclusive Interview พบกับบทสัมภาษณ์ “ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ทศวรรษสู่ความยั่งยืนบางจาก” และที่พลาดไม่ได้คือ การจัดอันดับสุดยอด 200 บริษัทไม่เกินพันล้านเหรียญ หรือ Best Under a Billion ประจำปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร่วมอ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจรวมถึงเรื่องราวธุรกิจอันหลากหลายเพื่อสร้าง “แรงบันดาลใจของผู้ใฝ่ความสำเร็จ” จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2568 และอ่านในรูปแบบ e-magazine ได้ที่ Meb และ Pinto <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 480px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/11/UebGjUBpRgDR57LZz3TD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="480px,631px" data-align="center" data-file-name="UebGjUBpRgDR57LZz3TD.jpg" data-file-size="0" origin-size="480,631" data-origin="480px,631px" style="width: 480px; height: 631px;" data-index="2"></figure></div>

นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2568 พบกับบุคคลบนปก “ปิยจิต รักอริยะพงศ์” เสิร์ฟ “เซ็ปเป้” ข้ามทวีป Raising Thai Brands to the Global Stage

<h2>‘บมจ. เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 โชว์รายได้จากการขาย 1,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% และทำกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% QoQ ผลจากการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อในตลาดต่างประเทศและความสำเร็จของ Mogu Mogu Global Campaign</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีรายได้จากการขาย 1,142 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% QoQ ที่มีกำไรสุทธิ 224 ล้านบาท ตามการเติบโตของตลาดต่างประเทศในทุกภูมิภาค ประกอบกับสามารถแก้ไขปัญหาคงค้างด้านสต็อกสินค้าในยุโรป ตะวันออกกลาง และอินโดนีเซียได้แล้ว ทำให้คำสั่งซื้อกลับมาเป็นปกติในไตรมาสนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยรายได้จากการขายต่างประเทศ 1,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% QoQ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้วางแผนรองรับในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและสงครามการค้าที่ยังคงดำเนินอยู่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวเพิ่มว่า การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 มีแนวโน้มทรงตัวจากปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังคงสร้างความไม่แน่นอน และมาตรการภาษีที่เรียกเก็บตอบโต้ทางการค้า (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐอเมริกาในอัตรา 19% ที่กำหนดใช้กับประเทศไทย ทั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นไม่เกิน 5% ของรายได้รวม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ บริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์แบบ Scenario Planning ให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง โดยยังคงมุ่งมั่นขยายโอกาสในตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆ ต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่การเปิดตัว Global Campaign ใหม่ของ Mogu Mogu ในชื่อ “Life’s too Short, You Gotta Chew” สามารถเจาะกลุ่ม Gen Z อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านภาพยนตร์โฆษณา (TVC) รูปแบบสั้นที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ด้วยยอดผู้ชมแบบออร์แกนิกผ่าน TikTok กว่า 3 ล้านครั้งภายใน 3 วันหลังเปิดตัว สร้างบทสนทนาและกระแสการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ความสำเร็จของแคมเปญนี้ ได้รับการต่อยอดไปยังตลาดฟิลิปปินส์ ผ่านการเปิดตัวแคมเปญ “You Gotta Earn” Loyalty Program ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคจำนวนมาก และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 443 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% QoQ ปัจจัยหลักมาจากผลตอบรับที่ดีในการดำเนินกลยุทธ์การตลาดของน้ำผสมวิตามินแบรนด์บลู (B’lue) ที่สามารถสื่อสารเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค Gen Y และ Gen Z ได้อย่างตรงจุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่เพรียวคอฟฟี่ (Preaw Coffee) สามารถเจาะตลาดกลุ่มแมส (Mass Market) และทำยอดขายได้ดีในช่องทาง Traditional Trade ด้วยจุดแข็งด้านราคา ความคุ้มค่า เข้าถึงง่าย โดยบริษัทฯ เดินหน้าทำการสื่อสารการตลาดอย่างมีความรับผิดชอบ ให้ความสำคัญกับการสื่อสารคุณประโยชน์ของสินค้าอย่างตรงไปตรงมา เน้นการให้ข้อมูลด้านสรรพคุณและคุณค่าทางสารอาหารที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เพื่อสร้างความต้องการซื้อในคุณค่าของสินค้าอย่างแท้จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ SAPPE ยังวางแผนทยอยออกสินค้าใหม่ที่สอดคล้องกับกระแสนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี เพื่อขยายฐานผู้บริโภคให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และสร้างการรับรู้ (Awareness), การมีส่วนร่วม (Engagement) รวมถึงความภักดีต่อแบรนด์ (Loyalty) ให้แข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำการตลาดผ่านช่องทาง Online และ E-Commerce ซึ่งเป็นช่องทางที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายระยะยาวในการก้าวสู่การเป็น Global Brand ในอนาคต เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/chao-revenue-q-2-2025" alt="‘เจ้าสัว’ เผยความร่วมมือเถ้าแก่น้อย ใช้โลจิสติกส์-คลังสินค้าร่วมกัน พร้อมเตรียมออกโปรดักต์ใหม่ด้วยกัน Q4 นี้">‘เจ้าสัว’ เผยความร่วมมือเถ้าแก่น้อย ใช้โลจิสติกส์-คลังสินค้าร่วมกัน พร้อมเตรียมออกโปรดักต์ใหม่ด้วยกัน Q4 นี้</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

SAPPE โชว์งบ Q2/68 กวาดรายได้ 1,548 ล้านบาท ดันกำไรสุทธิโต 10.9% QoQ

<h2>เด็กหนุ่มในครอบครัวโรงงานทำขนม เลือกสร้างธุรกิจเอง จากแผงขายข้าวโพดคั่วสู่ผู้ส่งเมล็ดข้าวโพดให้ร้านคั่ว ส่งตัวเองลัดฟ้าคว้าปริญญาโทที่ญี่ปุ่น นำความรู้เครื่องดื่มหลากชนิด ชักชวนครอบครัวลุยตลาด blue ocean รุกส่งออกทั่วโลก สร้างอาณาจักร 7 พันล้านบาทในตลาดหลักทรัพย์ฯ</h2>
"ผมภูมิใจในความเป็น Sappe" อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ขายและการตลาด บริษัทเซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ซีอีโอหนุ่มวัย 41 ปี จรดปากกาแสดงความยินดีบนบอร์ด ในวันที่พา <a href="http://www.sappe.com/">Sappe</a> เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก

25 มิถุนายน 2557 หุ้น SAPPE ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเข้าเทรดเป็นวันแรก หุ้นน้องใหม่ทะยานขึ้นที่ 25.20 บาท จากราคา IPO ที่ 13.50 บาท แล้วพุ่งไปปิดที่ 27.75 บาท ณ สิ้่นวัน หรือเพิ่้มขึ้น 105.56%

ย้อยกลับไปเมื่อปี 2516 บิดาและมารดาเริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจทำขนม ผลิตคุกกี้และขนมปังเนยด้วยเตาอบเล็กๆ ส่งขายตามร้านค้าย่านหัวลำโพงและร้านค้าปลีก จากนั้นขยายเป็นครองแครง มะขามแก้ว และถั่วกรอบแก้ว ภายใต้แบรนด์ "ปิยจิต" แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัททรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด ในปี 2531 พร้อมย้ายฐานการผลิตไปนิคมอุตสาหกรรมบางชัน

ส่วนตัวบุตรชายอย่างอดิศักดิ์ มิได้แค่รอคอยวันเวลาสืบทอดอาณาจักรธุรกิจ หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ด้วยคำแนะนำจากบิดานั่นเอง ชายหนุ่มเริ่มสร้างกิจการของตัวเองด้วยการคั่วข้าวโพดรัดยางขายถุงละ 10 บาท ที่หน้าบ้านญาติริมถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนผันตัวเป็นผู้ส่งเม็ดข้าวโพดให้ร้านคั่ว สามารถสร้างรายได้เป็นหลักแสน เก็บหอมรอมริบจนส่งตัวเองเรียนจบระดับปริญญาโทจากญี่ปุ่นได้

"การขายข้าวโพดคั่วทำให้เราได้รับอะไรหลายอย่าง ความรู้สึกภูมิใจเหมือนนักธุรกิจคนหนึ่ง สมัยนั้นเราเริ่มมีมือถือ คนโทรมาสั่งเราก็จด และขับรถส่งของเองทุกวัน ได้สัมผัสการทำงานและได้เงินจากธุรกิจของตัวเอง"

หลังจบการศึกษาจากญี่ปุ่นและเริ่มทำงานในไทยได้สองปี อดิศักดิ์เริ่มต่อยอดธุรกิจครอบครัวอย่างจริงจัง เมื่อเขาร่วมงานธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ประเทศกัมพูชา เห็นโอกาสสานต่อความฝันของบิดาที่อาจทำธุรกิจเครื่องดื่ม เนื่องจากเก็บรักษาได้นานกว่า ขยายธุรกิจได้ไกลกว่า และในขณะนั้นเองทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดสัมมนาเกี่ยวกับวุ้นมะพร้าว ตัวเขาและบิดาจึงนำไอเดียวุ้นมะพร้าวมาผสมกับน้ำผลไม้ ผลิตจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

ในปี 2544  Mogu Mogu เป็นสินค้าเครื่องดื่มแบรนด์แรกของบริษัท และยังเป็นครั้งแรกของเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวในประเทศไทย ก่อนจะเติบโตเป็นเจ้าธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหรือ functional drink ต่างๆ หลากหลายชนิด จนในที่สุดก้าวสู่ความเป็นบริหารมหาชน ที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้

พบตัวตนและบทบาทผู้นำของ อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ พร้อมด้วยครอบครัวพี่น้องนักธุรกิจใน Forbes Thailand ฉบับ AUGUST 2014
<div>

<hr />

สรุปและเรียบเรียงจาก "อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์: คุมอาณาจักร 7 พันล้านของ Sappe", Forbes Thailand ฉบับ AUGUST 2014

</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events