อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ : คุมอาณาจักร 7 พันล้านของ Sappe - Forbes Thailand

อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ : คุมอาณาจักร 7 พันล้านของ Sappe

เด็กหนุ่มในครอบครัวโรงงานทำขนม เลือกสร้างธุรกิจเอง จากแผงขายข้าวโพดคั่วสู่ผู้ส่งเมล็ดข้าวโพดให้ร้านคั่ว ส่งตัวเองลัดฟ้าคว้าปริญญาโทที่ญี่ปุ่น นำความรู้เครื่องดื่มหลากชนิด ชักชวนครอบครัวลุยตลาด blue ocean รุกส่งออกทั่วโลก สร้างอาณาจักร 7 พันล้านบาทในตลาดหลักทรัพย์ฯ

"ผมภูมิใจในความเป็น Sappe" อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ขายและการตลาด บริษัทเซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ซีอีโอหนุ่มวัย 41 ปี จรดปากกาแสดงความยินดีบนบอร์ด ในวันที่พา Sappe เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก 25 มิถุนายน 2557 หุ้น SAPPE ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเข้าเทรดเป็นวันแรก หุ้นน้องใหม่ทะยานขึ้นที่ 25.20 บาท จากราคา IPO ที่ 13.50 บาท แล้วพุ่งไปปิดที่ 27.75 บาท ณ สิ้่นวัน หรือเพิ่้มขึ้น 105.56% ย้อยกลับไปเมื่อปี 2516 บิดาและมารดาเริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจทำขนม ผลิตคุกกี้และขนมปังเนยด้วยเตาอบเล็กๆ ส่งขายตามร้านค้าย่านหัวลำโพงและร้านค้าปลีก จากนั้นขยายเป็นครองแครง มะขามแก้ว และถั่วกรอบแก้ว ภายใต้แบรนด์ "ปิยจิต" แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัททรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด ในปี 2531 พร้อมย้ายฐานการผลิตไปนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ส่วนตัวบุตรชายอย่างอดิศักดิ์ มิได้แค่รอคอยวันเวลาสืบทอดอาณาจักรธุรกิจ หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ด้วยคำแนะนำจากบิดานั่นเอง ชายหนุ่มเริ่มสร้างกิจการของตัวเองด้วยการคั่วข้าวโพดรัดยางขายถุงละ 10 บาท ที่หน้าบ้านญาติริมถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนผันตัวเป็นผู้ส่งเม็ดข้าวโพดให้ร้านคั่ว สามารถสร้างรายได้เป็นหลักแสน เก็บหอมรอมริบจนส่งตัวเองเรียนจบระดับปริญญาโทจากญี่ปุ่นได้ "การขายข้าวโพดคั่วทำให้เราได้รับอะไรหลายอย่าง ความรู้สึกภูมิใจเหมือนนักธุรกิจคนหนึ่ง สมัยนั้นเราเริ่มมีมือถือ คนโทรมาสั่งเราก็จด และขับรถส่งของเองทุกวัน ได้สัมผัสการทำงานและได้เงินจากธุรกิจของตัวเอง" หลังจบการศึกษาจากญี่ปุ่นและเริ่มทำงานในไทยได้สองปี อดิศักดิ์เริ่มต่อยอดธุรกิจครอบครัวอย่างจริงจัง เมื่อเขาร่วมงานธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ประเทศกัมพูชา เห็นโอกาสสานต่อความฝันของบิดาที่อาจทำธุรกิจเครื่องดื่ม เนื่องจากเก็บรักษาได้นานกว่า ขยายธุรกิจได้ไกลกว่า และในขณะนั้นเองทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดสัมมนาเกี่ยวกับวุ้นมะพร้าว ตัวเขาและบิดาจึงนำไอเดียวุ้นมะพร้าวมาผสมกับน้ำผลไม้ ผลิตจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ในปี 2544  Mogu Mogu เป็นสินค้าเครื่องดื่มแบรนด์แรกของบริษัท และยังเป็นครั้งแรกของเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวในประเทศไทย ก่อนจะเติบโตเป็นเจ้าธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหรือ functional drink ต่างๆ หลากหลายชนิด จนในที่สุดก้าวสู่ความเป็นบริหารมหาชน ที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ พบตัวตนและบทบาทผู้นำของ อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ พร้อมด้วยครอบครัวพี่น้องนักธุรกิจใน Forbes Thailand ฉบับ AUGUST 2014

สรุปและเรียบเรียงจาก "อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์: คุมอาณาจักร 7 พันล้านของ Sappe", Forbes Thailand ฉบับ AUGUST 2014