<h2>จบลงไปแล้วกับ The Eras Tour ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่ของนักร้องสาวอัจฉริยะ Taylor Swift ที่นอกจากจะตราตรึงในความทรงจำของแฟนคลับทั่วโลก เธอยังฝากร่องรอยอิทธิพลอันแรงกล้าของตนไว้ในระบบเศรษฐกิจนานาประเทศที่ได้ไปเยี่ยมเยือน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตั้งแต่เริ่มต้นเวทีแรกเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2023 ในสหรัฐอเมริกา กระทั่งจบลงบนเวทีสุดท้ายเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมาในแคนาดา นับเป็นระยะเวลา 632 วันที่ Taylor Swift ออกเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตใน The Eras Tour ทั้งสิ้น 149 โชว์ ใน 51 เมือง จาก 5 ทวีปทั่วโลก หากนับเฉพาะเวลาที่เธอใช้บนเวที รวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 484 ชั่วโมง หรือเทียบเท่ากับ 20 วัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักข่าว New York Times เผยตัวเลขรายได้รวมที่บริษัทของนักร้องสาวสร้างจากทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้อยู่ที่ 2,077,618,725 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กลายเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ที่สุดตลอดกาลในปัจจุบัน โดยตัวเลขนี้ยังไม่รวมยอดขายสินค้าต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Swift ไม่เพียงสร้างประวัติศาสตร์จากการแสดงสดเท่านั้น ภาพยนตร์บันทึกการแสดง Taylor Swift: The Eras Tour ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อเดือนตุลาคม 2023 ก็กวาดรายได้รวมจากทั่วโลก 261 ล้านเหรียญ และ Forbes ก็ประเมินว่าเธอเป็นนักดนตรีคนแรกที่ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีพันล้านจากเพลงและการแสดงเป็นหลัก ในขณะที่นิตยสาร Time ก็ยกย่องให้เธอเป็น Person of the Year 2023 สะท้อนความสามารถและอิทธิพลของเธอ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/iQr8nmkq9NDsNeR3YUpk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="iQr8nmkq9NDsNeR3YUpk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> Swiftonomics เมื่อทัวร์คอนเสิร์ตสะเทือนเศรษฐกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักร้องสาววัย 35 คนนี้ยังสร้างแรงกระเพื่อมอย่างยิ่งใหญ่ต่อเศรษฐกิจของเมืองและประเทศต่างๆ ที่เป็นจุดหมายของการแสดง ซึ่งมีคำเรียกว่า Swiftnonomics โดยการไปเยือนของเธอถือเป็นการดึงดูดเหล่า Swifties (แฟนคลับของ Taylor Swift) ที่ต้องการไปชมคอนเสิร์ตเข้าสู่พื้นที่ ก่อให้เกิดการใช้จ่ายของผู้บริโภค บรรดาร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่างได้รับอานิสงส์จากเธอ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาจากโควิด-19 มาหลายปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลำพังเพียงสหรัฐฯ ผลสำรวจของ Question Pro ประเมินว่า Swifties ใช้จ่ายเงินราว 5 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม สมาคมท่องเที่ยวสหรัฐฯ ประเมินว่าตัวเลขอาจทะลุ 1 หมื่นล้านเหรียญหากคำนวณการใช้จ่ายทางอ้อมและแฟนๆ ที่มีส่วนร่วมแม้ไม่ได้ซื้อตั๋วชมคอนเสิร์ต อีกทั้งพฤติกรรมของแฟนๆ ที่มาชมคอนเสิร์ตนั้น ยังมีการท่องเที่ยวและเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ในเมือง สร้างกระแสรายได้แก่ธุรกิจในท้องที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คอนเสิร์ตและกิจกรรมเหล่านี้ช่วยคืนชีพให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในท้องที่รวมถึงตัวเมืองที่ยังคงดิ้นรนจากผลกระทบของโควิด-19” California Center for Jobs &amp; The Economy รายงาน และประเมินว่าคอนเสิร์ตทั้งหมด 6 คืนในลอสแอนเจลิสทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3,300 ตำแหน่ง ส่วนเมืองพิตตส์เบิร์กซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต 2 คืนรายงานว่า ณ สุดสัปดาห์ที่มีการแสดง ยอดจองโรงแรมพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 สงบลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฝั่งยุโรปที่มีการแสดง The Eras Tour รวม 51 โชว์ใน 18 เมืองก็ได้รับอานิงส์ไม่น้อยเช่นกัน ราคาโรงแรมตามเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้น ณ ช่วงเวลาที่ Swift ไปเยี่ยมเยือน สำหรับ 3 อันดับเมืองในยุโรปที่มีราคาโรงแรมเพิ่มขึ้นสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 วอร์ซอพุ่งขึ้นถึง 154% ตามด้วยอันดับ 2 สตอกโฮล์มที่ 119% และอันดับ 3 ลิเวอร์พูล 115%​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/GPk8hBfxd6xkZ9PKSf7U.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="GPk8hBfxd6xkZ9PKSf7U.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับฝั่งเอเชีย น่าเสียดายที่ Swift กำหนดจุดหมายปลายทางเพียง 2 ประเทศเท่านั้น คือ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งแฟนๆ ชาวไทยคงได้ข่าวที่ Swift เลือกจัดคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์เมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เผยว่า เขาเจรจาให้เธอทำการแสดงที่ประเทศนี้เพียงแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงในโลกออนไลน์ กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คอนเสิร์ตของเธอนำผลประโยชน์มาสู่เศรษฐกิจของสิงคโปร์มหาศาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงเวลาตั้งแต่ก่อนเริ่มจนจบคอนเสิร์ตของ Swift ที่สิงคโปร์ Trip.com เผยว่ามียอดจองเครื่องบินเข้าประเทศเพิ่มขึ้น 186% และยอดจองที่พักเพิ่มขึ้นถึง 462% จากช่วงเวลาปกติ อีกทั้งนักเศรษฐศาสตร์ยังคาดการณ์กันว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ช่วยเพิ่มจีดีพีประจำไตรมาสแรกของสิงคโปร์ราว 222 - 296 ล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของ Swiftonomics เท่านั้น ซึ่งแม้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าผลกระทบนี้จะดำรงอยู่แค่ชั่วคราว ก็ต้องยอมรับว่า The Eras Tour ช่วยชุบชีวิตธุรกิจในหลายพื้นที่ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จริง แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม แหล่งที่มา:​<a href="https://edition.cnn.com/2024/12/08/business/taylor-swift-eras-tour-economy/index.html" alt="The end of an era: How Taylor Swift boosted the US economy">The end of an era: How Taylor Swift boosted the US economy</a>​ ​<a href="https://www.euronews.com/business/2024/06/06/swiftonomics-how-taylor-swifts-tours-boost-the-economy" alt="Swiftonomics: How Taylor Swift's tours boost the economy">Swiftonomics: How Taylor Swift's tours boost the economy</a><a href="https://www.bbc.com/news/articles/czd88lxe8p2o" alt="Swift tour to boost UK spending by £1bn - report">Swift tour to boost UK spending by £1bn - report</a>​ ​<a href="https://www.theguardian.com/music/2024/dec/09/taylor-swifts-eras-tour-smashes-touring-revenue-record-with-more-than-2bn-in-ticket-sales" alt="Taylor Swift’s Eras tour smashes touring revenue record with more than $2bn in ticket sales">Taylor Swift’s Eras tour smashes touring revenue record with more than $2bn in ticket sales</a>​ ​<a href="https://www.forbes.com/sites/conormurray/2024/12/06/these-cities-reported-the-biggest-economic-boosts-from-taylor-swifts-eras-tour-as-tour-wraps-up-in-vancouver/" alt="These Cities Reported The Biggest Economic Boosts From Taylor Swift’s Eras Tour—As Tour Wraps Up In Vancouver">These Cities Reported The Biggest Economic Boosts From Taylor Swift’s Eras Tour-As Tour Wraps Up In Vancouver</a>​ ​<a href="https://theconversation.com/swiftonomics-what-we-can-learn-from-singapore-multiplying-millions-from-taylor-swifts-eras-tour-228289" alt="Swiftonomics: what we can learn from Singapore multiplying millions from Taylor Swift’s Eras tour">Swiftonomics: what we can learn from Singapore multiplying millions from Taylor Swift’s Eras tour</a>​ ​<a href="https://www.businessinsider.com/taylor-swift-eras-tour-facts-earnings-profit-2024-12" alt="Taylor Swift spent 484 hours — the equivalent of over 20 straight days — singing onstage during the Eras Tour">Taylor Swift spent 484 hours - the equivalent of over 20 straight days - singing onstage during the Eras Tour</a>​ ภาพ: AFP และ @taylorswift13 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/marketing-brilliance-of-taylor-swift" alt="เจาะลึกการตลาดฉบับ Taylor Swift">เจาะลึกการตลาดฉบับ Taylor Swift</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สิ้นสุด The Eras Tour ทัวร์คอนเสิร์ตรายได้สูงสุดตลอดกาล “Swiftonomics” คืนชีพเศรษฐกิจท่องเที่ยว

<h2>สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น (Retail Sentiment Index) ของผู้ประกอบการค้าปลีก ไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่า ลดลงต่อเนื่อง เสนอภาครัฐออกมาตรการลดหย่อนภาษี กระตุ้นการจับจ่ายกลุ่มกำลังซื้อสูงช่วงปลายปี หนุนใช้ซอฟต์ พาวเวอร์ สร้างไทยแลนด์ แบรนด์กระตุ้นท่องเที่ยว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกทั่วประเทศ (Retail Sentiment Index – RSI) ในภาพรวม พบว่า ดัชนี RSI (QoQ) ไตรมาส 3/2566 เทียบกับไตรมาส 2 ยังคง “ซบเซา 3 เดือนต่อเนื่อง” อยู่ที่ 46.4 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 จุด ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในรอบปี 2566 ทั้งดัชนียอดขายสาขาเดิม SSSG (Same Store Sale Growth) QoQ ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง (Spending Per Bill หรือ Per Basket Size) และความถี่ในการจับจ่าย (Frequency on Shopping) สะท้อนถึงผู้บริโภคฐานรากกำลังซื้อยังอ่อนแอ โดยลังเลที่จะจับจ่ายและมุ่งเน้นสินค้าที่จำเป็น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกจำแนกตามประเภทร้านค้าปลีก พบว่า ธุรกิจห้างสรรพสินค้า แฟชั่น สุขภาพ-ความงาม ร้านวัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งและซ่อมบำรุง ร้านไอที เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ตมีการชะลอตัวลง และร้านค้าส่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ต ภัตตาคาร ร้านอาหาร ยังซบเซา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เมื่อจำแนกตามภูมิภาค พบว่า กรุงเทพ ปริมณฑล เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ในขณะที่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึมลึก ส่วนภูมิภาคอื่นๆ ชะลอตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ปัจจัยฉุดดัชนีค้าปลีก ยังคงเป็นปัจจัยเดิมที่รอการเยียวยา ประกอบด้วย กำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ หนี้ครัวเรือนสูง ราคาพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงการท่องเที่ยวที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก ระยะ 3 เดือนจากนี้ (ต.ค.-ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 12.0 จุด เนื่องจากความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล มาตรการลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน นโยบายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน รวมถึงการโหมโปรโมชั่นของร้านค้าในช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปลายปีได้ดีขึ้น” ฉัตรชัยกล่าว​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/Z9o5bszKDLUpsb67BS8H.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Z9o5bszKDLUpsb67BS8H.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div>​ ชง 6 ข้อเสนอรัฐบาลกระตุ้นกำลังซื้อ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้ค้าปลีกไทยมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่จะช่วยขับเคลื่อนภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศซึ่งเชื่อมโยงกับภาคค้าปลีกและบริการ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. มาตรการกระตุ้นการจับจ่ายเพื่อจูงใจกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ โดยการลดหย่อนภาษีประจำปีระหว่างเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม เพื่อไม่ให้เกิดการชะลอการจับจ่าย ในส่วนของนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท สมาคมฯ ขอเสนอให้เพิ่มการหารือร่วมกับภาคเอกชนและสมาคมต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินนโยบายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. เปิดตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ ด้วยการเร่งเจรจา FTA Thai-EU ให้เร็วที่สุด และสนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกเขตเสรีการค้าอื่นเพิ่มเติม เช่น BRICS เป็นต้น เพื่อให้เกิดการลงทุนและเกิดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคค้าปลีก-บริการ ด้วยการเพิ่มการจ้างงานให้หลากรูปแบบและพัฒนาทักษะแรงงาน เช่น การจ้างงานอิสระ การจ้างงานประจำรายชั่วโมง โดยคำนึงถึงอุปสงค์และอุปทานในตลาดแรงงานเป็นหลักและไม่จำกัดสิทธิเฉพาะสัญชาติ รวมถึงการกำหนดค่าจ้างตามระดับคุณวุฒิวิชาชีพที่สอดคล้องกับระดับสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เพื่อเพิ่มผลิตผลต่อแรงงานแทนการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ มากกว่าการพักชำระหนี้เพียงอย่างเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. สร้างความแข็งแกร่งให้กับซอฟต์เพาเวอร์ไทยด้วยการสนับสนุนสินค้าไทยผ่านการจัดตั้งโครงการ Thailand Brand เพื่อเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าของ SME ไทย ปีละ 2 ครั้ง ในทุกช่องทางของร้านค้าทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเพื่อเพิ่มการจับจ่ายโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเริ่มต้นเร่งด่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;6. สนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการค้าเต็มรูปแบบ ทั้งด้านไลฟ์สไตล์, กีฬา, เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และช้อปปิ้ง ห่วงสถานการณ์ดันต้นทุนพุ่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังได้เผยผลสำรวจ “ประเด็นเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีก” ของผู้ประกอบการ ระหว่างเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2566 อาทิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับขึ้นราคาสินค้าของผู้ประกอบการ ซึ่งร้อยละ 80 ระบุว่า ต้นทุนสูงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 37 ราคาสินค้าและบริการอื่นที่ไม่ใช่ต้นทุนปรับสูงขึ้น ร้อยละ 23 รักษากำไร ร้อยละ 20 คู่แข่งปรับขึ้นราคา และการส่งผ่านต้นทุนได้ไม่ทั้งหมด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. สถานะสภาพคล่องธุรกิจ โดยร้อยละ 24 มีสภาพคล่องอยู่ได้ 3-6 เดือน ร้อยละ 26 มีสภาพคล่องอยู่ได้ 6-12 เดือน ร้อยละ 50 มีสภาพคล่องอยู่ได้ มากกว่า 12 เดือน 3. ปัจจัยสนับสนุนและความเสี่ยงต่อธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้า โดยปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย และมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ ส่วนปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่สูงขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เชื่อว่าแม้ภาพรวมค้าปลีกและบริการในปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเปราะบาง แต่หากรัฐบาล เร่งเครื่องฟื้นฟูสุขภาพเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องและตรงจุด ประกอบกับทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน จะสามารถนำพาให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีเสถียรภาพที่มั่นคงและเดินหน้าอย่างเข้มแข็งอีกครั้ง โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทยยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่” ฉัตรชัยกล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/world/america/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5-%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88-%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3-fed-%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2-%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99" alt="สงครามอิสราเอลทำนักลงทุนหวั่นใจย้ายฐานมาทองคำ ด้าน Fed คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยยังจำเป็น">สงครามอิสราเอลทำนักลงทุนหวั่นใจย้ายฐานมาทองคำ ด้าน Fed คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยยังจำเป็น</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สมาคมค้าปลีกอ้อนรัฐลดภาษี กระตุ้นช้อปปิ้งปลายปี

ย้อนไป 2 ปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวตั้งและแนวราบเปิดตัวโครงการทั่วกรุงเทพฯ โครงการคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนกว่า 150,000 ยูนิต เปิดตัวใหม่ระหว่าง 2013-2014 โดยมียูนิตขายที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ถึง 70% จากจำนวนทั้งหมด สำหรับโครงการแนวราบที่เปิดตัวตั้งแต่ปีทีผ่านมามีจำนวน 32,000 ยูนิต โดยยูนิตที่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท อยู่ที่ 67% จากจำนวนยูนิต ยังรวมไปถึงการชะลอตัวของการซื้อขายจากภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวม 
 
จึงไม่แปลกที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลซึ่งนำโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จึงนำแผนกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อกระตุ้นและพยุงตลาดอสังหาริมทรัพย์จากกำลังซื้อที่อ่อนแรงลงซึ่งสวนทางกับอสังหาริมทรัพย์ที่รอขายเพิ่มสูงขึ้น โดยดังกล่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ตามที่ ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2558 สรุปสั้นๆ ได้ดังนี้ 
<ul>
	<li>
		รัฐบาลเตรียมวงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท ระยะเวลา 1 ปี งครอบคลุมถึงการซื้อที่อยู่อาศัย ซื้อที่ดินเพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยและเพื่อการปลูกสร้างที่อยู่อาศัย</li>
	<li>
		มาตรการลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมการซื้อที่อยู่อาศัย ได้แก่ การลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยทุกระดับราคา โดยมีระยะเวลาใช้มาตรการ 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2015 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2016</li>
	<li>
		สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาใช้มาตรการ 15 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2015 ถึงสิ้นปี 2016 โดยสามารถนำเอา 20% ของมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ซื้อไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นระยะเวลา 5 ปีภาษี คิดเป็น 4% ต่อปีหรือสูงสุด 120,000 บาทต่อปี</li>
</ul>
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2015%20October/Untitled-5.jpg" />จากมาตรดังกล่าวจะกระตุ้นต่อประชาชนในกลุ่มต่างๆ อย่างประชาชนผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อย, กลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อ, ประชาชนผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วง 6 เดือน จะได้รับประโยชน์ และผู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรก สำหรับด้านผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ประโยชน์นั้น ที่มีสินค้าสร้างเสร็จต่ำกว่า 3 ล้านบาทและมีสินค้าใกล้สร้างเสร็จในช่วง 6 เดือน 
 
ทั้งนี้ การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในส่วนของการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจากผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4 นี้ น่าจะมีประมาณ 35,900 หน่วย เติบโตประมาณร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2015%20October/Untitled-4(1).jpg" />
<hr />

	ที่มา: Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events