เปลือกมังคุดที่เห็นอยู่เกลื่อนกลาด บวกความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจุดประกายให้นักวิจัยหนุ่มเบื้องหลัง APCO ศึกษาวิจัยแยกสารที่ออกฤทธิ์ทางยากระทั่งผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางหลากชนิดด้วยฝีมือคนไทย สร้างรายได้ปีละหลายร้อยล้านบาท
ระหว่างทำงานเป็นอาจารย์และนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในปี 2521 ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ทราบจาก “เขียว พัฒนจรินทร์” ว่าเปลือกมังคุดช่วยสมานแผลได้ ประกอบกับช่วงที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างประเทศพบว่า ในมังคุดมีสารเคมีที่น่าสนใจหลายอย่าง
จึงร่วมกับ ศ.ดร.ภญ. เสาวลักษณ์ พงษ์ไพจิตร และ รศ.ดร.วิลาวัลย์ มหาบุษราคัม ศึกษาวิจัยว่า เปลือกมังคุดมีสารอะไรที่ทำให้มีฤทธิ์เป็นยา จนสามารถสกัดสารกลุ่ม Xanthones กว่า 40 ชนิด ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) (APCO) พลิกบทบาทจากนักวิจัยมาเป็นนักธุรกิจ โดยเริ่มลงทุนผลิตเครื่องสำอางที่รักษาสิวและประทินผิวจากมังคุดในชื่อแบรนด์ GARCINIA ปรากฏว่าเกือบไม่รอด เพราะเป็นสินค้าที่ “มาก่อนกาล” คนยังไม่คุ้นเคยกับเครื่องสำอางที่มาจากธรรมชาติ
ตัวที่มาช่วยกอบกู้สถานการณ์ทางการเงินคือ ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนโดยใช้สารสกัดจาก “ส้มแขก” โดยร่วมกับบริษัทสัญชาติอเมริกันผลิตขึ้นในปี 2538 และนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปี 2554 ก่อนย้ายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2561

APCO ได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสารสกัดมังคุดอย่างต่อเนื่อง โดยนำสารสกัด GM-1 มาเสริมฤทธิ์ร่วมกับงาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง บัวบก ผลคือ ไม่เพียงลดการอักเสบแต่ยังช่วยปรับภูมิคุ้มกัน “ถ้าเม็ดเลือดขาวทำงานน้อยไป ภูมิคุ้มกันไม่มากพอ โอกาสติดเชื้อมีมากขึ้น โอกาสเกิดมะเร็งก็มีมากขึ้น เราจึงพัฒนาสูตรจากสารสกัดเหล่านี้ให้ทำงานกับเม็ดเลือดขาว มีสูตรต่างๆ ที่ปรับภูมิคุ้มกันให้สมดุล เกิดเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย”
ต่อมาได้พัฒนาสูตรที่เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาว โดยไปกระตุ้น killer T cell ซึ่งมีหน้าที่จัดการสิ่งแปลกปลอม จากรายงานประจำปี 2564 ระบุว่า บริษัทได้ยื่นขอจดสิทธิบัตร 2 รายการคือ ส่วนประกอบเพื่อควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และส่วนผสมพฤกษเคมีและเทคนิคการปรับภูมิสมดุลเพื่อต่อต้านสิ่งแปลกปลอมและการแพ้ภูมิตนเอง โดยหัวข้อหลังอยู่ระหว่างดำเนินการจดสิทธิบัตรในสหรัฐฯ สิงคโปร์ และมาเลเซีย
ปี 2564 บริษัทพัฒนาสูตรใหม่ชื่อ “นวัตกรรมวัฒนชีวา” ด้วยการผสมผสานความรู้วิทยาศาสตร์ของ telomere เข้ากับวิทยาการภูมิคุ้มกันล่าสุดในศตวรรษที่ 21 จนได้สูตรที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความยาวของ telomere ส่งผลให้มีการชะลอวัยและอายุยืนขึ้น
“สิ่งที่เราทำทุกอย่างต้องมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจน ใช้วิทยาการล่าสุด เน้นประสิทธิภาพและความปลอดภัย นี่คือสิ่งที่ทำมาตลอดเวลา”

เป็นเวลากว่า 40 ปีที่ ศ.ดร.พิเชษฐ์ นักวิจัยเคมีอินทรีย์และฤทธิ์ชีวภาพของผลิตภัณฑ์ธรรมชาติได้ศึกษาสารสกัดและฤทธิ์ทางชีวภาพของพืชสมุนไพรกว่า 200 ชนิด และยังคงมุ่งมั่นกับการทำงานวิจัยเรื่องภูมิสมดุลอย่างต่อเนื่อง โดยใช้งบสำหรับวิจัยรวมๆ แล้วประมาณ 50-60 ล้านบาท
การระบาดของโควิดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายลดลง แต่ยังคงมีกำไรสม่ำเสมอ ส่วนตลาดต่างประเทศที่เคยส่งออกก็ขาดจังหวะไป เช่น ปีที่ผ่านมาพันธมิตรจากจีนซื้อเป็นสูตรสำเร็จรูปมูลค่า 20-30 ล้านโดยนำไปตอกเม็ดเอง และคาดว่าปี 2565 จะมีรายได้จากส่วนนี้หลักร้อยล้านบาท แต่เนื่องจากจีนล็อกดาวน์ประเทศทำให้ชะลอลงไป
บริษัทจึงใช้เวลาช่วงนี้พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์หลังโควิด ซึ่งมีสัญญาณว่ากิจการจะดีกว่าปีก่อน เพิ่มช่องทางการตลาดในประเทศ โดยเพิ่มสัดส่วนการจัดจำหน่ายผ่าน BIM Healt Center ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงให้มากขึ้น ซึ่งสูตรที่ได้รับการตอบรับดีในปัจจุบันคือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งและ HIV
รวมทั้งตั้งบริษัทใหม่อีก 2 แห่งเพื่อรุกตลาดด้านภูมิคุ้มกันบำบัด ประกอบด้วย บริษัท KILLER T CELL กลุ่มเป้าหมายคือ ลูกค้าหรือสถานดูแลสุขภาพที่ใช้นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดหรือแพทย์ทางเลือก และบริษัท KILLER T CELL FOR PETS ดำาเนินธุรกิจนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น แมวและสุนัขที่ติดเชื้อรา แบคทีเรีย เอดส์ และไวรัส มีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศแล้ว และคาดว่าปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจะวางจำหน่ายที่ไต้หวันและสหรัฐฯ
เรื่อง: สินีพร มฤคพิทักษ์ ภาพ: APCO
อ่านเพิ่มเติม:- Rachel Drori จากอดีตผู้บริหารการตลาดหญิงแกร่งสู่ผู้ก่อตั้ง Daily Harvest มูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญฯ
- 20 มหาเศรษฐีสุดมั่งคั่งจากมรดกตกทอด
- ศักดา ศรีแสงนาม จัดทัพเตรียมรับ 100 ปี Chin Huay
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine
