อาคารสำนักงานใหญ่ในซอยบนถนนนาคนิวาสดูจะคับแคบไปเสียแล้วสำหรับ บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำธุรกิจบริการรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร
พงศ์เทพ รัตนแสงสรวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PROS เล่าว่า ก่อตั้งบริษัทเมื่อปลายปี 2539 ขณะอายุ 28 ปี โดยร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นหนุ่มวิศวะ หลังจากทำงานในบริษัทของรุ่นพี่ 5 ปี และเห็นว่ากิจการเติบโตต่อเนื่องมีกำไรดี ประกอบกับมีทุนส่วนตัวที่เก็บหอมรอบริบระหว่างเป็นพนักงาน แรงบันดาลใจที่ทำให้เด็กหนุ่ม ซึ่งขณะนั้นเรียนชั้น ม. 4 อยากเป็นวิศวกร มาจากครั้งหนึ่งได้พบเพื่อนของบิดาซึ่งเป็นวิศวกรและมีบริษัทรับเหมา เมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยจึงเลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ถึง 5 คณะ เลือกเรียนภาคไฟฟ้ากำลังเพราะมองว่า มีโอกาสทำงานได้ทั้งภาครัฐและเอกชน หลังเรียนจบปริญญาตรีจึงเข้าทำงานกับบริษัทรับเหมาของรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นลูกจ้างอยู่ 5 ปีเห็นว่ากิจการกำไรดี จึงอยากทำของตนเอง และชวนเพื่อนอีก 3-5 คนมาร่วมเปิดบริษัทรับเหมางานระบบ ทุนก้อนแรกเป็นรายได้จากเงินเดือนและโบนัส แต่ความที่ระหว่างเป็นลูกจ้างไม่เคยรับงานส่วนตัว 6 เดือนหลังเปิดบริษัทจึงไม่มีงานเลย กระทั่งเดือนที่ 7 ได้งานทำระบบไฟฟ้าให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านสุทธิสาร มูลค่า 700,000 บาท อีก 3 ปีต่อมา จึงขยายมารับงานระบบครบวงจร- เริ่มจากงานเล็ก

- เน้นลูกค้าฐานะการเงินดี
บมจ. พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง ประกอบธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร ตามลักษณะงานต่อไปนี้
- ระบบวิศวกรรมไฟฟ้าและระบบวิศวกรรมสื่อสาร (electrical & communication system) อาทิ งานระบบไฟฟ้าแรงสูง งานระบบไฟฟ้าแรงต่ำ งานระบบไฟฟ้าสำรอง งานระบบโทรศัพท์ งานระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์งานระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัย งานระบบจัดการและควบคุมอาคารอัตโนมัติ
- งานระบบสุขาภิบาลและระบบป้องกันอัคคีภัย (sanitary & fire protection system) อาทิ งานระบบประปา งานระบบบำบัดน้ำเสีย งานระบบระบายน้ำ งานระบบดับเพลิง
- การให้บริการงานรับเหมาติดตั้งงานระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (air conditioning & ventilation system)
- งานโครงสร้างและสถาปัตยกรรมประกอบด้วยงานโยธาและโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรมและตกแต่งภายใน งานระบบไฟฟ้า/เครื่องกล และงานปรับปรุงซ่อมแซม มีบริษัทย่อยทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชื่อ บจ. พรอสเพอร์ ไทธรรม์ (PT) และ บจ. เพ็มโค่ เป็นโฮลดิ้ง คอมปะนี
- ทำงานแบบเถ้าแก่
สถานการณ์โควิด-19 ปี 2563 ส่งผลกระทบบ้างกล่าวคือ ลูกค้าส่วนใหญ่ชะลอการก่อสร้าง ทำให้งานตามแผนช้าลงกระทบต่อรายได้ โดยปี 2563 คาดว่ามีรายได้ 900-1,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าแต่กำไรเพิ่ม เนื่องจากมีการบริหารต้นทุนดีขึ้น เช่น ลูกค้าสั่งชะลองานบริษัทจะรีบถอนทีมงานไปทำที่ไซต์อื่นลูกค้าบางรายอนุญาตให้คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มบางส่วนจากการขยายเวลาก่อสร้าง ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระลงบ้าง และบริษัทพยายามคิดค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด
“สิ่งที่พยายามทำช่วงหลังคือ ควบคุมต้นทุนให้ดี ผมไม่ได้อยากมีรายได้สูงมากสิ่งที่ท้าทายคือ ความประหยัด กำไรเพิ่มจากการประหยัด ยามลำบากเราประหยัดแข่งกับคนอื่นได้ ยามเศรษฐกิจดีรายได้มาก กำไรมาก เราตั้งใจทำงานกับกลุ่มลูกค้าเดิมอย่าง Tesco ไม่สร้างสาขาใหม่แต่มีงานอื่น คือลูกค้าอยากทำอะไรเราก็รับ เพราะรู้มือกันอยู่แล้ว เราเพิ่มความหลากหลายในบริการที่ใกล้เคียงกับงานวิศวกรรมให้กับลูกค้าเดิม”
ดีเอ็นเอของชาว PROS คือ ความรับผิดชอบ ทำให้เต็มที่ และต้องดีที่สุด ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารมีวิธีส่งผ่านองค์ความรู้เหล่านี้ด้วยการจัดอบรมให้กับพนักงาน ซึ่งเป็นหลักสูตรที่บริษัทออกแบบขึ้นเอง
“ศูนย์อบรมเปิดมาได้ 1-2 ปีแล้ว เราพยายามถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ เพราะการทำธุรกิจรับเหมานอกจากการควบคุมต้นทุนและการเป็นวิศวกรแล้ว ยังมีรายละเอียดเรื่องเทคนิคการทำงาน ซึ่งเราจะเล่าประสบการณ์ให้ฟัง โดยระดับผู้จัดการทุกคนต้องเข้าคอร์สคนละ 9 ชั่วโมง หลักสูตรเราคิดกันเองเรียก Prosper Way สร้าง DNA พนักงานให้เหมือนกัน ลูกค้าไว้วางใจเพราะวิธีการทำงานสไตล์เราลูกค้าจึงใช้แล้วใช้อีก ซึ่งค่อนข้างผูกติดผู้บริหาร
“ผมจะจดหรือบอกทีมงานว่า เวลาขายงานบอกลูกค้าว่าอย่างไร หากรับปากแล้ว แม้เป็นแค่คำพูดก็ต้องทำ ทำไม่ได้ต้องบอกบางครั้งทำไม่ได้ตามรับปากจะเข้าไปดูงานเอง จำได้ว่าปีหนึ่งกำลังไปงานปีใหม่ที่เพชรบุรี ไซต์งานมีปัญหาผมบอกลูกน้องให้ไปขอนแก่น ไปเฝ้างานเลย ไม่เสร็จก็ต้องอยู่กับเขา ผมไม่ปล่อย ลูกน้องต้องห้ามเฉื่อย เราตอบสนองลูกค้าไว แม้งานไม่เสร็จแต่เราทำให้ลูกค้าเห็นว่าเราทำเต็มที่แล้ว...งานรับเหมามักเจอกับอุปสรรคบ่อยต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจ เขาเห็นใจ พองานจบเขาจะรู้สึกว่า เรารับผิดชอบงานดี ไม่ทิ้งงาน”
ในตอนท้าย พงศ์เทพสรุปถึงสไตล์ในการทำงานว่าเป็นแบบเถ้าแก่ หมายความว่า ดูแลทุกโครงการเหมือนเป็นเจ้าของเอง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลให้งานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
อ่านเพิ่มเติม:
- วิกร ภูวพัชร์ ปั้น FTI จากทุนหลักแสน
- BAIJU BHATT และ VLADIMIR TENEV เจ้าพ่อแห่งทุนนิยมกาสิโนดิจิทัล “ROBINHOOD”
- ชาตรี ศิษย์ยอดธง ลั่นระฆัง THE APPRENTICE เฟ้นหาดาวเด่น
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine



