“แสนสิริ” เบนเข็มจับกลุ่ม real demand สถานการณ์ไม่เอื้อนักเก็งกำไร - Forbes Thailand

“แสนสิริ” เบนเข็มจับกลุ่ม real demand สถานการณ์ไม่เอื้อนักเก็งกำไร

แสนสิริมองตลาดปี 2561-62 หันจับกลุ่มผู้ซื้ออยู่จริง (real demand) หลังสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอความร้อนแรงตลาดอสังหาฯ ได้ฤกษ์งัดที่ดินเก่าทุบตึกสร้างค้างในโครงการแอ๊บสแตร็กส์ พหลโยธิน เปิดตัวคอนโดฯ ร่วมทุนเดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค

ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงปลายปี 2561 และคาดว่าจะต่อเนื่องถึงปี 2562 นั้น บริษัทต้องหันมาเน้นจับกลุ่มผู้ซื้ออยู่จริง หรือ real demand มากขึ้น เพราะนักลงทุนหรือเก็งกำไรในตลาดลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อการเก็งกำไร

คนที่อยากมีบ้านยังมีอยู่มาก แต่สามารถซื้อได้หรือเปล่าเป็นปัญหา ทำให้ความร้อนแรงของตลาดคอนโดฯ น้อยลง ซึ่งที่จริงมองอีกมุมถือเป็นเรื่องดีเพราะเราจะกลับสู่การขายในตลาด real demand” ภูมิภักดิ์กล่าวส่วนกลุ่มราคาที่ตรงกับผู้ซื้ออยู่จริงจะขึ้นอยู่กับทำเลนั้นๆ คนมีกำลังซื้อตรงกับกลุ่มราคาไหน

ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

ในขณะที่มาตรการจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะเริ่มคุมเข้มสินเชื่อบ้านตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ผู้กู้ซื้อบ้านสัญญาที่ 2 ขึ้นไปโดยผ่อนชำระหลังแรกยังไม่เกิน 3 ปี จะอนุญาตให้ขอกู้สินเชื่อบ้านสัญญาที่ 2 ได้ในวงเงินไม่เกิน 80% ของราคาบ้าน (LTV 80%) จากเดิมที่สามารถกู้ได้ 90% ของราคาบ้าน ต่อกรณีนี้ ภูมิภักดิ์ขอยังไม่แสดงความเห็น แต่ยอมรับว่าเป็นประเด็นใหญ่ในบริษัท

 

ทุบตึกเก่าแอ๊บสแตร็กส์ พหลโยธิน ปรับปรุงเป็นคอนโดฯ​ “เดอะ ไลน์

ด้านโครงการแนวสูงของแสนสิริที่จะเปิดตัวปลายปีนี้ คือ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค  อาคาร บี มูลค่าโครงการ 4.9 พันล้านบาท เป็นคอนโดฯ ร่วมทุนระหว่าง แสนสิริและบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ แห่งที่ 13 หลังจากมีความร่วมมือภายใต้แบรนด์เดอะ ไลน์มา 3 ปี

อาคาร บี ดังกล่าวออกแบบเป็นคอนโดฯ จำนวน 880 ยูนิต ห้องชุดแบบ 1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 31-82 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกคอนเซปท์รักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น โซลาร์รูฟท็อป ไฟแอลอีดี motion sensor เปิด-ปิดเมื่อมีคนเดินผ่าน บล็อคคอนกรีตตกแต่งสวนที่รีไซเคิลมาจากซีเมนต์เหลือใช้

ภูมิภักดิ์ กล่าวว่า ที่ตั้งโครงการอยู่บนที่ดินเดียวกับโครงการ แอ๊บสแตร็กส์ พหลโยธิน ริมถนนพหลโยธินด้านหลังห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส ลาดพร้าว ซึ่งโครงการนี้มีที่ดินรวม 21 ไร่ และแต่เดิมมีการออกแบบอาคารไว้ 4 อาคาร แบ่งเป็นที่พักอาศัย 3 อาคาร และอาคาร ดี เป็นอาคารจอดรถ อย่างไรก็ตาม แอ๊บสแตร็กส์ พหลโยธินสร้างเสร็จเฉพาะอาคาร เอ ที่มีผู้พักอาศัยแล้ว และอาคาร ดี ที่เป็นอาคารจอดรถรวมของทั้งโครงการ

เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค อาคาร บี - ภาพจำลองบริเวณล็อบบี้

ส่วนอาคาร บี นั้นมีการสร้างโครงสร้างเสร็จเรียบร้อย และอาคาร ซี มีการทำฐานรากไว้ หลังจากบริษัทร่วมทุนนำแปลงที่ดินนี้มาพัฒนาต่อและศึกษางานโครงสร้าง จึงตัดสินใจเก็บงานโครงสร้างฐานรากไว้แต่จะทุบตึกเพื่อสร้างโครงสร้างใหม่ให้เหมาะสม ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทยังใช้ใบอนุญาตก่อสร้างเดิมแต่ได้ยื่นดัดแปลงแบบแปลนอาคารแล้ว

ภูมิภักดิ์เปิดเผยว่า หลังเจรจากับลูกบ้านแอ๊บสแตร็กส์ พหลโยธิน (อาคาร เอ) ในที่สุดจึงสามารถปรับให้ทั้งหมดเป็นโครงการเดียวกัน มีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกัน 3 อาคาร ได้แก่ ทางเข้า-ออกโครงการ สวนสีเขียวขนาด 8 ไร่ และอาคารที่จอดรถสูง 16 ชั้นและ 2 ชั้นใต้ดิน ซึ่งสามารถจอดรถได้ประมาณ 1,500 คัน

 

ห้าแยกลาดพร้าวยอดขายคอนโดฯ เฉลี่ย 85%

เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค อาคาร บี จะเปิดพรีเซลวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 139,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งภูมิภักดิ์มองว่า เป็นราคาที่ต่ำกว่าตลาด เนื่องจากโครงการใหม่โดยรอบสถานีบีทีเอสห้าแยกลาดพร้าวมีการเปิดขายในราคาเฉลี่ย 150,000-170,000 บาทต่อตารางเมตร จึงคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 40-50% ภายในช่วงต้นปี 2562

โครงการนี้อยู่ใกล้แหล่งงานจำนวนมาก เช่น เอสซีบีปาร์ค ตึกช้าง สำนักงานใหญ่การบินไทย สนามบินดอนเมือง ตึกชินวัตร 3 ตึกซันทาวเวอร์ส น่าจะได้รับความสนใจจากผู้ซื้ออยู่จริงภูมิภักดิ์กล่าว ทั้งนี้ แสนสิริยังให้ข้อมูลซัพพลายในย่านห้าแยกลาดพร้าวว่ามีคอนโดฯ ระหว่างขายอยู่ 3-4 โครงการ จำนวนรวมราว 2,000 ยูนิต ซึ่งดูดซับได้ดี มียอดขายเฉลี่ย 85%