เรียลแอสเสท อสังหาริมทรัพย์ในเครือไทยซัมมิท วางเป้าปี 2562 ปิดยอดขาย-ยอดโอน 2.7 พันล้านบาท เปิดตัวใหม่ 2 โครงการแนวราบย่านกิ่งแก้วและบางนา แผนระยะยาวจัดโครงสร้างองค์กร ดึงออฟฟิศบิลดิ้งจากไทยซัมมิทเข้าพอร์ต เล็งโอกาสทางธุรกิจด้านโลจิสติกส์และการออกกำลังกาย หวังเปิดไอพีโอได้ภายในปี 2565
บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงการเติบโตของบริษัทหลังจากก้าวสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มานาน 7 ปีว่า ปัจจุบัน เรียลแอสเสทมีการพัฒนาโครงการสะสม 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท โดยยังอยู่ระหว่างขายประมาณ 7 พันล้านบาท เช่น โครงการเดอะ สเตจ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์, ลาวีค สุขุมวิท 57, เอสทีค ทองหล่อ เป็นต้น
ในปี 2562 เรียลแอสเสทยังคงมีแผนพัฒนาต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิดตัว 2 โครงการแนวราบ ได้แก่
โครงการเซนส์ กิ่งแก้ว ทาวน์โฮมและบ้านแฝด เนื้อที่โครงการ 23 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท และ
โครงการวิรัณยา บางนา บ้านเดี่ยวจำนวน 150 ยูนิต เนื้อที่โครงการ 40 ไร่ มูลค่า 1.9 พันล้านบาท
ด้านเป้าหมายทั้งยอดขายและยอดรับรู้รายได้ตั้งเป้าเท่ากันที่ 2.7 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแบ็กล็อกอยู่แล้ว 3.9 พันล้านบาท ซึ่งจะโอนภายในปีนี้ 2.2 พันล้านบาทจากโครงการลาวีค สุขุมวิท 57 คอนโดมิเนียมลักชัวรีราคาเริ่มต้นยูนิตละ 10.9 ล้านบาทที่เตรียมทยอยโอนหลังสร้างเสร็จช่วงปลายไตรมาส 3
บดินทร์ธรกล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทมีงบลงทุนซื้อที่ดิน 3 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินเตรียมพัฒนาโครงการสำหรับปี 2563 คาดว่าจะมีการจัดซื้อที่ดินเนื้อที่ 4 ไร่ บริเวณถนนรัชดาภิเษก ราคาที่ดินราว 7 แสนบาทต่อตร.ว. เตรียมพัฒนาเป็นโครงการแนวสูงมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท เปิดขายในราคาประมาณ 1.5 แสนบาทต่อตร.ม. และยังคงมองหาที่ดินเพิ่มเติมสำหรับพัฒนาบ้านแนวราบ คาดว่าปี 2563 จะเปิดตัวได้อีก 3 โครงการ
“เราพยายามจะขึ้นโครงการแนวสูงให้ถี่ขึ้นเป็นปีละ 1 โครงการ จากเมื่อก่อนมีการพัฒนาทุก 2-3 ปี เพื่อให้ยอดโอนเข้ามาสม่ำเสมอ ส่วนแนวราบต้องการเปิดให้ได้ปีละอย่างน้อย 2-3 โครงการ” ซีอีโอเรียลแอสเสทกล่าว
ทั้งนี้ ที่ดินในพอร์ตของเรียลแอสเสท บดินทร์ธรกล่าวว่ามีสะสมไว้ไม่มากนัก ปัจจุบันมีที่ดินเนื้อที่ 180 ไร่ที่ถนนกิ่งแก้วซึ่งกำลังทยอยแบ่งแปลงพัฒนา แต่ที่ดินและสินทรัพย์ที่ถือทั้งในนามไทยซัมมิทและในนามส่วนตัวของครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจยังมีอยู่ เช่น ที่ดินใน จ.ชลบุรี ซึ่งถ้าหากมีความเหมาะสมก็สามารถโอนเข้ามาเพื่อพัฒนาได้
โอนพอร์ตเช่า เตรียมเปิดไอพีโอ
สำหรับบดินทร์ธรเป็นลูกชายคนสุดท้องวัย 26 ปีของตระกูลที่เข้ามารับตำแหน่งนี้แทนพี่ชาย
สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อ 1 ปีก่อน โดยเขาวางเป้าหมายระยะยาวของบริษัท ต้องการจะสร้างยอดขายให้ได้ 4-5 พันล้านบาท ยอดโอน 4 พันล้านบาท และมีแบ็กล็อกรอโอน 7 พันล้านบาทภายในปี 2565 เพื่อเตรียมตัวเปิดไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นอกจากการขยายโครงการอสังหาฯ เพื่อขายในแต่ละปี
บดินทร์ธรยังมีไอเดีย ‘restructure’ องค์กร ดึงพอร์ตอสังหาฯ ให้เช่าที่น่าสนใจที่ยังอยู่ในนามไทยซัมมิทหรือนามบุคคลเข้ามาอยู่ภายใต้เรียลแอสเสท เพื่อจะเป็นฐานรายได้ที่ดีให้กับบริษัทโดยมีโครงการที่จ่อโอนย้ายคือ ตึกไทยซัมมิท ถ.เพชรบุรี มูลค่าโครงการราว 3 พันล้านบาท และออฟฟิศบิลดิ้งใน London ประเทศอังกฤษ มูลค่าโครงการ 60 ล้านปอนด์ซึ่งถือในนามส่วนตัวของครอบครัว
บดินทร์ธรยังมองหาสินทรัพย์อื่นๆ ที่จะเข้ามาเสริมพอร์ตรายได้ค่าเช่าก่อนเปิดไอพีโอ เช่น ธุรกิจโรงแรม แต่คาดว่าจะใช้กลยุทธ์ควบรวมกิจการมากกว่าพัฒนาใหม่ ซึ่งยังไม่ได้มีการเจรจาในตลาดแต่มองหาโรงแรมที่มีมูลค่าราว 4 พันล้านบาทอยู่ในขณะนี้
วิสัยทัศน์ระยะยาว โลจิสติกส์-เทรนด์ออกกำลังกาย
ซีอีโอเรียลแอสเสทกล่าวต่อว่า ด้านมุมมองระยะยาวของเขาต่อบริษัทนี้ ต้องการต่อยอดแนวคิดใหม่ให้กับธุรกิจในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
“ส่วนตัวผมพยายามจะดูอะไรที่ใหม่กว่าบ้านและคอนโดฯ เช่น โลจิสติกส์ เพราะเทรนด์อี-คอมเมิร์ซกำลังมาแรง หรือพื้นที่สำหรับออกกำลังกายและกีฬาที่มาได้ทั้งครอบครัวและมีคุณภาพดี เนื่องจากตอนนี้พื้นที่แบบนี้ในกรุงเทพฯ มีแค่สวนลุมพินี สวนรถไฟ และสกายเลน สุวรรณภูมิ ครอบคลุมพื้นที่ไม่ได้ทั่วถึง เราจึงอยากดีไซน์พื้นที่แบบนี้ให้สังคมได้ใช้” บดินทร์ธรกล่าว
ทายาทหนุ่มยังมีแนวคิดด้านการใช้เทคโนโลยีในโครงการอีกด้วย โดยเขากำลังศึกษาเทคโนโลยี AI ที่สนับสนุนระบบ Facial Recognition เพื่อนำมาใช้ในการสแกนใบหน้าลูกบ้านในโครงการ ช่วยรักษาความปลอดภัยและเพิ่มความสะดวก ซึ่งหวังว่าจะได้เป็นโครงการแรกในไทยที่มีระบบ Facial Recognition ใช้งาน รวมถึงการใช้โดรนเพื่อดูแลความเรียบร้อยในโครงการ เช่น ใช้โดรนตรวจสอบสภาพสวนส่วนกลางในโครงการแนวราบที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งการใช้โดรนจะลดกำลังแรงงานคนสวนไปได้มาก
Forbes Facts
บดินทร์ธรเป็นน้องชายคนสุดท้องของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ รองจากพี่สาวและพี่ชายอีก 4 คน คือ ชนาพรรณ, ธนาธร, รุจิรพรรณ และ สกุลธร เขาเรียนจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of London ก่อนเรียนต่อปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์อสังหาริมทรัพย์และการเงินที่ The London School of Economics and Political Science (LSE) หลังเรียนจบบดินทร์ธรกลับเมืองไทย ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการความสัมพันธ์สินเชื่อที่ธนาคารทหารไทย 2 ปี ก่อนรับตำแหน่งในธุรกิจครอบครัว
อ่านเพิ่มเติม