บริษัทร่วมทุน บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ประกาศจับมือร่วมทุนกันพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เริ่มประเดิมเปิดตัวโครงการแรก เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต เมื่อปี 2558 จนถึงปัจจุบัน มีการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท และเริ่มโอนไปแล้ว 1 โครงการ คือ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71
โครงการร่วมทุนของบีทีเอส-แสนสิริที่เคยเปิดตัวมาทั้งหมดเป็นคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้แบรนด์ใหม่
เดอะ ไลน์ ที่กำเนิดขึ้นเฉพาะสำหรับบริษัทร่วมทุนนี้เพื่อเป็นแบรนด์สินค้าระดับกลาง-บน ก่อนจะใช้แบรนด์เดิมของแสนสิริ คือ
เดอะ เบส มาเสริมในกลุ่มสินค้าระดับกลาง
โดยเป้าหมายของ บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป คือจะเปิดให้ครบ 25 โครงการ มูลค่ารวม 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2562 และล่าสุดบริษัทได้แต่งตั้ง
“วรางคณา อัครสถาพร” ลูกหม้อที่ทำงานกับบมจ.แสนสิริมานาน 18 ปี ขึ้นเป็น ผู้จัดการทั่วไป
บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ซึ่ง
Forbes Thailand มีโอกาสได้พูดคุยกับวรางคณาถึงกลยุทธ์แผนการของบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ที่กำลังมาแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์
Q: แผนการบริษัทร่วมทุน บีทีเอส-แสนสิริ ปี 2560
A: ปีนี้วางแผนลงทุนทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท จะเปิดโครงการแรกคือ เดอะ เบส เพชรเกษม ในวันที่ 20-21 พ.ค.นี้ ถือเป็นโครงการระดับกลางราคาเฉลี่ย 90,000 บาทต่อตร.ม.
ส่วนอีก 3 โครงการจะเปิดช่วงครึ่งปีหลังของปี ทั้งหมดเป็นโครงการระดับกลางบน มี 2 โครงการที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทตอนต้น บอกกว้างๆ ได้ว่าอยู่ช่วงระหว่างสถานีอโศกถึงเอกมัย มีทั้งโครงการไซซ์ใหญ่และไม่ใหญ่มาก ส่วนอีกโครงการหนึ่งจะอยู่บริเวณถนนสีลม-สาทร เนื้อที่ไม่เกิน 2 ไร่ ยังไม่สรุปว่าจะใช้แบรนด์เดอะ ไลน์หรือจะเพิ่มแบรนด์ใหม่ขึ้นมา
ส่วนที่ดินอื่นๆ ที่เคยมีข่าว อย่างที่ดินบริเวณสถานีพญาไท ยังไม่อยู่ในแผนของบริษัทร่วมทุนปีนี้ และที่ดินยังอยู่กับบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
Q: อัพเดทยอดขาย-รายได้
A: มี 4 โครงการของบริษัทร่วมทุนที่ sold out ขายหมด 100% แล้ว ส่วนที่ยังเหลือขายคือเดอะ เบส การ์เดน-พระราม 9 ยอดขาย 90% และอีก 3 โครงการ คือ เดอะ ไลน์ พหล-ประดิพัทธ์, เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 และ คุณ บาย ยู ทองหล่อ 12 ยอดขายใกล้เคียงกันที่ 60%
ส่วนการโอน ปีที่แล้วโอนโครงการแรกคือ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ปีนี้จะมีอีก 1 โครงการโอนในช่วง Q4/60 คือ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต คาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณ 2,700 ล้านบาท ที่เหลือจะโอนต่อเนื่องถึงปีหน้า
Q: กลยุทธ์การตลาดปีนี้
A: แน่นอนว่าแบรนด์ เดอะ ไลน์ ที่แข็งแกร่งแล้วเราก็ยังต้องรักษาไว้ และบุกต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีนกับฮ่องกงที่เราแข็งแกร่งมากจากอานิสงส์ชื่อเสียงของทางบีทีเอส เราต้องรีบบุกต่อเพราะคู่แข่งเริ่มขยับเข้าไปในตลาดนี้แล้ว
แต่สิ่งที่จะเพิ่มเข้ามาคือเทคโนโลยีที่มากขึ้น หลังจากที่แสนสิริประกาศลงทุนใน
Property Tech (เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์) เราจะเริ่มนำเทคโนโลยีมาใช้ในปีนี้ เช่น ระบบโฮมออโตเมชั่น, ระบบ Online Booking, จ่ายเงินจองผ่าน Samsung Pay อีกส่วนคือการเชื่อมโยงกับบีทีเอส ที่ผ่านมาเรามีบัตรร่วมใช้เป็นบัตรแรบบิทกับบัตรเข้า-ออกคอนโดฯได้ในใบเดียว แต่ปีนี้จะเพิ่มขึ้น มีไอเดียเช่น แอพพลิเคชั่นของแสนสิริ-บีทีเอสที่รวมกันใช้ในแอพฯเดียว เพื่อความสะดวกมากขึ้น
Q: ผลตอบรับ Online Booking
A: เปิดระบบนี้ครั้งแรกในการจองเดอะ เบส เพชรเกษม เมื่อวันที่ 13 พ.ค.60 กันห้องไว้ให้ลูกค้าจองออนไลน์ 50 ยูนิต วันนี้มีจองเข้ามาแล้ว 30 ยูนิต ถือว่าน่าพอใจ หลังจากนี้จะมีระบบจองออนไลน์ก่อนเปิดแกรนด์โอเพนนิ่งที่สำนักงานขายในทุกโครงการแนวสูงของแสนสิริ เพราะมองว่าระบบนี้มีข้อดีที่ทำให้ลูกค้าสะดวกสบายขึ้น ฝั่งบริษัทเองจะประหยัดการทำงานของเซลส์ ลูกค้าสามารถศึกษาข้อมูลทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ตได้ และประหยัดการใช้เอกสาร
Q: มีการลงทุนใน Property Tech หรือยัง
A:
batch แรกเราได้สตาร์ทอัพมา 10 กว่าทีม เป็นทีมคนไทยทั้งหมด ขณะนี้กำลังศึกษากันอยู่ว่าจะมีทีมไหนที่น่าสนใจจึงยังไม่ได้ลงทุน แต่ที่จริงสตาร์ทอัพบางทีมไม่ได้ต้องการเงินทุนแต่ต้องการทรัพยากรของเราในการทดลองจริงมากกว่า