เทคโนโลยียิ่งล้ำหน้าคนยิ่งเดินทาง เพราะไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกก็เชื่อมต่อการทำงานได้ จึงเกิดนิยามการท่องเที่ยวที่เรียกว่า “Bleisure” การเดินทางเพื่อทำงานและท่องเที่ยวแบบไร้ข้อจำกัด
ความจริง Bleisure ไม่ใช่สิ่งใหม่ในธุรกิจโรงแรม มันคือการรวมกันของ business และ leisure ซึ่งดีมานด์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนมีอิสระที่จะเดินทางเพื่อไปทำงานและพักผ่อนในเวลาเดียวกัน เป็นเทรนด์น่าสนใจของธุรกิจท่องเที่ยว และยังมีอีกหลายเทรนด์ที่ทั้งสนุกและตื่นตาตื่นใจที่มาจากพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค
“Bleisure เป็นสิ่งที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ คนจะใช้เวลา 1 เดือนพักโรงแรมในเมือง โดยทำงานในระหว่างวัน เที่ยวชมเมืองในช่วงค่ำ และออกไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในสุดสัปดาห์” Rajeev Menon ประธาน แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนลเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีน) เล่าถึงเทรนด์ที่กำลังมาแรงในธุรกิจโรงแรมให้ทีมงาน Forbes Thailand ได้อัปเดตความเคลื่อนไหวแมริออทในฐานะเชนโรงแรมอันดับ 1 ของโลก บริหารโรงแรมกว่า 30 แบรนด์ใน 138 ประเทศ ครอบคลุมตลาดทุกเซกเมนต์ตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงลักชัวรี่
เอเชียแปซิฟิกมาแรง
แม่ทัพแมริออท เอเชียแปซิฟิก ผู้นี้เป็นชาวอินเดียโดยกำเนิด คร่ำหวอดในธุรกิจโรงแรมที่พัก (hospitality) มานานกว่า 30 ปี (ร่วมงานกับแมริออทกว่า 20 ปี) Rajeev มีความหลงใหลในธุรกิจโรงแรม เขาไต่เต้าจากผู้บริหารระดับกลางก้าวสู่ผู้บริหารสูงสุด แมริออท ดูแลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีน) APEC ครอบคลุมธุรกิจ 21 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โรงแรมและรีสอร์ตมากกว่า 460 แห่งอยู่ภายใต้การดูแลของเขา ซึ่งครอบคลุม 23 แบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงมุมมองแน่นอนข้อมูลเหล่านั้นมาจากโรงแรม-รีสอร์ตที่เขาดูแลทั้งหมดในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ตลาดใหญ่ของการท่องเที่ยวโลก Rajeev ย้ำว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวในเอเชียแข็งแกร่งมาก เขามักพูดเสมอว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้เห็นพลังของการเดินทาง เมื่อทุกคนถูกกักตัวอยู่กับบ้านในช่วงโควิดทำให้ตระหนักว่าไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าเสรีภาพและการเดินทาง
“ปี 2562 มาถึง 2567 เราพบว่า RevPAR รายได้ต่อห้องเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยกว่า 30%” ตัวเลขนี้สะท้อนความแข็งแกร่งของแมริออทว่ามีการเติบโตค่อนข้างสูง และสิ่งที่พบอีกอย่างคือ มีการลงทุนใหม่จำนวนมากกำลังเข้ามาในธุรกิจโรงแรม มีข้อตกลงใหม่ๆ และมีโอกาสในการเติบโตมากมายมองย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนนั้นแมริออทได้เข้าร่วมกิจการกับสตาร์วูดในเดือนกันยายน ปี 2559 ทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกรวมถึงจีน แมริออทมีโรงแรมในเครือประมาณ 550 แห่ง แต่ภายในสิ้นปีนี้ (ปี 2567) แมริออทจะมีโรงแรมในเครือมากกว่า 1,200 แห่ง
เดินทางท่องเที่ยวคึกคัก
Rajeev บอกว่า ในแง่ของการเดินทางและการท่องเที่ยวทุกประเทศกำลังเติบโต ประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียแปซิฟิกไม่รวมจีนตอนนี้คืออินเดีย แต่ก็เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งมากในเกาหลีเช่นกัน นอกจากนี้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยก็กำลังฟื้นตัว ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวขาเข้าญี่ปุ่นแข็งแกร่งมาก ญี่ปุ่นขับเคลื่อนโดยผู้คนที่เดินทางเข้าไป เพราะทุกคนชอบญี่ปุ่น คนไทยก็ชอบญี่ปุ่น พวกเขาอยากไปสัมผัสประสบการณ์ ทำให้ญี่ปุ่นมีนักเดินทางขาเข้าเติบโตอย่างมากในทุกด้าน
“Loyalty Program ของเรา Marriott Bonvoy เปิดตัวทั่วโลกเมื่อราว 5 ปีที่แล้วในปี 2562 ตอนนี้มีสมาชิกมากกว่า 203 ล้านคน เป็นโปรแกรมด้านบริการที่ใหญ่ที่สุดในโลก” เขาเผยด้วยว่า ในเอเชียแปซิฟิกสมาชิกเติบโตขึ้นกว่า 50% ตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด โดยปัจจุบันเฉพาะในเอเชียมีสมาชิก Marriott Bonvoy กว่า 65 ล้านคน และกำลังเติบโตในอัตราที่รวดเร็วมาก
“นักเดินทางไม่ว่าจากอินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม จีน หรืออินเดียต่างมองหาโรงแรมในเครือ Marriott เพื่อเข้าพัก ทำให้สิ้นไตรมาสแรกปีนี้กว่า 64% ของการเข้าพักของเราขับเคลื่อนมาจากสมาชิก” นับเป็นความแข็งแกร่งของ Loyalty Program Marriott Bonvoy
อีกสิ่งที่เห็นชัดเจนคือ พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (wellness) กลายเป็นความหรูหราแบบใหม่ ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเองมากขึ้นเมื่อเดินทาง พวกเขาพยายามกินดี นอนดี อยู่ดี และมีส่วนร่วมกับโรงแรมในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เช่น การเพิ่มขึ้นอย่างมากของคำขออาหารวีแกนหรือมังสวิรัติ ความต้องการที่มากขึ้นในส่วนของกิจกรรมเพื่อสุขภาพที่ไกลกว่าประสบการณ์สปา ดังนั้น โรงแรมต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าเหล่านี้
เอาใจ “นักล่าความสนุก”
Rajeev บอกว่า แมริออทมีโครงการริเริ่มหลายอย่างเพราะลูกค้ามักมองหาพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้น พวกเขาต้องการการเชื่อมต่อที่ดี อยากจะเน้นเรื่องสุขภาพและสุขภาวะที่ดี นั่นคือสิ่งที่แมริออทต้องให้บริการที่ครอบคลุม ในแต่ละแบรนด์มีตัวเลือกมากมายเมื่อคิดถึงรีสอร์ตใหม่ๆ ที่แมริออทกำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้
“เรากำลังสร้างวิลล่าจำนวนมากเป็นวิลล่า 2-3-4 ห้องนอน ในอดีตเราจะมุ่งเน้นไปที่โรงแรม รีสอร์ต มีวิลล่าเพียง 2-3 หลัง ตอนนี้เปลี่ยนไป เพราะคนกำลังมาและใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นในฐานะครอบครัว” Rajeev ย้ำและว่า ในบางกรณีพบว่าปู่ย่าตายายเป็นผู้สนับสนุนการเดินทางทั้งหมดเพื่อให้ทุกคนได้มาอยู่ด้วยกัน ซึ่งหมายความว่า ถ้าทำแบบนี้ในเมืองทุกคนจะแยกย้ายกันไป แต่เมื่ออยู่ในรีสอร์ตด้วยกันพวกเขาต้องอยู่ด้วยกันเป็นเวลา 7-8-10 วัน ได้ใช้เวลาครอบครัวที่ดีที่สุดด้วยกัน
Rajeev ย้ำว่า แมริออทมีทั้งหมด 31 แบรนด์ทั่วโลก มีทั้งแบรนด์หรูอย่าง Ritz-Carlton, St Regis, Ritz-Carlton Reserve และพาร์ตเนอร์กับ Bulgari มีแบรนด์หรูที่แข็งแกร่งมากในระดับ premium, upper, upscale แต่แบรนด์ที่เห็นโอกาสจริงๆ คือ Moxy ซึ่งทำมา 10 ปีแล้ว
แบรนด์นี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับ “นักล่าความสนุก” (fun hunters) คนที่อยากออกไปสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่นและสนุกสนาน ดังนั้น เมื่อพวกเขาเดินไปรอบๆ จะเห็นว่าโรงแรมนี้ถูกออกแบบมาแตกต่างมาก เป็นการออกแบบร่วมกับบริษัทเฟอร์นิเจอร์ดัง IKEA ซึ่งทำให้โรงแรมใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘วรพนิต รวยรุ่งเรือง’ ความท้าทายระดับโกลบอล The Reignwood Legacy