นำพล มลิชัย ผนึกกำลังติดปีก SCGD - Forbes Thailand

นำพล มลิชัย ผนึกกำลังติดปีก SCGD

ความเชี่ยวชาญบนเส้นทางธุรกิจเซรามิกและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยกว่า 30 ปี ผสมผสานประสบการณ์ ปรับโครงสร้างองค์กรพร้อมนำทัพรวมพลัง COTTO ร่วมกับ SCG Decor ยกระดับความแข็งแกร่งในธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ครบวงจรแห่งภูมิภาคอาเซียน


    การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ของธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ (decor surface & bathroom) ซึ่งเป็นแฟลกชิปสำคัญในเครือปูนซิเมนต์ไทยได้รับความสนใจทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมและด้านการลงทุนจากการประกาศรวมธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกปูพื้น ผนัง และสุขภัณฑ์ ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย พร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์การเป็นผู้นำในอาเซียนและสร้างความยั่งยืนด้วยมาตรฐานระดับโลก ภายใต้การขับเคลื่อนของ นำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (SCGD)

    “ผมอยู่กับ SCG 30 ปีแล้ว เนื่องจากเป็นองค์กรใหญ่ มีหน้างานหลากหลาย ทำให้เรามีประสบการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากทำงานสินเชื่อในธนาคารประมาณปีกว่าก็คิดว่า passion ของเราเป็นธุรกิจที่ออกไปข้างนอกจึงตัดสินใจเปลี่ยนงานเข้ามาในปูนซิเมนต์ไทย โดยเรามีประสบการณ์ sourcing สินค้าจากจีนเป็นกลุ่มแรกๆ จนกระทั่งไปเป็น VP Sales and Marketing ดูแลแบรนด์ Mariwasa ที่ฟิลิปปินส์ 4 ปี และมีโอกาสเรียนรู้งานรีเทลจากการเข้าไปช่วยกลุ่มโกลบอลเฮ้าส์วางรากฐานขยายธุรกิจ รวมถึงได้เข้าไปดูแบรนด์ KIA ที่อินโดนีเซีย 3 ปี ก่อนจะได้รับมอบหมายให้เข้ามาช่วยปรับโครงสร้างการรวมธุรกิจเซรามิก 5 บริษัท และเป็นกรรมการผู้จัดการถึงวันนี้ก็ 5 ปีจนขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในเมืองไทย”

    นำพลกล่าวถึงประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาผสมผสานกับการศึกษาปริญญาตรี บริหารธุรกิจ (การเงิน) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเริ่มต้นร่วมงานกับ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) นับตั้งแต่ปี 2537 จากการเป็นนักวิเคราะห์และผู้แทนขายของบริษัท จนกระทั่งขยับเป็นผู้จัดการกลุ่มไฟฟ้าและอุปกรณ์ บริษัท ซิเมนต์ไทยการค้าปลีก จำกัด ซึ่งขณะนั้นยังได้รับมอบหมายให้ดูแลแบรนด์ Mariwasa ที่ประเทศฟิลิปปินส์ในตำแหน่ง Vice President Sales and Marketing, Mariwasa Siam Ceramic Inc. เมื่อปี 2549

    หลังแสดงฝีมือปรับโครงสร้างขยายธุรกิจได้สำเร็จจึงเดินทางกลับประเทศไทยในปี 2553 เพื่อรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี แลนด์สเคป จำกัด และ บริษัท สระบุรีรัชต์ จำกัด จนได้รับมอบหมายให้เป็น Director-Global House Project เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และ Vice CEO: Business Development บริษัท สยามโกลบอลเฮาส์ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งยังดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลเฮ้าส์ แฟรนไชส์ (เมียนมา) จำกัด กรรมการ บริษัท สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ มหาชน และ President Director, PT Keramika Indonesia Assosiasi Tbk ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมให้นั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ในปี 2562 และแต่งตั้งเป็นผู้นำทัพธุรกิจเอสซีจีเดคคอร์ในปัจจุบัน

    “ทาง SCG เห็นว่าเรามีความพร้อมในธุรกิจเซรามิกซึ่งเป็นอันดับ 1 แล้ว จึงถือโอกาสปรับโครงสร้างอีกครั้งโดยนำ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ ขึ้นมาเป็นบริษัทแกนนำที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน COTTO ซึ่งการรวมกันครั้งนี้เราน่าจะได้ใช้ประสบการณ์จากการอยู่ในแวดวงธุรกิจมากกว่า 15 ปี และการทำงานในวัสดุก่อสร้าง 30 ปี กับทุกประเทศที่อยู่ภายใต้บริษัทนี้ ทั้ง Mariwasa ที่ฟิลิปปินส์ KIA อินโดนีเซีย และ Prime เวียดนาม โดยเราเข้าไปช่วยดูเรื่องตลาดประมาณ 1 ปีในช่วงที่เราเข้าซื้อกิจการเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ทำให้เข้าใจโครงสร้างบริษัทและพฤติกรรมลูกค้าเวียดนาม ดังนั้น ผมมั่นใจในความพร้อมที่จะนำประสบการณ์ทั้งหมดมาขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน”


เปิดกลยุทธ์เดินเกมรุกอาเซียน

    ภารกิจการรวมพลังความแข็งแกร่งธุรกิจตกแต่งพื้น ผลิตและสุขภัณฑ์ (decor surfaces & bathroom) พร้อมช่องทางจัดจำหน่ายทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนภายในอาณาจักร SCG Decor ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใต้ชื่อย่อ “SCGD” ประกอบด้วย บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศไทย มียอดขายกระเบื้องเซรามิกเป็นอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 33% และ บริษัท สยามซานิทารีแวร์ จำกัด (SSW) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ในประเทศไทยและส่งออกไปต่างประเทศ มียอดขายสุขภัณฑ์เป็นอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 32.8%  (ข้อมูลปี 2564 อ้างอิงจาก Euromonitor)

    นอกจากนั้น บริษัทยังมีธุรกิจในต่างประเทศ ได้แก่ Prime Group ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศเวียดนาม มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 26.4% และบริษัท Mariwasa-Siam Ceramics, Inc (MSC) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศฟิลิปปินส์ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 16.8% รวมถึง PT Keramika Indonesia Assosiasi, Tbk (KIA) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรสูงสุดในภูมิภาคอาเซียนจำนวน 274 ล้านคน (อ้างอิงจาก Euromonitor ปี 2564)

    “เดิม SCG ทำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในอาเซียนอยู่แล้ว โดยกระเบื้องเราเป็นอันดับ 1 ในไทย และเป็นผู้นำในอาเซียน ส่วนสุขภัณฑ์เป็นอันดับ 1 ในไทยและอยู่ในกลยุทธ์ของเราในการสร้างการเติบโตให้เป็นเบอร์ 1 ในอาเซียน ด้วยการใช้ความสามารถในธุรกิจสุขภัณฑ์บวกกับความเข้มแข็งในธุรกิจเซรามิกทำให้เราเป็นผู้เล่นสำคัญในอาเซียนที่เป็นตลาดขนาดใหญ่และประชากรจำนวนมาก”

    สำหรับธุรกิจหลักของบริษัทในปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจตกแต่งพื้นผิว (decor surfaces) โดยผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น บุผนังในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย พร้อมทั้งส่งออกกว่า 53 ประเทศทั่วโลก เช่น แบรนด์ COTTO, Sosuco, Campana, Prime, Premier, Mariwasa, Luxurio, KIA, Impresso เป็นต้น ผลิตภัณฑ์กระเบื้องไวนิล SPC และกระเบื้องไวนิล LVT รวมถึงผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง เช่น กาวซีเมนต์ กาวยาแนว เป็นต้น นอกจากนั้น บริษัทยังมีธุรกิจสุขภัณฑ์ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำอุปกรณ์ห้องน้ำในประเทศไทย และส่งออกกว่า 29 ประเทศ เช่น แบรนด์ COTTO, Sosuco เป็นต้น และธุรกิจอื่นๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจติดตั้งอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์

    “จุดแข็งของเรามี 6 ด้านที่ทำให้ได้เปรียบเหนือคู่แข่งคือ เราเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนจากส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในกลุ่มวัสดุตกแต่งพื้นผิวที่ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และประสบการณ์ยาวนาน ทำให้มีความเข้าใจลูกค้า เศรษฐกิจ สังคม เรามีจุดแข็งเรื่องแบรนด์สินค้าครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เรามีทีม R&D วิจัยพัฒนาและทีมดีไซเนอร์พัฒนาสินค้านวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เรามีโรงงานที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยและใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง ถัดมาเป็นเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายของเราที่ครอบคลุมอาเซียนและส่งออก 50 ประเทศทั่วโลก หมายความว่าคุณภาพของเราสามารถส่งออกได้ทั่วโลก สุดท้ายเรื่อง ESG ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจ และเราทำมาตลอดจาก DNA ความเป็น SCG โดยเราจะใช้จุดแข็งเหล่านี้ประสานพลังทั้งหมดของเราขยายในอาเซียน”

    ภายใต้เป้าหมายการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ที่สร้างแรงบันดาลใจและสร้างสรรค์พื้นที่แห่งความสุข ด้วยนวัตกรรมที่ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน นำพลเชื่อมั่นในความสำคัญของบุคลากรบริษัทที่มีส่วนร่วมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะผ่านการจัดฝึกอบรมและส่งเสริมให้ทีมงานได้ใช้ศักยภาพหรือความสามารถอย่างเต็มที่

    “ถ้าเราต้องการผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลง เราจะทำแบบเดิมไม่ได้ ดังนั้น เราจึงส่งเสริมให้ทีมงานทำเรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอ อย่างช่วงที่ทำ SCG Ceramics ผมได้ตั้งกลุ่มที่เรียกว่า New Growth ขึ้นมา โดยคัดทีมงานรุ่นใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาทำเป็นกลุ่มย่อยให้ชื่อว่า กลุ่มเถ้าแก่น้อย เพื่อเริ่มสร้างธุรกิจใหม่และให้คนในทีมบริหารจัดการกันเอง  ซึ่งผมมีหน้าที่สนับสนุนให้คำแนะนำและงบลงทุน ทำให้เรามีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถช่วยให้ธุรกิจเติมโตเพิ่มมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีพลังซ่อนอยู่ในตัวเอง หากเราสามารถดึงพลังให้เขาปลดปล่อยออกมาได้ก็จะดีกับตัวเขาและส่งผลดีกับองค์กรในที่สุด”


ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Harald Link นักธุรกิจผู้อารี ผสานพันธมิตร สร้าง บี.กริม เติบโตคู่สังคม

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine