นอกจากมีชื่อเสียงในฐานะดาราและเซเลบแล้ว เธอยังมีดีเอ็นเอความเป็น 'ผู้ประกอบการ' ที่มีทั้ง passion ความกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะแตกต่าง รวมทั้งความใส่ใจอย่างละเอียดต่อทุกธุรกิจที่เธอลงทุนลงแรงทำมากที่สุดคนหนึ่ง วันนี้
Passion One “นาฏก” ด้วยรักในนาฏศิลป์ไทย
นุ่นเริ่มต้นทำธุรกิจเมื่ออายุได้เพียง 20 ปีเศษ โดยธุรกิจแรกที่ทำคือโรงเรียนสอนนาฏศิลป์เล็กๆ นาม
“นาฏก” (อ่านว่า นาด-ตะ-กะ แปลว่า นาฏศิลป์) ซึ่งเพิ่งปิดตัวลงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากเปิดสอนมานานกว่า 12 ปี ด้วยเงื่อนไขทางธุรกิจและทั้งเทรนด์ความสนใจของผู้เรียนที่เน้นหนักไปทางแนวสากลมากกว่านาฏศิลป์ไทย
“ยอมรับว่าใจหาย เพราะเป็นธุรกิจแรกและเป็นสิ่งที่เราชอบ แต่ต้องบอกเลยว่าธุรกิจนี้หินมาก คนที่ลงมาทำนุ่นยังไม่เห็นใครรอดสักราย อย่าว่าแต่รวยเลย ขนาดโรงเรียนสอนร้องเพลงยังอยู่ไม่ได้ แล้วของนุ่นจะอยู่ได้อย่างไร จริงไหม” (ยิ้ม)
ระหว่างที่ทำโรงเรียนสอนนาฏศิลป์ไทย “นาฏก” นั้น นุ่นเคยทำโครงการ “ทูตน้อยวัฒนธรรมไทย” มีการพาเด็กๆ ที่ชนะการประกวดไปจัดแสดงอวดเอกลักษณ์นาฏศิลป์ไทยในต่างประเทศทั้งที่ฝรั่งเศสและอังกฤษ
นุ่นยอมรับว่า การทำโครงการทูตน้อยวัฒนธรรมไทยโดยเฉพาะการได้พาเด็กๆ ไปแสดงฝีมือในต่างประเทศ ถือเป็นความทรงจำระดับครั้งหนึ่งในชีวิตของเด็กๆ เป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก แม้จะเหนื่อยมากและไม่ได้ผลกำไรที่เป็นตัวเงินเลย แต่เธอยืนยันว่าความสุขจากการ “ได้ลงมือทำ” นั้น ถือเป็นกำไรแล้ว
Passion Two The Peace Condominium
จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการสร้าง
The Peace Condominium ของนุ่นในวัยเพียง 27 ปี และยังไม่เคยมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ เกิดจากความที่เธอมีครอบครัวใหญ่ และต้องการสถานที่สักแห่งที่ทั้งครอบครัวจะมาอยู่อาศัยร่วมกัน แต่ด้วยวิธีคิดแบบผู้ประกอบการ จึงคิดว่าน่าจะใช้เงินสร้างบ้านเพื่อครอบครัวนั้น มาลงทุนให้เกิดดอกออกผลด้วยน่าจะดีกว่า
แล้ววันหนึ่งนุ่นก็ได้พบที่ดินผืนที่ต้องการขนาด 182 ตารางวาในซอยลาดพร้าว 15 อันเป็นที่ตั้งของโครงการ The Peace Condominium ในปัจจุบัน
“นุ่นเป็นคนชอบเสี่ยง ถ้าประเมินแล้วว่าสิ่งนั้นมัน ‘พอไหว’ ก็ลองดู...”
โครงการ The Peace Condominiumจึงถือกำเนิดขึ้นด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 80 ล้านบาท ประกอบด้วยที่ดินที่ซื้อด้วยเงินสดกว่า 10 ล้านบาท และค่าก่อสร้างตกแต่งรวมอีกกว่า 70 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินกู้เพียง 30 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 7 ชั้น จำนวนรวม 27 ยูนิต ในราคาตั้งแต่ยูนิตละ 3 ล้านต้นๆ ไปจนถึง 6.99 ล้าน
“...อสังหาริมทรัพย์เป็น passion หนึ่งของนุ่น ถ้าต่อไปมีเงินสักก้อนที่จะไม่ทำให้ต้องกังวลปวดหัว และมีคอนเซปต์ดีๆ นุ่นอาจทำอีกก็ได้ แต่ตอนนี้ยังก่อนดีกว่า”
Passion Three WORRA: the Passion for Fashion
นุ่นบอกว่า passion ของเธอนั้นมีหลายมิติ และแน่นอน “แฟชั่น” เป็นหนึ่งในนั้น แบรนด์
WORRA ถือกำเนิดขึ้นจากการประดิดประดอยเสื้อผ้าเป็นสไตล์ต่างๆ ตามแฟชั่นที่เธอชื่นชอบและอยากได้แต่ไม่มีขายในเมืองไทย หรือถึงมีราคาก็สูงลิบหยิบไม่ติดมือ
นุ่นตกแต่งแปลงโฉมเสื้อผ้าแบบที่เธอชื่นชอบขึ้นมาใช้เอง จากนั้นก็โพสต์ลง IG มีเสียงตอบรับดี เธอก็ผลิตออกมาขายบน IG ด้วยในแบบ Limited Edition
หนึ่งในสินค้าที่เธอขายผ่านออนไลน์จนโด่งดังกลายเป็น trend setter ในเวลานั้นก็คือ “หมวกปานามา” ซึ่งเธอเลือกสรรแบบและนำเข้าจากประเทศเอกวาดอร์มาจำหน่าย ตามมาด้วยธุรกิจการทำชุดแต่งงานไอเดียใหม่
นุ่นสนุกกับธุรกิจชุดเจ้าสาวอยู่ 2 ปี และแม้จะมีกำไรดี แต่ก็มีดีเทลจุกจิกและกินเวลาของเธอไปมหาศาล เธอจึงตัดสินใจหยุดธุรกิจนี้ไปก่อน
Passion Four WORRA BY WORANUCH the Passion for Beauty
Passion ล่าสุดคือธุรกิจปัจจุบันที่เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2560 ในรูปของผลิตภัณฑ์กลุ่มคอสเมติกส์ภายใต้แบรนด์
“WORRA BY WORANUCH” พร้อมด้วย flagship product อย่าง WORRA BY WORANUCH Brightening Day and Overnight Cream ครีมบำรุงผิวทั้งกลางวันและกลางคืนในรูปของเนื้อเจลใสสีฟ้าอ่อน ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติและปลอดสารก่อภูมิแพ้ 100% ภายใต้บรรจุภัณฑ์สีดำ-ทองเพื่อตอกย้ำ brand’s positioning ที่กำหนดไว้ให้เป็นกลุ่ม luxury & high-end
WORRA BY WORANUCH เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท ยอดขายหลังเปิดตัว 1 ปีอยู่ที่ 50 กว่าล้านบาทโดยคาดหวังผลประกอบการยอดขายภายในสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 150 ล้านบาท ผ่านช่องทางการขายหลักคือ official website www.worraofficial.com และออนไลน์มีเดียอื่นๆ ของบริษัท รวมทั้งมีแผนการทำตลาดส่งออกโดยมุ่งเป้าไปยังประเทศจีน
Passion Five The Next WORRA ธุรกิจชุดไทยระดับไฮเอนด์
Passion สุดท้ายสะท้อนความรักของนุ่นที่มีต่ออีกหนึ่งศิลปะไทย นั่นคือผ้าไทยและชุดเครื่องประดับไทย ที่แม้ว่ายังไม่เปิดตัวในฐานะธุรกิจใหม่ แต่ก็อยู่ในแผนที่นุ่นเตรียมการไว้มานานและตั้งใจว่าน่าจะเป็นรูปธรรมทางธุรกิจได้ภายในไม่เกินปี 2562
“ไม่ได้เกาะกระแสอะไรเลย เพราะที่จริงนุ่นชอบ สนใจ ศึกษา และซื้อหาผ้าไทยกับชุดเครื่องประดับไทยไว้สะสมมานานแล้ว”
นุ่นอธิบายเสริมว่าผ้าไทยของเธอแตกต่างและมุ่งตอบโจทย์ลูกค้าในระดับไฮเอนด์เพราะราคาแต่ละผืนอยู่ในเกณฑ์เกือบหรือไม่ก็เกินหกหลักทั้งสิ้น
นุ่นตั้งใจนำคอลเล็คชั่นแสนรักทั้งสองมาแปรเป็น
“ธุรกิจให้เช่าชุดไทยและเครื่องประดับไทย” ที่จะมีจุดขายหลักคือการออกแบบตัดเย็บชุดไทยด้วยผ้าไทยสุด unique ในรูปแบบที่ถูกต้องของยุคสมัยต่างๆ ให้สวยงามในระดับเลิศ พร้อมด้วยเครื่องประดับทองคำแท้ที่อ่อนช้อยงดงามด้วยหัตถศิลป์ไทย โดยมุ่งตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายกำลังซื้อสูง ทั้งลูกค้าที่รักผ้าไทย ชุดไทย และลูกค้ากลุ่มงาน wedding
“นุ่นต้องใช้เวลาอีกสักพักในการสะสมผ้าและสั่งชุดเครื่องประดับให้ได้จำนวนมากพอจะนำมาใช้จัดเซต mix & match สำหรับลูกค้า เพราะผ้าแต่ละผืนกว่าจะได้มาต้องใช้เวลาทอราว 6-12 เดือน ก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ใจเย็นๆ รอได้ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เรารัก และคิดเสมอว่าเราจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ต้องเริ่มต้นจากการทำสิ่งที่เราชอบ เรารักเสมอ มันคือ passion”
เรื่อง: พัทธนันท์ ศิริสิงห์อำไพ
ภาพ: กิตตินันท์ สังขนิยม