ภาพลักษณ์ของ “ชาญอิสสระ” คือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดลักชูรีซึ่งครอบคลุมทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม และรีสอร์ต ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่างหัวหิน รวมถึงหาดนาใต้ ทำเลตากอากาศสุดฮอตในพังงาที่กำลังขึ้นชื่อ
โดยในลิสต์รายชื่อบิ๊กเนมบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรีจะต้องมีชื่อ “ชาญอิสสระ” เจ้าของและผู้พัฒนาโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต หนึ่งในรีสอร์ตหรูระดับโลกรวมอยู่ด้วยเสมอ
“จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นหลังเกิดโควิด-19 ที่ทำให้คนหันมาให้ความสำคัญกับการพักอาศัยในบ้านที่มีพื้นที่มากเพียงพอสำหรับสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น ทำให้บ้านลักชูรีที่เป็นบ้านแนวราบมีการเติบโตขึ้นมาก จากสัดส่วนในตลาดเพียง 5% เพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็น 15% ของทั้งตลาดที่อยู่อาศัย
“การอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมแม้จะมีพื้นที่มากระดับ 400-500 ตารางเมตรก็ไม่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุคใหม่ ขณะที่บ้านเดี่ยวมีพื้นที่ มีบริเวณที่สามารถใช้ชีวิตภายในบ้านและนอกบ้านได้ แม้การอยู่บ้านเดี่ยวอาจจะต้องอยู่ในทำเลที่ไกลจากใจกลางเมืองก็ตาม”
นอกจากคนไทยแล้ว ชาวต่างชาติก็ให้ความสำคัญกับการอยู่บ้านเดี่ยว เพราะการอยู่อาศัยในประเทศไทยมีความปลอดภัย บ้านดีมีคุณภาพ มีการออกแบบที่ดี และยังมีปัจจัยด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ อาหารอร่อยและมีให้เลือกมากมาย ส่งผลให้ตลาดบ้านเดี่ยวระดับหรูมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก
สงกรานต์ได้ประเมินภาพในอนาคตว่า ตลาดบ้านระดับอัลตราลักชูรีที่มีราคา 100 ล้านบาทขึ้นไปจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการเติบโตอาจไม่มากเท่ากับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะในปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ตลาดชะลอตัว ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจในประเทศ อัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีปัญหา ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดนี้เติบโตลดลง ขณะที่การแข่งขันก็อยู่ในระดับสูง เพราะปัจจุบันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ต่างก็เปิดโครงการและพัฒนาบ้านระดับอัลตราลักชูรีกันแทบทุกบริษัท
สำหรับแนวทางในการพัฒนาโครงการบ้านระดับอัลตราลักชูรี สงกรานต์มองว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาโครงการประสบความสำเร็จและสามารถชนะใจลูกค้าได้ยังคงเป็นเรื่องพื้นฐานของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่มีความพิเศษเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าตลาดบน
ส่วนปัจจัยความสำเร็จ ได้แก่ ทำเลตั้งอยู่กลางเมืองเพื่อความสะดวกในการเดินทาง มีระบบคมนาคมขนส่งที่ช่วยทำให้การเดินทางไปพื้นที่ต่างๆ สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน อยู่ติดหรือใกล้สถานีรถไฟฟ้า นอกจากนี้ โครงการต้องตั้งอยู่ใกล้สถานที่สำคัญๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า เช่น โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้าชั้นนำ เป็นต้น
“ปัจจุบันการพัฒนาบ้านราคา 100 ล้านบาทยังคงใช้ปัจจัยพื้นฐานเหมือนในอดีต แต่มีการเพิ่มหรือมีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำให้บ้านมีความโดดเด่น เช่น การมีห้องนั่งเล่นหลายห้องเพื่อให้สมาชิกครอบครัวอยู่กันได้หลายเจเนอเรชัน การให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวมากขึ้น และมีบริเวณสำหรับจอดรถหรูที่โชว์ได้ เช่น ทำห้องกลาสเฮาส์ เพราะลูกค้ากลุ่มลักชูรีชอบโชว์รถ ชอบมองดูรถของตัวเองเวลาอยู่บ้าน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงไม่พ้นความลักชูรีและความเป็นส่วนตัว”
หนึ่งในโครงการที่ซีอีโอวัย 68 ปีภูมิใจคือ Issara Residence Rama 9 (อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9) เป็นบ้านเดี่ยวซูเปอร์ลักชูรีขนาด 3 ชั้น จำนวน 20 หลัง บนเนื้อที่ 9 ไร่ ในถนนพระราม 9 ซอย 13 ได้รับการออกแบบถ่ายทอดแนวคิดผ่านความเป็น modern tropical ที่เรียบง่าย ให้ความรู้สึกอยู่สบายตามวิถีคนยุคใหม่ แต่ไม่ทิ้งหลักการของธรรมชาติ มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 721-1,200 ตารางเมตร ในราคา 159-290 ล้านบาท
ในอนาคตบริษัทจะยังคงพัฒนาโครงการบ้านหรูอย่างต่อเนื่อง แต่ระดับราคาเฉลี่ยอาจจะอยู่ที่หลังละ 50 ล้านบาท เพราะยังไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในระดับราคา 50 ล้านบาทนี้ ลูกค้าน่าจะตัดสินใจซื้อง่าย โดยในโครงการยังคงมีบ้านราคา 100 ล้านบาทขึ้นไปผสมอยู่ด้วย และจะเพิ่มเทรนด์ใหม่ๆ เช่น การประหยัดพลังงานเข้ามาเสริม
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : หัวหินยังฮอตเป็นบ้านหลังที่ 2 ร่วมอิสสระ ทุ่มงบกว่า 1,700 ล้าน เปิดโครงการใหม่ SASA Hua Hin