เรื่อง: บำรุง อำนาจเจริญฤทธิ์ ภาพ: สุภชัย รอดประจง
สามพี่น้องเศรษฐีลาวตระกูล “สุคะบันดิต” ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ที่ชื่อ วัดดานา กำลังเร่งสร้างอาณาจักร สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ ด้วยแผนธุรกิจทั้งรุกและรับ หาผู้ร่วมทุน สร้างความแข็งแกร่ง รักษาฐานมั่นในตลาดลาว ต่อกรกับคู่แข่ง หลังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเปิดตัว
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นอีกประเทศหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ที่ไม่สามารถทัดทานพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลกการค้าและการลงทุนไปได้ หากใครไปกรุงเวียงจันทน์ ณ เวลานี้จะพบเห็นภูมิทัศน์ของเมืองที่เปลี่ยนไป หลายคนที่หลงรักเมืองหลวงที่เคยสงบแห่งนี้ในอดีต อาจหงุดหงิดบ้างที่ได้พบเห็นสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้น สภาพจราจรแออัดในบางช่วงเวลา หรือการเปลี่ยนไปของวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวลาว ทว่า อีกด้าน ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงความโชติช่วงทางเศรษฐกิจ ปลุกเมืองเล็กๆ ขึ้นจากความเงียบ พร้อมหยิบยื่นโอกาสและความมั่งคั่ง
บมจ.สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ คือหนึ่งในบริษัทที่กำลัง “ล่า” หาโอกาสนั้น บริษัทดำเนินธุรกิจมากว่า 27 ปี เป็นธุรกิจครอบครัวของตระกูลสุคะบันดิต จากร้านค้าที่เป็นห้องแถวเล็กๆ ขายสินค้าด้านวัสดุก่อสร้าง จนวันนี้เติบใหญ่เป็นห้างขนาดใหญ่ มีหลายสาขา มียอดขายกว่าพันล้านบาท กลายเป็นศูนย์ค้าปลีกอุปกรณ์ก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและเป็นเชนเดียวที่เป็นสัญชาติลาว ปัจจุบัน บริษัทถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ลาว เพื่อนำเงินมาขยายสาขา พร้อมเสริมเขี้ยวเล็บเพื่อ “ต่อกร” กับยักษ์ข้ามชาติ ที่กำลังเยื้องกรายเข้ามาในอีกไม่ช้า
“ผมพอใจมากหลังบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เสร็จเรียบร้อย...ถ้าไม่เข้าตลาดฯ ธุรกิจอาจไปได้ แต่ความเสี่ยงจะเยอะ ถ้าไม่มีการแข่งขันจากภายนอก ก็พอสู้ได้ แต่ถ้าแข่งจากภายนอกเข้ามา ก็จะยาก ไม่ว่าจะมาจากไทย จีน ประเทศที่มีความแข็งแกร่งกว่า...มีความเสี่ยงค่อนข้าสูง ธุรกิจอาจเล็กลง หดตัวลง เหลืออยู่แค่ที่เราชำนาญ” วัดดานา สุคะบันดิต รองประธานสภาบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ กล่าวกับ Forbes Thailand ในบ่ายวันหนึ่งที่สำนักงาน ณ กรุงเวียงจันทน์
(ซ้าย-ขวา พันโนลา, วัดดานา, กดสะดา สามพี่น้องแห่ง สุคะบันบันดิต)
ร้านสุวันนี ก่อตั้งเมื่อปี 2531 โดย วัดดานา พี่ชายคนโตของครอบครัว หลังเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ระหว่างที่ วัดดานา รอตำแหน่งราชการว่างเพื่อบรรจุเข้าทำงาน เขาได้ตัดสินใจเปิดร้านขายสินค้าวัสดุก่อสร้างเล็กๆ เพราะมองว่าความรู้ที่ร่ำเรียนมาสามารถประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจได้ ประกอบกับธุรกิจที่อยู่อาศัยในกรุงเวียงจันทน์เติบโตขึ้น เขาจึงเห็นโอกาสในตลาด โดยมีเงินทุนเริ่มต้นที่ 15,000 บาทและใช้ชื่อร้านว่า “สุวันนี” ซึ่งเป็นชื่อของแม่ เพื่อเป็นสิริมงคลและยังเพื่อเป็นศูนย์รวมตัวของ 3 พี่น้องของครอบครัวในการทำธุรกิจร่วมกัน ช่วงแรกของการทำธุรกิจ ได้น้องชายคนกลางที่ชื่อ พันโนลา ซึ่งขณะนั้นเรียนสาขาบัญชีที่ Rattana Business Administration College ใน สปป.ลาว มาช่วย
ในปี 2539 บริษัทหันมาบุกเบิกสินค้าตกแต่งซึ่งก็ได้รับตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดีอีกครั้ง เนื่องจากสินค้าโครงสร้างอาทิเหล็กและปูนซีเมนต์ที่บริษัทเน้น ถูกรัฐบาลเข้มงวดในการนำเข้ามาจำหน่าย
ปัจจุบัน วัดดานา อายุ 48 ปี ในฐานะพี่ใหญ่ของครอบครัวเขารับหน้าที่ดูแลเรื่องทิศทางของบริษัทและการลงทุน พันโนลา อายุ 46 ปี เป็นรองประธานสภาบริหารและรองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงิน และน้องชายคนเล็ก กดสะดา อายุ 43 ปี จบด้านการค้าระหว่างประเทศ การเงินและการธนาคารจาก Victory University ที่กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เป็นสมาชิกสภาบริหารและรองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ เน้นดูแลเรื่องการจัดซื้อ การตลาดและการขาย กว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยปีละ 20-30% โดยมีจุดแข็งคือมีสินค้าที่หลากหลายให้เลือกและมีการรับประกันสินค้า
“การทำธุรกิจเรามีทะเลาะกันบ้างในเรื่องแนวความคิด แต่เราจะปรึกษา ถามกันไปมา อธิบายให้เห็นภาพ แล้วร่วมมือกัน...ที่ผ่านมาคุณแม่สอนเรื่องความสามัคคี สอนให้รักกันและทำงานร่วมกัน” วัดดานากล่าว พร้อมรอยยิ้ม
วัดดานา รู้ดีว่า แม้บริษัทเป็นโฮมเซ็นเตอร์ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในตลาดลาว แต่หากเมื่อเทียบกับโลกภายนอก โดยเฉพาะประเทศไทยแล้ว บริษัทยังไม่สามารถต่อกรได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในด้านเทคโนโลยี โนฮาวหรือระบบการจัดการต่างๆ และที่สำคัญที่สุดการเปิดเสรีทางการค้าในตลาดอาเซียน โดยได้ บริษัท หลักทรัพย์เอพีเอ็มลาว จำกัด ซึ่งเป็นเครือข่ายจากเอพีเอ็มจากฝั่งไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา หุ้นของ สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ ก็เข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ลาว ภายใต้ชื่อ “SVN” โดยมี บริษัทสามารถระดมทุนได้ราว 336 ล้านบาท ความสำคัญของการเข้าตลาดฯ ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเงินทุน แต่ยังเพื่อสานสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจจากฝั่งไทยให้แนบแน่นขึ้น โดยได้ บริษัท โกลบอล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนจากฝั่งไทย ระหว่าง บมจ.สยามโกลบอลเฮาส์ และ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เข้าถือหุ้น 40% ส่วนครอบครัวเขาถือ 59.92% ที่เหลือ 0.08% ก็เป็นรายย่อย
“เข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็มีคนเข้ามาถาม...เราบอกว่า ถ้าจะใหญ่ เราต้องลดความเป็นเจ้าของลง...ซึ่งครอบครัวก็ทำใจ ต้องเดินต่อไป คุยกันระหว่างพี่น้อง ถ้าไม่ทำก็ตาย” วัดดานา กล่าว
ปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 1.24 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 85.33 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2558 ในครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวม 671.37 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 48.74 ล้านบาท วัดดานา บอกว่า ตลาดสินค้าอุปกรณ์วัสดุก่อสร้างใน สปป.ลาวยังมีอนาคตสดใส เนื่องจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ของประเทศและการเกิดขึ้นของที่อยู่อาศัย รวมไปถึงสปป.ลาวยังเป็นประเทศทางเชื่อมเข้าสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
“วิสัยทัศน์ของพวกเราคือ ต้องการเป็นผู้ชำนาญวัสดุก่อสร้าง ต้องการมีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างใหญ่ในแถวนี้ เราต้องการเป็นหุ้นส่วนกัน เติบโตไปพร้อมกันมากกว่า...ยังมีตลาดอีกเยอะ เราไปหาตลาดใหม่ ที่เราทำได้ หลังจากนี้ 5 ปี เราน่าจะไปได้” เขากล่าวทิ้งท้าย
คลิ๊กอ่าน "3 พี่น้องรวมพลัง ดัน “สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์” ยึดตลาดลาว" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ FEBRUARY 2016 ในรูปแบบ E-Magazine