กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล คิดใหญ่ มองไกล นำ KBTG สู่ World-Class Digital-AI Banking - Forbes Thailand

กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล คิดใหญ่ มองไกล นำ KBTG สู่ World-Class Digital-AI Banking

กระทิง แม่ทัพใหญ่ KBTG ตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ “เราต้องการสร้างนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก” เปิดเกมรุกด้วยทีมอัจฉริยะของ KBTG สร้างสรรค์นวัตกรรมการเงิน ปฏิวัติวงการธนาคารด้วย AI สู่ Digital Banking Platform ต่อยอดดิจิทัลเทคโนโลยีระดับโลก


    กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ในเครือธนาคารกสิกรไทย (KBank) ก่อตั้งในปี 2559 เป็นหน่วยธุรกิจดูแลด้านโครงสร้างพื้นฐานไอที เทคโนโลยีบล็อกเชน core banking ตั้งเป้าสู่ผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน ขับเคลื่อนปฏิบัติการธนาคาร เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ภายใต้การบริหารของ เรืองโรจน์ พูลผล ที่รู้จักกันดีในชื่อ “กระทิง” เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อสตาร์ทอัพ” ผู้โด่งดังในแวดวงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ผู้ก่อตั้งกองทุน 500 TukTuks นักลงทุนในสตาร์ทอัพระดับ Seed-stage ในภูมิภาคอาเซียน ผู้ก่อตั้ง Disrupt University โรงเรียนสอนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ก่อตั้ง dtac Accelerate โครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการของ dtac และเคยดำรงตำแหน่ง Product Marketing Manager (Global Lead) ของ Google จาก Silicon Valley

    การเข้ารับตำแหน่งของ กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ซึ่งมีบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศร่วม 10 บริษัท ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนและการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการเงินยุคใหม่จากสังคมไร้เงินสดสู่ดิจิทัลแบงก์กิ้ง โดยมีบทบาทสำคัญต่อการปฏิวัติวงการธนาคารไทยครั้งใหญ่ ที่ต้องพัฒนาและลงทุนด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI (Artificial Intelligence) และวางโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจใหม่ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เป็นหน่วยงานด้านดิจิทัลเพื่อสนับสนุน KBank คู่ค้า และพันธมิตรก้าวสู่โลกการเงินยุคใหม่ในทุกมิติ 


นำทัพสู่ Tech Company   

    “ผมมี 3 ภารกิจหลักในการขับเคลื่อน KBTG ภารกิจหลักคือ การพัฒนาเทคโนโลยี ออกแบบ และดูแลเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนลูกค้าและคู่ค้าของธนาคารกสิกรไทย (KBank)  ส่วนภารกิจที่ 2 คือ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในองค์กรเพื่อที่จะให้บริการลูกค้าภายนอกด้วยนวัตกรรมต่างๆ โดยตั้งเป้าผลลัพธ์มูลค่าทางธุรกิจที่ 1 หมื่นล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้หรือในปี 2572 และภารกิจที่ 3 คือ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อ เปลี่ยนแปลงสังคม และยกระดับวงการเทคโนโลยีของประเทศไทย” เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กลุ่มบริษัท KBTG กล่าวกับ Forbes Thailand  ถึงเป้าหมายการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อการยกระดับการใช้งาน AI ของไทย สู่การเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในระดับภูมิภาค

    ผลสำเร็จเกิดขึ้นแล้ว 2 ภารกิจคือ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนธุรกิจของ KBank และขยายเครือข่ายการให้บริการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อบริการลูกค้าภายนอกของ KBank ทำให้ KBTG เข้าใกล้เป้าหมายการยกระดับการดำเนินธุรกิจของ KBank และ KBTG มากขึ้น จากผู้นำธุรกิจการเงินและนวัตกรรมในประเทศไทยสู่ผู้นำในระดับภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลและ AI

    “นับตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ามา KBTG  มีพนักงาน 1,100 คนในประเทศไทย อีก 5 ปีต่อมาเราขยายอีก 3 ประเทศคือ จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย พนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 คนในประเทศไทย และอีก 400 คนในจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย เราดูแอปพลิเคชันกว่า 500 ตัว ในหลายประเทศ หนึ่งในแอปพลิเคชันที่ประสบผลสำเร็จมากคือ K PLUS (K+)  โมบายแบงก์กิ้ง อันดับ 1 ของประเทศไทย ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 23 ล้านคน คิดเป็น transaction ทั้งหมดราว 35% ของ transaction ในระบบเศรษฐกิจด้านดิจิทัลของประเทศไทย หรือคิดเป็นสัดส่วน 130% ของ GDP ของเงินทั้งหมดที่ไหลเวียนผ่านระบบเศรษฐกิจของประเทศ”



    กลยุทธ์ธุรกิจที่เรืองโรจน์นำมาใช้เพื่อก้าวสู่การเป็น tech company เต็มรูปแบบคือ การแตกบริษัทย่อยเพื่อพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยีทั้งในประเทศและต่างประเทศ รองรับการบริการทางการเงินที่หลากหลาย โดยเฉพาะนวัตกรรมการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และรองรับการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคเอเชีย ตัวอย่างเช่น การจัดตั้งบริษัท KASIKORN VISION INFORMATION TECHNOLOGY Co., Ltd (K-Tech) เป็นฮับไอทีแห่งแรก มีสำนักงานตั้งอยู่ที่เมือง Shenzhen ประเทศจีน  ทำหน้าที่พัฒนาระบบ ออกแบบและพัฒนาบริการทางการเงิน เช่น AI บล็อกเชน ฟินเทค บริการลูกค้าวงกว้างในภูมิภาคเอเชีย AEC   

    จัดตั้งบริษัท KASIKORN X (KX)  โรงงานผลิตธุรกิจแห่งอนาคต (S Curve) เป็นเสมือนโรงงานที่ผลิตสตาร์ทอัพและธุรกิจใหม่ๆ (venture builder) ทำงานเป็นอิสระเพื่อผลิตธุรกิจด้าน decentralized finance and beyond ภารกิจหลักของ KX คือ การสร้างความเชื่อมั่นโดยการบ่มเพาะไอเดียใหม่ๆ (incubate) ขยายผล (scale) และแยกตัวธุรกิจออกไปตั้งเป็นบริษัทใหม่ (spin-off)  และจัดตั้ง บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด หรือ Kubix ดำเนินธุรกิจ ICO Portal ให้บริการระบบที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ดำเนินธุรกิจเสนอขายโทเคนดิจิทัล และ Coral แพลตฟอร์ม NFT marketplace สำหรับศิลปินและนักสะสม บริษัท KBTG Vietnam เป็น one-stop service solution หรือศูนย์ไอที เดลิเวอร์รี่ฮับ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางด้านเทคโนโลยีของพันธมิตรและลูกค้าในระดับภูมิภาค

    บริษัท กสิกร อินฟรา จำกัด (KInfra) เป็นบริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายที่มีเสถียรภาพสูง KInfra  ทำหน้าที่ดูแลระบบแก้ปัญหาให้กับ KBank ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน  โดยไม่สะดุด โดยทีม Kinfra จะดูแลและแก้ปัญหาเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ KBank สู่การขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน + 3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้)

    บริษัท กสิกร ซอฟต์ จำกัด (KSoft) ออกแบบและสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจของธนาคารกสิกรไทย และรองรับการนำนวัตกรรม (innovation) มาใช้ในธนาคาร โดยยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแอปพลิเคชัน “ขุนทอง” ดูแลวงจรการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ (software development life cycle) ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผลิตโซลูชันคุณภาพสูงให้ KBank บริการดิจิทัล และปฏิบัติการระบบงานธนาคารตั้งแต่ IT project delivery, enterprise architecture, software quality จนถึง software development excellence

    บริษัท กสิกร แล็บส์ จำกัด (KBTG Labs) ค้นคว้าเทคโนโลยีและรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อระบบธนาคารดิจิทัลและระบบเศรษฐกิจดิจิทัล การใช้ data science, machine learning, AI, NLP และเทคโนโลยีเกิดใหม่ ทำวิจัย คิดค้นโมเดล และอัลกอริทึม

    บริษัท กสิกร เทคโนโลยี กรุ๊ป เซเครเทเรียต จำกัด (KBTGSec) วางแผนและติดตามการทำงานของบริษัทในกลุ่ม KBTG การประสานงานระหว่างกลุ่มบริษัทและธนาคารกสิกรไทย รวมผู้เชี่ยวชาญสาขากลยุทธ์ (strategy), บุคลากร (people), การวางแผนไอที (IT planning), การส่งมอบโครงการ (project delivery), การเงิน (finance), HR, การสร้างแบรนด์ (branding) และความปลอดภัยทางไซเบอร์ (cyber security)  


FinTech หนุนหุ้น KBANK แกร่ง 

    บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า KBTG เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีโครงสร้างการทำงานเป็นอิสระจากบริษัทแม่ และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองกับการพัฒนาธนาคารกสิกรไทยไปสู่การเป็นฟินเทค (FinTech) และล่าสุดได้มีการเปิดตัว Kubix ซึ่งเป็นการนำสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในโลกแห่งความจริงที่สามารถจับต้องได้มาแปลงเป็นโทเคนสู่โลกดิจิทัล โดยการลงทุนผ่านระบบบล็อกเชน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธนาคารกสิกรไทยในอนาคต เป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้หุ้นธนาคารกสิกรไทยมีศักยภาพในการเติบโตและการลงทุน

    ขณะที่ Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา วิเคราะห์แนวโน้มของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลกว่า จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีมูลค่ารวมประมาณ 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 170 ล้านล้านบาท มีอัตราการเติบโต 6.8% เมื่อเทียบกับปี 2566 

    ส่วนผู้ประกอบการและภาคธุรกิจต่างให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และ AI เพื่อมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้มีความต้องการพันธมิตรทางธุรกิจด้านไอทีเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นทั้งบริษัทผู้พัฒนาชิ้นส่วนไปจนถึงการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อเป็นคู่ค้าและพัฒนาการให้บริการกับบริษัทและองค์กรขนาดใหญ่ โดยการพัฒนาจะให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืนภายใต้แนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) และมีการนำเทคโนโลยีด้าน AI มาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบและหลักจริยธรรมรวมไปถึงให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน

    ด้าน Statista เป็นแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูลทางสถิติครอบคลุม 170 อุตสาหกรรมใน 150 ประเทศที่พัฒนาโดยประเทศเยอรมนีได้คาดการณ์ว่า ในปี 2568 มูลค่าทางการตลาดของ AI จะอยู่ที่ 244.22 ล้านเหรียญ (ประมาณ 8,303 ล้านบาท) และตลาดมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 26.60% ต่อปี จากปี 2568-2574 โดยคาดว่าจะมีมูลค่าทางการตลาดขึ้นไปอยู่ที่ 1.01 ล้านล้านเหรียญ (ประมาณ 34.3 ล้านล้านบาท) ในปี 2574 

    ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI จึงเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตในปัจจุบันและอนาคตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงและความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก 


3 นวัตกรรมระดับโลก 

    ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลและ AI ต่อเนื่องส่งผลให้ KBTG ยกระดับก้าวเป็นองค์กรนวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการธนาคารแบบไร้รอยต่อร่วมกับพันธมิตรหลายหน่วยงาน ทั้ง MIT Media Lab (Massachusetts Institute of Technology Media Lab),  Harvard University, UCLA และมหาวิทยาลัยชั้นนำในไทย โดยคว้ารางวัลระดับโลกหลายรางวัล ได้แก่ 

    1. AINU (อัยนุ) ระบบยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง face liveness detection ที่สามารถตรวจจับและพิสูจน์ว่าใบหน้าที่สแกนนั้นมาจากบุคคลจริงๆ ไม่ได้ผ่านการตกแต่งหรือสวมรอย ซึ่งเป็น 1 ใน 3 บริษัทในโลกที่ได้มาตรฐานสูงสุด โดย KBTG เป็นองค์กรแรกในภูมิภาคเอเชียและเป็นองค์กรไทยหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัล The Innovators 2024 จาก Global Finance นิตยสารการเงินรายเดือนที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

    2. THaLLE โมเดลปัญญาประดิษฐ์ด้านการเงินตัวแรกของไทยที่สามารถสอบผ่าน CFA (Chartered Financial Analyst) ซึ่งได้สอบวัดความรู้และความสามารถทางการเงินที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ล่าสุด KBTG สอบผ่าน investment consultant ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

    3. Future You AI  นวัตกรรมที่ KBTG ได้พัฒนาขึ้นในปี 2566 ร่วมกับ MIT Media Lab, UCLA  และ Harvard University เป็น AI ที่ช่วยให้เราได้คุยกับตัวเราในอนาคตได้เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นผลงานที่ได้รับรางวัลจาก Fast Company บริษัทสื่อธุรกิจชั้นนำระดับโลก ที่เน้นเรื่องนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการออกแบบ ที่ยกให้ Future You AI เป็นหนึ่งใน World Changing Idea หรือไอเดียเปลี่ยนแปลงโลกของ Fast Company จากผู้สมัครทั่วโลก 1,500 คน โดยสำนักข่าวต่างๆ ได้ตีพิมพ์ข่าวบนแพลตฟอร์มหน้า 1 The Wall Street Journal “Future You AI เป็น End Develop by Engineer @ KBTG และเดอะการ์เดียน Website Homepage MIT และ Website ของ European Union  “Future You AI เป็น Positive Use Case ของ AI” และ BBC  ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 52,000 คน จาก 190 ประเทศทั่วโลก

    นอกจากรางวัลระดับโลกแล้ว KBTG ยังประสบผลสำเร็จจากการพัฒนาแอปพลิเคชัน “ขุนทอง” แชตบอต เหรัญญิก เพื่อนคู่ใจในการเรียกเก็บเงิน ทวงเงิน และหารบิลเป็นแอปพลิเคชันตัวแรกของประเทศไทยที่คว้ารางวัล Red Dot Design Award ในสาขา Brands & Communication Design 2022 Mobile Application  เป็นเวทีการแข่งขันด้านการออกแบบระดับโลกที่มีผู้เข้าร่วมการแข่งกันกว่า 20,000 ผลงานทั่วโลก เป็นรางวัลเทียบเท่ากับออสการ์ ในโลกของการออกแบบ และยังเป็นรางวัลแรกในฐานะ Application Design ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านยูสเซอร์ 

    แอปพลิเคชัน “Make by KBank” ช่วยลูกค้าสามารถบริหารจัดการบัญชี และบริหารจัดการการเงินด้วยตัวเองในรูปแบบกระเป๋าเก็บเงิน 1 บัญชี แบ่งได้หลายกระเป๋าด้วยฟีเจอร์ Cloud Pocket เช่น กระเป๋าเงินเพื่อแต่งงาน เพื่อไปเที่ยว เพื่อน้องแมว ขณะที่แอป “เหมียวจด” จะช่วยจดรายจ่ายให้กับผู้ใช้จากสลิปโอนเงินจากแอปธนาคารต่างๆ 

    “รางวัลต่างๆ สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างจริงจังในเรื่องเทคโนโลยี เป้าหมายคือ การสร้างเทคโนโลยีเพื่อการใช้งานของมนุษย์ (technology for human) ทำให้ชีวิตมนุษย์ดีขึ้น และมีส่วนสนับสนุนให้สังคมเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดยล่าสุด KBTG คว้ารางวัล Most Innovative Fintech Company in Asia-Pacific จากนิตยสาร Global Finance ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับบริษัทที่มีนวัตกรรมทางการเงินที่โดดเด่นที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”


AI เพื่อสังคมปั้น Tech Talent  

    การขับเคลื่อนภารกิจที่ 3 ในอีก 5 ปีข้างหน้า นับจากนี้ไปคือ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมและยกระดับวงการเทคโนโลยีของประเทศไทยสู่เวทีโลก ซึ่งเรืองโรจน์ อธิบายแนวคิดนี้การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของมนุษย์และสังคมให้ดีขึ้นด้วยนวัตกรรม AI รวมถึงการยกระดับเทคโนโลยีของประเทศไทยสู่เวทีโลกว่า เขาเชื่อว่า  AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่จะช่วยให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่ดีขึ้น โดย AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในอุตสาหกรรมการเงิน ค้าปลีก สุขภาพ ภาคการผลิต และภาคเกษตร โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและให้มนุษย์ทำงานที่มีมูลค่าเพิ่มที่สูงกว่า 

    “ผมเชื่อว่าโลกแห่งอนาคตรูปแบบการทำงานจะเปลี่ยนจาก job based organization สู่การทำงานแบบ skill based organization เพื่อให้คนพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้มากขึ้น และในปี 2568 KBTG พร้อม transform ตัวเองจาก job based organization เป็น skill based organization เปลี่ยนจากการนับตำแหน่งงานมาเป็นการนับจากความเชี่ยวชาญในการทำงาน ซึ่งแนวคิดนี้จะเปลี่ยนทั้งโครงสร้างองค์กร กระบวนการทำงาน และการวัดผลงานทั้งหมด โดยในปี 2569 เทคโนโลยี AI จะนำการเปลี่ยนแปลงด้าน work flow ครั้งใหญ่ของการทำงานในรอบ 100 ปี รวมถึง leadership model ถ้ามนุษย์เปลี่ยนจากการเป็นผู้ใช้ AI มาเป็นผู้พัฒนา AI ได้ ผมเชื่อว่า AI เป็นเครื่องมือที่จะทำให้มนุษย์และสังคมดีขึ้น”



    แพสชั่นของเรืองโรจน์ยังได้ส่งผ่านความร่วมมือพัฒนาการศึกษาแก่นักศึกษาทั่วประเทศ  สร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้และพัฒนาเทคโนโลยี AI โดย KBTG ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาค เพื่อการศึกษา นำเทคโนโลยี AI ให้เยาวชนไทย 300,000 คนได้ศึกษาเรียนรู้ในปี 2569 และร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อให้นักศึกษาได้เข้ามาฝึกงานและทำงานที่ KBTG Campus ให้ความรู้ด้านเทคโนโลยี โดย KBTG และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังร่วมกันพัฒนาหลักสูตร 2 บวก 2 ใช้เวลาเรียนหลักสูตรปริญญาตรี 2 ปี และทำงานกับ KBTG แบบเต็มเวลาอีก 2 ปี ได้รับปริญญาตรีร่วมพัฒนาหลักสูตรต่างๆ อาทิ Cyber Security Programming, Software Engineer และ AI  และร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำเพื่อทําวิจัยพัฒนาหลักสูตร สร้าง tech talent ให้ประเทศไทย โดยมีนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 600 คน ซึ่งแต่ละปีสำเร็จการศึกษาประมาณ 30-40 คนต่อปี 

    “เราพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนและให้บริการกับ KBank และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม  ยกระดับวงการเทคโนโลยีของประเทศไทย โดยลงทุนกับเทคโนโลยีชั้นนําระดับโลก ร่วมกับ Professor Andrew Ng ซึ่งเป็น 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลด้าน AI ของโลก เป็นกรรมการบริหารของ Amazon.com แบบ exclusive เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน AI ให้กับสังคมไทย” 

    KBGT ยังได้ร่วมกับพันธมิตรระดับโลกกับ MIT Media Lab, AI สิงคโปร์, World Economic Forum  และเป็นสมาชิก  AI Governance  ที่ช่วยกันวางโครงสร้างและเฟรมเวิร์ก การพัฒนา AI  ให้เป็นประโยชน์ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์และสังคมให้ดีขึ้น ให้เป็น AI ที่มีความรับผิดชอบ (responsible AI)  เป็น AI ที่มีจริยธรรม (ethical AI) เพื่อให้มั่นใจว่าเป็น AI ที่ได้รับการพัฒนาและใช้งานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเป็น AI ที่มีความปลอดภัยในการใช้งาน โปร่งใส รับผิดชอบ มีความเป็นส่วนตัว ช่วยให้ชีวิตของคนและสังคมดีขึ้น  


    อีกบทบาทหนึ่งของ KBTG คือ ร่วมกับหน่วยงานระดับโลกพัฒนา AI for Developing Country เพื่อให้ AI ตอบโจทย์มนุษยชาติ และนำสิ่งที่ได้พัฒนากลับมาร่วมกับหน่วยงานในประเทศไทย ทั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transactions Development Agency: ETDA) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (National Electronics and Computer Technology Center: NECTEC) ผลักดันนโยบายด้าน AI tech system  

    “เฟสแรกของการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีของ KBTG (ปี 2562-2567) ประสบผลสำเร็จทั้งด้านการพัฒนาเทคโนโลยี คน และพัฒนาธุรกิจ ส่วนในระยะ 2 คือความท้าทาย เป้าหมายคือ ลงลึกถึงดีเอ็นเอด้วย AI ภายใน 3 ปี  (ปี 2568-2570) ให้  AI เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน พัฒนา native AI ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คนและสังคม ทั้งด้านคุณภาพชีวิต และประสิทธิภาพการทำงาน” 

    เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ปีนี้ทีม KBTG มีแผนเพิ่ม AI engineer  จาก 250 คน เป็น 750 คน ขณะที่ทีมวิจัยและพัฒนา (research & development) และ machine learning ทีม data scientist ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่อีก 50 คน จากโครงการความร่วมมือพัฒนาหลักสูตรและโครงการช้างเผือกที่ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 

    “ทีม AI engineer ของ KBTG ล้วนแต่มีประสบการณ์สูงจากองค์กรระดับโลกอย่าง  Apple ที่ Silicon Valley และอีกหลายคนที่มาจาก Silicon Valley บางคนมาจาก X, Google สำนักงานใหญ่ เด็กโอลิมปิกด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เราได้บุคลากรสาย tech ที่เก่งๆ มาทำงานกับ KBTG  ผมว่าด้านเทคโนโลยีของคนไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่นในโลก” 


Human-First x AI-First Transformation 

    แนวคิดการสร้าง Native AI ภายในองค์กรระยะที่ 2 ของการทรานส์ฟอร์ม KBTG จะดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ Human-First x AI-First Transformation เน้นการพัฒนาบุคลากรและการใช้เทคโนโลยี AI ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเพิ่มขีดความสามารถให้องค์กร โดยจะมีการปรับกระบวนการทำงานภายในองค์กร ให้ AI เข้ามามีส่วนร่วมและผสมผสานกับการทำงานของพนักงานทุกส่วน และเทคโนโลยีที่จะใช้เป็นเครื่องมือที่นำไปสู่เป้าหมายได้คือ Agentic AI หรือโมเดล AI ที่ไม่เพียงแค่สามารถปฏิบัติการได้เอง แต่ยังประสานงานและสั่งการ AI ตัวอื่นๆ เพื่อให้สามารถทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นโดยพัฒนาใน 3 ส่วนหลักคือ 

    1. Agentic Platformization สร้างแพลตฟอร์มใหม่เพื่อจัดการ Agent ให้ง่าย สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ KBTG ได้มีการพัฒนา AthenaMind แพลตฟอร์มที่จะเป็นเสมือนโรงงานช่วยสร้าง AI Agent เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในแต่ละส่วนงานต่างๆ ของ KBTG เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 

    โดยตัวอย่าง AI Agent ตัวแรกที่ได้มีการเปิดให้พนักงาน KBTG ได้ใช้งานแล้วก็ได้แก่ HR Chat Agent ช่วยตอบคำถามและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของพนักงาน เช่น ประกันกลุ่ม บัญชีค่าใช้จ่าย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และการลา ปัจจุบัน KBTG กำลังอยู่ในระหว่างการวางแผนพัฒนา AI Agent สำหรับหน่วยงานส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อขยายผลความสำเร็จ เช่น PDPA Chat Agent และ Regulatory Chat Agent

    2. Agentic Orchestration การสร้างและออกแบบกระบวนการใหม่ (operation workflow) เพื่อให้ AI Agent กับมนุษย์ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ โดยการนำ AI Coding Assistant จะเป็นเหมือนผู้ช่วยของเหล่านักพัฒนาที่จะคอยแนะนำโค้ดเวลาพิมพ์ ซึ่งที่ผ่านมานักพัฒนาของ KBTG ก็ได้ตรวจสอบและยอมรับโค้ดที่สร้างจาก AI Coding Assistant ไปแล้วมากกว่า 500,000 บรรทัด ส่วนก้าวต่อไปจะเป็นการเพิ่มความสามารถของ AI Coding Assistant เป็น AI Coding Agent ซึ่งจะมีความสามารถเหมือน Junior Developer ที่สามารถเขียนโค้ดได้ตั้งแต่ต้นจนจบ จากการให้ requirement ที่ชัดเจน 

    โดยบางงานที่ผ่านมา AI Coding Agent ก็สามารถเขียนโค้ดออกมาได้ไม่ต่างจากคน และใช้เวลาเพียง 5 นาที จากที่คนปกติต้องใช้เวลาทำมากถึงครึ่งวัน และสุดท้าย AI Coding Agent จะถูกพัฒนาขึ้นไปอีกและจะกลายเป็น Multi-Agent SDLC ที่ AI จะเข้าไปช่วยในกระบวนการต่างๆ มากขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะในส่วนของการเขียนโค้ดแต่ยังรวมถึงการวางแผน, การทำ requirement analysis, การ develop & test และการ deployment หรือเรียกได้ว่า AI จะเข้าไปในทุกขั้นตอนของการทำงานซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานได้อย่างมหาศาล

    3. Agentic Humanization การเตรียมความพร้อมของคนทั้งในด้านแนวคิด ทักษะ และวัฒนธรรมการทำงานที่เปิดกว้าง พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถด้าน AI มากยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างสิ่งที่เรียกว่า Human-AI Workforce Integration เพื่อส่งเสริมการผสมผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับการทำงานของพนักงานในทุกวัน

    เรืองโรจน์มองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่บริษัททั่วโลกให้ความสําคัญและจะนํา AI มาใช้ให้เกิดผลทางธุรกิจเชิงบวกได้อย่างไร สำหรับ KBTG เราจะนํามาพัฒนาซอฟต์แวร์และ ผลิตภัณฑ์ได้เร็วขึ้นอย่างไร จะช่วยลดต้นทุนได้อย่างไร จะมีโจทย์ที่บอกว่าต้องลดต้นทุนทั้งปีให้ได้เท่านี้ โดย AI จะเป็นส่วนสําคัญในการขับเคลื่อนและเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร สามารถลดค่าใช้จ่ายได้เป็นหลักพันล้านในแต่ละปี 

    “ทุกบริษัทในโลกได้นำ AI มาใช้กันแล้ว แต่จะใช้ในระดับไหนขึ้นอยู่ที่ความพร้อม บางคนอาจจะเพิ่งเริ่ม ใช้ Gen AI  ซึ่ง KBTG เรา Beyond GEN AI  ระดับหนึ่ง เรียกว่า agentic AI ที่ให้เหตุผลได้ ไม่ใช่แค่ AI ที่สร้างคอนเทนต์ได้ นำ genative เทคนิคหลายอย่าง agentic AI, generative AI, predictive AI มาใช้รวมกันเพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจทั้งหมด โดย KBTG จะมี benchmark กับคนระดับโลก ซึ่งตามหลังคนที่เป็นระดับท็อปของโลกประมาณ 1 ปีไม่เกินนั้น”



AI สร้างโอกาสการลงทุน

    ด้วยพัฒนาการที่ก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของ AI ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เรืองโรจน์บอกว่า เป็นยุคทองของ AI อย่างแท้จริง เพราะเป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจให้คนรุ่นใหม่ได้เร็วและง่ายขึ้น การนำ AI มาช่วยในการทำธุรกิจของสตาร์ทอัพตั้งแต่เริ่มต้น ลดระยะเวลาในการทำงาน และมีโอกาสที่จะเติบโตเป็นยูนิคอร์น (บริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญ) ได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม ต่างจากสตาร์ทอัพในอดีตกว่าจะเป็นยูนิคอร์นได้ต้องใช้ทั้งคนและเวลาเยอะมาก

    “ที่ผ่านมาผมลงทุนกับ Unicorn หลายตัว ใช้คนเป็นพันแต่ต่อไปจะลดลงเรื่อยๆ ด้วยเทคโนโลยีและแนวคิดการนำ AI มาใช้ในการทำงานต่างจากยุคก่อน การสร้าง Unicorn แต่ละตัวเหนื่อยมาก และหลายบริษัทต้องล้มหายตายจากไป”

    ปัจจุบัน KBTG เปิดกองทุนใหม่ 8 กองทุน ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วโลก 160 ตัว กองทุนหนึ่งลงทุนไป 50 สตาร์ทอัพแต่มียูนิคอร์นพียง 3 บริษัท ซึ่งต่อไป KBTG สามารถนำ AI มาใช้ในการพัฒนาและลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ ไม่ต้องทุ่มใช้เงินมหาศาล ระบบจะสามารถทดลอง สร้าง และพัฒนาสตาร์ทอัพให้มีระยะเวลาในการสร้างผลกำไรที่เร็วขึ้นกว่าในอดีต 

    เมื่อเทียบกับภาพยุคก่อนของสตาร์ทอัพซึ่งมาจากการระดมทุน เผาเงิน เร่งกันโต ขาดทุน ระดมทุนมาเรื่อยๆ แต่เทคโนโลยีสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นสตาร์ทอัพที่ต้องมีกําไร เพราะยากมากที่ venture capital จะลงทุนในสตาร์ทอัพที่ขาดทุน แต่ต้องเป็นสตาร์ทอัพ ที่มีเส้นทางสู่กําไร มีโครงสร้างและเป้าหมายธุรกิจที่ชัดเจน ใช้ AI เป็นตัวขับเคลื่อนซึ่งเป็นแนวทางและเป้าหมายการลงทุนของ KBTG 

    "ที่ผ่านมา KBTG เข้าไปลงทุนใน CoreWeave ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการ data center ใช้ GPU สำหรับงาน AI data center ซึ่ง NVIDIA ลงทุนไป 100 ล้านเหรียญ ปัจจุบัน Coreweave เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq โดยมีรายได้รวม 320 ล้านเหรียญในปี 2567 เงินลงทุนใน startup ในปัจจุบันก็ให้ความสำคัญกับ startup ที่นำ AI มาใช้ในการทำงาน"

    ในปี 2567 กองทุนหนึ่งของ KBTG ดูสตาร์ทอัพถึง 1,000 ตัว แต่เลือกลงทุนเพียง 1 ตัว โดยนำ AI มาช่วยวิเคราะห์และพิจารณา ซึ่งทำให้ venture capital ของบริษัทสามารถบริหารความเสี่ยงในการลงทุนได้ดีขึ้น  

    เรืองโรจน์ เชื่อว่า venture capital เริ่มเข้าใกล้การเป็นนักลงทุนมากขึ้น จากเดิมที่เข้าไปลงทุนส่วนน้อย ต่อไปก็จะถือหุ้นใหญ่มากขึ้น และช่วยขับเคลื่อนธุรกิจโดยการใช้ AI พัฒนาและปรับปรุงองค์กร จนสามารถนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แล้วก็ถอนตัวออกมา และการลงทุนในปัจจุบันและอนาคตของ venture capital  AI จะมีส่วนช่วยตั้งแต่เริ่มตัดสินใจลงทุนจนถึงการพัฒนาบริษัทที่เข้าไปลงทุนและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และ venture capital ก็ถอนการลงทุนออกมา 

    “จากประสบการณ์ใน venture capital มา 13 ปีมองว่า ต่อไปกองทุน venture capital จะมีอายุการลงทุนลดลง แต่ได้อัตราผลตอบแทนเร็วขึ้น เพราะมี AI เป็นตัวช่วย หลายคนถามผมว่าคนจะตกงานไหม ตอบเลยว่าไม่ ถ้าคนพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ใช้และพัฒนา AI และ AI เป็นเครื่องมือที่ KBTG จะนำมาใช้ในการพัฒนาองค์กร หลายคนอาจจะมองว่า AI เป็นวิกฤต ทำให้คนตกงาน แต่สำหรับผมมองว่า AI คือโอกาสในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจมากกว่า”



    โจทย์ใหญ่และเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรเทคโนโลยีระดับภูมิภาคและระดับโลกของ KBTG นับจากนี้ไปคือ การเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง tech eco system  และเทคโนโลยีชั้นนําระดับโลกกับประเทศไทย หลังจากทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรกิจสนับสนุนพัฒนานวัตกรรมให้ KBank เป็นสถาบันการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ผ่านทรัพยากรระดับหัวกะทิ ที่ผ่านองค์กรชั้นนำระดับโลกมาแล้ว ทั้งทีมวิจัยพัฒนารวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภายในและต่างประเทศ 

    “เราอยากยกระดับวงการธุรกิจของไทยโดยใช้เทคโนโลยี AI พร้อมเปิดกว้างสำหรับผู้สนใจ เรามีพันธมิตรจากหลายองค์กรช่วยกันคิด เราต้องมี public private partnership ที่แข็งแรง ทั้งความร่วมมือกับ กสศ., ETDA ร่วมกับพันธมิตรเพื่อสนับสนุน support AI engineering เพื่อให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่พัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เชื่อมกับโลกในอนาคต” 

    KBTG ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและยกระดับเทคโนโลยีและ AI ในประเทศไทย ระดมนักคิดนักพัฒนาวิจัยให้มุมมองฉากทัศน์ใหม่แห่งโลกนวัตกรรมและ AI  ในงาน KBTG Techtopia วันที่ 2 กันยายน ปี 2568 เพื่อแสดงผลงานและความก้าวหน้าและวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยี ชี้ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้มันมีความหมายกับมนุษยชาติและสังคมไทยอย่างไร โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเปิดประเด็นแลกเปลี่ยนมุมมอง และเป็นส่วนหนึ่งของการนําเทคโนโลยีช่วยสังคมไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Tech Country ในความหมายของ KBTG อย่างแท้จริง 


ภาพ : วรัชญ์ แพทยานันท์ และ KBTG 



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'สมโภชน์ อาหุนัย' ห้วงเวลาแห่งความกดดัน หลังหลุดโผ 'มหาเศรษฐีไทย' ปี 2568

อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2568 ในรูปแบบ e-magazine