Greenovation อาวุธเสริมแกร่ง TOA - Forbes Thailand

Greenovation อาวุธเสริมแกร่ง TOA

นับหนึ่งถึงหมื่นล้านจากจุดเริ่มที่การสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่ความสำเร็จในการเปิดน่านน้ำธุรกิจใหม่ ด้วยนวัตกรรมสีเขียวเสริมทัพความแข็งแกร่งพร้อมลับอาวุธรักษาบัลลังก์เจ้าตลาด

กระป๋องสีทาอาคารอันละลานตาในคลังสินค้าจำนวนกว่า 114 ตราสินค้าเรียงรายมากกว่า 9,168 รายการ (SKUs) ผลิตภัณฑ์สี และสารเคลือบผิว รวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นอีก 2,775 รายการ สะท้อนชัดถึงความทุ่มเทพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตลอดระยะเวลากว่า 5 ทศวรรษ เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้โจทย์การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่แตกต่างและโดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาด บริษัทให้ความสำคัญกับฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตรงตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของลูกค้าและสภาพอากาศในประเทศรวมถึงเทคโนโลยีระดับโลก ด้วยความเชื่อมั่นว่า เทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในการแข่งขัน โดยมีบริษัทที่ร่วมงานกับกลุ่ม TOA เช่น บริษัท เดอะ เคมัวร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด Wacker Chemie A.G., Ashland และ Amazon Colours พร้อมทั้งร่วมกับมหาวิทยาลัยสถาบันวิจัย สถาบันในประเทศเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา ตลอดจนบริษัทต่างๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น การทำวิจัยร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อพัฒนาสีย้อมไม้สูตรน้ำและการร่วมศึกษากับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสารประกอบนาโนและการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต รวมถึงการทดสอบการคงสภาพ (stability test) ของ TOA Wood Stain Inter mediate กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และทำการทดสอบความทนทาน (durability test) ของสีทาภายนอก Acrylic White Gloss กับมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นต้น ขณะเดียวกันบริษัทยังได้พัฒนาเทคโนโลยีในต่างประเทศ อย่าง TOA Ecocare ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่จำกัดการใช้สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ในผลิตภัณฑ์สีของบริษัทฯ และลดผลกระทบที่เป็นอันตรายของสารก่อมะเร็ง ทั้งส่วนประกอบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์สีของบริษัทฯ ปลอดสารตะกั่วและปรอท ซึ่งมีสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ในระดับต่ำและปลอดสารกลุ่มอัลคิลฟีนอลเอธอกซีเลต (“APEO”) และสารฟอร์มัลดีไฮด์ ภายใต้มาตรฐานที่กำหนดโดย Singapore Green Labelling Scheme: Paint and Surface Coatings (SGL-032) นอกจากนั้น บริษัทยังเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดสีอย่างต่อเนื่องด้วยจำนวนมากกว่า 10 ชนิดในช่วงระยะเวลาระหว่างปี 2556 ถึง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 เช่น การใช้เทคโนโลยี hydro block power ทำให้สามารถทาสีรองพื้นบนพื้นผิวซีเมนต์ที่เปียกได้ สีเขียนได้ ลบได้ สีรองพื้น เหล็กกันสนิม สีเคลือบอัลคิดชนิดฟิล์มกึ่งเงาที่สามารถใช้กับเครื่องผสมสีอัตโนมัติ ผลิตภัณฑ์แลคเกอร์ใสชนิดฟิล์มสีด้านแบบบรรจุกระป๋องสเปรย์ และผลิตภัณฑ์โพลียูรีเทนสำหรับงานไม้ชนิดฟิล์มกึ่งเงา กลยุทธ์นวัตกรรมสีเขียว ก้าวต่อไปของกลุ่ม TOA บนพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจโดยตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและความสำคัญของนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สีทาอาคารที่ผู้บริโภคสัมผัสใกล้ชิดในชีวิตประจำวัน ดังนั้น กลุ่ม TOA จึงเดินหน้ากลยุทธ์นวัตกรรมสีเขียวนับตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบันในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อผู้ใช้ พร้อมส่งเสริมแนวคิด “ชีวิตที่ดี + ประสบการณ์ที่ดี” (Good life + Good Experience) ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปยังผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
TOA เป็นผู้ผลิตสีรายแรกที่ผลิตสีอิมัลชั่นสูตรปลอดสารตะกั่ว ปรอท และโลหะหนักมาตั้งแต่ปี 2520
สำหรับในปีที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จตามเป้าหมายการดำเนินการให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม TOA มีระดับสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ในแม่สีสำหรับเครื่องผสมสีอัตโนมัติ (auto tinting machine) มีค่าอยู่ในระดับเกือบเป็นศูนย์ และปราศจากสาร APEO รวมถึงสารอันตรายอื่นๆ เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ ปรอท ตะกั่ว แคดเมียมโครเมียม สารระเหยต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ VOC มาจากคำว่า volatile organic compounds หมายถึง สารประกอบอินทรีย์ที่ระเหยหรือระเหิดได้ง่าย โดยมีจุดเดือดไม่เกิน 250 °C ที่ความดันปกติ (มาตรฐานการทดสอบ ISO 11890-1/11890-2) อันตรายของสาร VOC ในอากาศอาจจะทำอันตรายต่อผิวหนังหรือซึมผ่านเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเข้าทางการหายใจ และซึมผ่านเยื่อบุทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดอาการคอแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน ไตเสื่อม ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็ง ส่วน APEO มาจากคำว่า Alkylphenol Ethoxylates ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับสารประกอบอินทรีย์ โดยมีจุดเดือดประมาณ 295 องศาเซลเซียส แต่ไม่จัดอยู่ในกลุ่ม VOC เพราะจุดเดือดเกิน 250 องศาเซลเซียส อันตรายของสาร APEO คือเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ และถูกจัดเป็นสารที่อาจก่อมะเร็ง โดย OSHA นอกจากนี้ OSHA พิจารณาว่า สารนี้ที่ปริมาณสูงจะก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ การผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นพิษต่อยีน ระบบประสาทและการแพ้
โรงงานบางนาเป็นโรงงานผลิตแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปลี่ยนกระบวนการผลิตสีที่มีตัวทำละลายเป็นน้ำเป็นระบบอัตโนมัติด้วยกระบวนการผลิตกึ่งอัตโนมัติ เมื่อปี 2553
ด้านการวิจัยและพัฒนาในปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์จากระบบที่มีตัวทำละลายเป็นน้ำมันให้เป็นระบบที่มีตัวทำละลายเป็นน้ำ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สีทาอาคารแบบมีเนื้อสีมากเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มปริมาณเรซินให้มากขึ้น ลดปริมาณสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และลดเวลาในการทำงานให้สั้นลง รวมถึงฟิล์มสีมีความหนาเป็นพิเศษ พร้อมลดปริมาณสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) เพิ่มความทนทาน และมีความต้านทานการกัดกร่อน นอกจากนั้น บริษัทยังพัฒนาผลิตภัณฑ์สีให้มีประสิทธิภาพและมีความสามารถในการใช้งานได้หลากหลายในผลิตภัณฑ์เดียว เช่น ผู้บริโภคจะได้รับความสะดวกเมื่อซื้อเพียงแค่ผลิตภัณฑ์เดียวแต่สามารถเป็นได้ทั้งสีรองพื้นและสีทับหน้า ภายใต้เจตนารมณ์การเป็นนวัตกรรมสีเพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม TOA ทุ่มเทพัฒนาผลิตภัณฑ์สีที่สามารถใช้วัตถุดิบธรรมชาติ วัตถุดิบทดแทน หรือการนำวัตถุดิบกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตอีกครั้ง โดยกำหนดระยะเวลาเป้าหมายความสำเร็จใน 3 ปี เพื่อย้ำถึงการให้ความสำคัญด้านการผลิตที่ได้มาตรฐานควบคู่กับความใส่ใจด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมตลอด 53 ปี อ่านเพิ่มเติม: ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ รังสรรค์นวัตกรรม สร้าง TOA ให้ยั่งยืน
คลิกเพื่ออ่านบทความทางธุรกิจอื่นๆ จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine