Gen 3 "สุขะมงคล" เพิ่มเสน่ห์สีสันแบรนด์ Patco

เจเนอเรชั่น 3 ของครอบครัว “สุขะมงคล” มีด้วยกัน 8 คน สืบสายเลือดจากรุ่น 2 ที่กำลังนำทัพ Patco Group ให้เติบโตในยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน หลายระบบงานต้องปรับเปลี่ยนตามเทคโนโลยีหลายส่วนงานยังคงเดิม แต่หลังจากนี้คงต้องขึ้นกับรุ่น 3 ที่จะมารับช่วงต่อ

ทายาทสุขะมงคลรุ่น 3 เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีมุมมองของตัวเอง มีความมั่นใจ และมีไฟที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ทีมงาน Forbes Thailand มีโอกาสได้พูดคุยกับ 2 หนุ่มไฟแรง ธนภัทร์ สุขะมงคล (ตั้น) และ ทัตติ สุขะมงคล (ตาต้า) ทั้งคู่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษ โดยตั้นกำลังศึกษาที่ University of Leeds สหราชอาณาจักร และตาต้ากำลังศึกษาปริญญาโทด้านการบริหารจัดการ (MSc Management) ที่ The University of Warwick ประเทศอังกฤษ ตาต้าเริ่มเข้ามาเรียนรู้งานบางส่วนเพื่อเตรียมพร้อมรับช่วงต่อ ขณะที่ตั้นเลือกเรียนรู้จากการฝึกงานที่ซีพีแรมเพราะตรงกับสาขาที่เรียนมา “ช่วงโควิดทำให้มีโอกาสได้เทรนนิ่งกับ Patco Power ได้ดูทุกแผนก ทั้ง sales, HR, บัญชี ดูขอบเขตการทำงานโดยรวมเรื่องพลังงาน เครื่องยนต์” ตาต้าเล่าประสบการณ์ล่าสุด เขาเป็นบุตรชายของ ทองหล่อ สุขะมงคล ซึ่งดูแลในส่วน Patco Power จึงเข้าไปดูงานในส่วนนี้ “ส่วนตัวต้าชอบธุรกิจ ชอบ sales ซื้อขายของตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ขายการ์ดสัตว์ประหลาดช่วงพักเที่ยง เริ่ม take order นอกโรงเรียนโทรศัพท์แล้วส่งที่บีทีเอส มีเงินหมุนเวียน 100,000-200,000 กำไรจริงๆ เดือนละ 10,000-20,000 บาท ไม่เยอะ” หนุ่มน้อยเล่าอย่างภูมิใจ เขาดูจะมีหัวการค้าไม่ต่างจากคุณย่า (ดร. วิจิตรา สุขะมงคล) ที่เริ่มขายของมาตั้งแต่ 9 ขวบ ส่วนหนุ่มน้อยอีกคน ตั้น บุตรชายของ สืบวงษ์ สุขะมงคล บุคลิกค่อนข้างขรึมแต่แววตามุ่งมั่นไม่ต่างกัน เขาเลือกฝึกงานที่ซีพีแรม “ผมเรียน Food Science ชอบวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆ ชอบชีวเคมี ตอนแรกสนใจหมอแต่พอได้ลองสัมผัสแล้วไม่อิน” นอกจากไม่อินกับอาชีพหมอแล้วหนุ่มน้อยทายาทบุตรชายคนโตของครอบครัวสุขะมงคลยังเห็นโอกาสด้านวิทยาศาสตร์อาหาร “เมืองไทยเกษตรเยอะ ผมเห็นว่ามีโอกาส และ Patco Agro ที่ครอบครัวทำก็มีการนำเข้าจากอาร์เจนตินา บราซิล น่าจะใช้ประโยชน์ได้” โดยสรุปเขาได้ผสานความชอบส่วนตัวกับโอกาสธุรกิจของครอบครัวเข้าด้วยกัน

การพูดคุยเป็นไปอย่างสบายๆ ด้วยมุมมองและแนวคิดในฐานะ New Gen เมื่อทีมงานถามว่า พอถึงยุคของเจน 3 แล้ว จะขยายอย่างไร คำตอบที่ได้คือ “ผมคิดมาตลอดธุรกิจมันเริ่มจากการ barter ใน Gen 1 อย่างอาม่าเคยพูดไว้ความสำเร็จของ Gen 1 อยู่ที่ความน่าเชื่อถือ สุจริต ซื่อสัตย์ อาจไม่ต้องเรียนสูง แต่ต้องมีตรรกะขายของที่สำคัญ ส่วน Gen 2 ครอบครัวเริ่มมีทรัพย์สินแล้ว มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ เปิดโลก เห็นตลาดที่ใหญ่กว่าทำดีลต่างประเทศมากขึ้น ขยายบริษัทเริ่มใช้ระบบสำคัญๆ” มาถึงเจน 3 ทั้งคู่มองว่า มันเป็น disruption generation หลายอย่างหายไป เช่น CD หมดยุค Netflix มาแทนที่ ส่วนเพลงก็ไป Spotify เขามองเห็นสิ่งที่หายไปเยอะมาก “ยุคอาม่าอาจจะได้ดีลมาดีขายของได้กำไร แต่ใน Gen เราทุกคนซื้อของได้ราคาเท่ากัน โลกถึงกันหมด ความรู้มีทุกที่ดังนั้นสิ่งสำคัญต้องทำ user experience เพื่อ added value ให้กับสินค้าและบริการ” เขายกตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอสังหาริมทรัพย์ที่คุณย่าของพวกเขาสะสมไว้ นำมาขยายอาจพัฒนาเป็นบ้านจัดสรร ทาวน์โฮมในเมือง และโรงแรมที่จะเปิดในอนาคตทุกอย่างต้องสร้าง user experience ให้โดดเด่น “ขยายธุรกิจต่อเนื่อง ตั้นกับผมชอบทำอาหาร อยู่อังกฤษทำเล่นๆ จัดอาหารโต๊ะเดียวมีเพื่อนมา 10 คน ทำ fine dining 5-6 คอร์ส ที่เมืองไทยก็อาจดู เรามีที่ดินเยอะ food & beverage อาจเป็นทางเลือกในอนาคต” เป็นประสบการณ์ที่พวกเขานำมาคิดเผื่ออนาคต ขณะที่ความคาดหวังจากบิดาของทั้งคู่ต่างออกไป “คุณพ่อคาดหวังว่า เรามีเทคโนโลยีสื่อสาร social media ถ้าเรา unlog โฆษณาผ่าน social media ต้นทุนลดลง โฆษณาสื่อสารได้ช่องทางที่หลากหลาย” เทรนด์นี้ดูไม่น่าจะดีนักสำหรับสื่อสิ่งพิมพ์แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ถึงกระนั้นตาต้าก็บอกว่า เขาอ่านหนังสือพิมพ์บ้าง แต่ระยะหลังติดตามอ่านจากเว็บข่าวเป็นหลัก ทั้งคู่เผยความมุ่งหวังที่มีต่อกิจการของครอบครัว พวกเขาอยากสร้างแบรนด์ Patco ให้คนรู้จักเหมือนรถเฟอรารี่ ที่แม้คนไม่เคยใช้ก็รู้ว่าเป็นสปอร์ตคาร์หรู ความแข็งแกร่งของแบรนด์แบบนี้คือสิ่งที่ Gen 3 อยากเห็นในชื่อ Patco Group อ่านเพิ่มเติม: ณัทกฤช สุขะมงคล Trust เปิดทางธุรกิจการแพทย์

---

คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine