ณัทกฤช สุขะมงคล แม้จะใช้เวลาเกือบ 3 ทศวรรษกว่าจะค้นพบเส้นทางที่สามารถบาลานซ์ชีวิตและการทำงานได้ลงตัว แต่ด้วยความมุมานะที่มีบิดาและมารดาเป็นต้นแบบของความซื่อสัตย์ผสมผสานเป็นอินโทรธุรกิจใหม่ในการนำเข้าเครื่องมือแพทย์และโรงพยาบาลสัตว์ พร้อมเติมเต็มจิ๊กซอว์อาณาจักรตระกูลสุขะมงคล
บทบาทที่แตกต่างกันระหว่างสัตวแพทย์และนักการตลาดของกลุ่มแพทโก้ ที่ควบการเป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์สามารถเติมเต็มเป็นความสุขในการทำงาน และการใช้ชีวิตให้กับบุตรชายคนที่ 5 ของครอบครัวสุขะมงคล ซึ่งสมัครใจเบนเข็มเส้นทางหลังสำเร็จการศึกษาด้านการตลาดและโฆษณา จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ Birmingham University อังกฤษ รวมถึงประกาศนียบัตรด้านวิศวกรรมเครื่องกลที่ University of Technology ฝรั่งเศส เพื่อเริ่มต้นปริญญาตรีใหม่อีก 6 ปี ในคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ก่อนจะเล็งเห็นโอกาสในรั้วมหาวิทยาลัยปั้นธุรกิจใหม่ที่สามารถต่อยอดอาณาจักรให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น “หลังจากทำงานระยะหนึ่งก็รู้สึกอยากทำในสิ่งที่รัก จึงไปเรียนต่อด้านสัตวแพทย์ ซึ่งช่วงเริ่มเรียนอายุประมาณ 30 ปีในหลักสูตร 6 ปี และจบเมื่อปี 2556 ก็ไปทำงานที่โรงพยาบาลเกษตรจนออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง เพราะที่บ้านกับที่ทำงานไกลกันมากจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว และเราต้องการบาลานซ์ชีวิตด้วย โดยช่วงที่ลาอาจารย์ท่านพูดกับผมในสิ่งที่จำถึงทุกวันนี้คือ เมล็ดพันธุ์ที่ดีตกอยู่ที่ไหนก็เจริญงอกงามหมายความว่า ผมอยู่ที่ไหนก็สามารถใช้ความรู้ที่เรียนมาให้ตรงนั้นเจริญงอกงามได้” ณัทกฤช สุขะมงคล กรรมการ แพทโก้ กรุ๊ป เล่าถึงช่วงเวลาที่ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เพื่อเปิด บริษัท ณัทกฤช เฮลท์ แคร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าทางเภสัชกรรมและการแพทย์ในปี 2558 แม้จะเป็นมือใหม่บนถนนธุรกิจที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเช่นเส้นทางของครอบครัว แต่ณัทกฤชมีความมั่นใจในโอกาสที่เล็งเห็นจากประสบการณ์ตรงระหว่างการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้หูฟังทางการแพทย์ในการเรียนการสอนจนสำเร็จการศึกษา ขณะที่ยังคงมีช่องว่างในการนำเข้าแบรนด์รองให้สามารถแจ้งเกิดในตลาดได้ทั้งกลุ่มโรงพยาบาลและสถาบันการศึกษาที่มีความต้องการจำนวนมาก “ปีแรกเราขายหูฟังได้แค่ 25 เส้นทั่วประเทศ แต่เรายังไม่ถอดใจ ในทางตรงข้าม 25 เส้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงว่า ยังขายได้ และเรายิ่งรุกทำตลาดมากขึ้น จนกระทั่งได้เป็น exclusive distributor และต่างประเทศก็ชื่นชมว่า เราสามารถสร้างแบรนด์ของเขาให้ติดตลาดได้ เราบอกว่าเราไม่รู้ key success คืออะไร แต่เราโฟกัสในสิ่งที่ทำ และโฟกัสแค่แบรนด์ของเขานั่นคือ การสร้าง trust ระหว่างกันและการทำงานแบบ active” ความสำเร็จจากความเพียรพยายามที่สร้างความภาคภูมิใจให้ณัทกฤชในวันนี้คือ การได้รับความไว้วางใจให้เป็น exclusive distributor หรือผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในหูฟังทางการแพทย์ stethoscope แบรนด์ MDF และกล้องจุลทรรศน์ National ทายาทรุ่น 2 ยังวางแผนต่อยอดสร้างแบรนด์ Brave สำหรับนวัตกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ของบริษัทในปีหน้า พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตให้อาณาจักรของครอบครัวสามารถแตกยอดสู่กลุ่มนวัตกรรมหรือ Patco Medical เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต และเสริมทัพความแข็งแกร่งทางธุรกิจยิ่งขึ้น “คุณแม่เคยบอกว่า ไม่มีธุรกิจไหนที่จะอยู่ยืนยาวนานได้ตลอด ซึ่งช่วง 60-70 ปีที่ผ่านมาคุณแม่ทำงานเจอวิกฤตหลายครั้ง แต่การมีธุรกิจที่ diversify ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตมาหลายครั้ง และคุณแม่จะสอนเรื่อง trust เสมอ เพราะถ้าเราคิดว่า เราทำธุรกิจวันเดียว เราก็ได้แค่ครั้งเดียว แต่ถ้าคิดว่าจะอยู่ต่อไป เราต้องซื่อสัตย์ทั้งตัวเอง ลูกค้า และสังคม เช่น ช่วงโควิด-19 คุณแม่บอกว่า อย่าขึ้นราคาหรือเอากำไรกับของพวกนี้ เราไม่ได้ฉวยโอกาสจากตรงนั้นเลย ซึ่งผู้ที่อยู่ในธุรกิจเครื่องมือแพทย์ต้องมี trust เป็นเรื่องสำคัญ” นอกเหนือจากหลักคำสอนของมารดาเป็นเสมือนคัมภีร์ธุรกิจที่สำคัญ ณัทกฤชยังมีบิดาเป็นแรงบันดาลใจในการจัดสมดุลชีวิตและแบ่งเวลาให้กับการทำงานที่สามารถสร้างความสุขให้กับตัวเองและผู้อื่นได้ ด้วยการปรับปรุงศาลาพักผ่อนหย่อนใจของบิดาที่ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลาให้เป็นโรงพยาบาลรักษาสัตว์ชื่อ “NK รักษาสัตว์” โดยใช้เวลาหลังเลิกงานด้านการดูแลการตลาดให้กลุ่มแพทโก้และธุรกิจเครื่องมือแพทย์ สวมเสื้อกาวน์เป็นสัตวแพทย์ในทุกวันทำงาน พร้อมทั้งยังคงพื้นที่ด้านหน้าสำหรับเป็นบริเวณพักผ่อนหย่อนใจตามเจตนารมณ์ของบิดา รวมถึงมุ่งเน้นสร้างความรู้และความเข้าใจในการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ถูกต้องมากกว่าการหวังผลกำไรทางธุรกิจ ขณะเดียวกันในฐานะทายาทธุรกิจแดนมังกรยังยึดมั่นในหลักบริหารที่ได้รับการถ่ายทอดเรื่องความขยัน ซื่อสัตย์และอดทน รวมถึงให้ความสำคัญกับด้านจริยธรรมและศีลธรรมทั้งในระดับครอบครัว ธุรกิจ และสังคม เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถเติบโตในระยะยาว พร้อมเชื่อมโยงทุกบทบาทหน้าที่ประสานการทำงานไว้อย่างลงตัว “สิ่งที่ทำอยู่เหมือนคนละแบบ เพราะก่อนหน้านี้เราไม่รู้ว่าทำได้ แต่เมื่อลองแล้วก็สามารถเกิดขึ้นได้เอง ด้วยความที่เห็นตั้งแต่เด็กและคุ้นคยมานาน แต่ในช่วงแรกเราก็พยายามเลือกระหว่างการทำงานกับที่บ้าน หรือสร้างธุรกิจเอง เพราะคุณแม่จะบอกเสมอให้หาอะไรทำใหม่ๆ แต่ท้ายที่สุดเราก็รวบรวมสิ่งที่มีทั้งหมดและประสบการณ์ต่างๆ จนเห็นเนื้อความเป็นเพลงเดียวกัน แค่ว่าจะคัดท่อนฮุกหรืออินโทรมาเพราะจริงๆ ก็เป็นเรื่องเดียวกัน” อ่านเพิ่มเติม: นวณัฐ สุขะมงคล การสร้างบ้านทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าคลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine