Felix Danai Link ทายาทธุรกิจ บี.กริม หลังจากใช้เวลาในการค้นหาตนเอง และศึกษาพุทธศาสนามานานนับ 10 ปี จนกระทั่ง 3 ปีก่อนจึงได้เวลาที่ทายาทหนุ่มกลับมาเรียนรู้งานด้านธุรกิจ โดยดูแลด้านอสังหาริมทรัพย์และกิจกรรมเพื่อสังคม (social engagement)
Felix Danai Link รองประธาน
บี.กริม เรียลเอสเตท บุตรคนที่ 2 ของ Dr.h.c. Harald Link ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงงานที่รับผิดชอบในขณะนี้ว่ามีอาคารสำนักงานห้องพักในคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท การรีโปรเจ็กต์ที่พัทยาและชลบุรี รวมทั้งคุมโปรเจ็กต์ใหม่ในรัฐ Pahang ประเทศมาเลเซีย ซึ่งบริษัทได้สัมปทานพื้นที่ทำการเกษตรจำนวน 20,000 เอเคอร์ โดยที่ผ่านมาเขาได้เดินทางไปศึกษาดูงานโครงการหลวงในจังหวัดต่างๆ เพื่อหาแนวทางสำหรับนำมาประยุกต์ใช้กับโครงการในประเทศเพื่อนบ้าน
“ผมไปดูโครงการหลวงที่เชียงใหม่ เพื่อหาไอเดียว่าต้องใช้สาธารณูปโภคอะไรบ้างควรปลูกพืชอะไรที่มีค่าทางเศรษฐกิจ จะปลูกต้นปาล์มแต่ที่ดินบางส่วนเป็นพื้นที่สูง ซึ่งปลูกปาล์มไม่ได้กำลังดูว่าจะปลูกพืชอะไรที่เหมาะสมกับสภาพดินและความต้องการของตลาด คือให้ผลผลิตที่ดี และต้องดีต่อโลกด้วย ทำให้ผืนดินอุดมสมบูรณ์ ไม่สร้างคาร์บอนไดออกไซด์”
ถามว่า สนใจงานด้านไหนเป็นพิเศษ เขาตอบว่า อยากให้ผู้คนมีชีวิตดีขึ้น หากสามารถแบ่งเบาภาระจากบิดาด้านไหนได้ก็ยินดีความที่เป็นคนสนใจงานเพื่อสังคมจึงได้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการโครงการปรับปรุงโรงเรียนในโครงการ บวร (บ้าน-วัด-โรงเรียน) บี.กริม ที่บริษัทกำลังทำโครงการนำร่องขึ้นที่หมู่บ้านบีกริม จังหวัดสระแก้ว
แม้จะเติบโตในไทย แต่ก่อนหน้านี้ Felix ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศเนื่องจากสนใจการฝึกสมาธิขณะอายุ 20 ปี และเริ่มศึกษาพุทธศาสนาอย่างจริงจังอีก 5 ปีถัดมา โดยเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเรียนรู้และปฏิบัติในประเทศอินเดีย เนปาล บราซิล
ขณะที่คนหนุ่มทั่วไปกำลังสนุกสนานกับการใช้ชีวิตทางโลก ทายาทบี.กริมวัย 20 ปีเศษกลับมุ่งสู่การเดินทางภายใน เพื่อการเติบโตทางจิตวิญญาณ ปฏิบัติภาวนาค้นหาความหมายของชีวิต โดยใช้ชีวิต 2 ปีครึ่งที่เนปาลกับการศึกษาพุทธศาสนาแบบทิเบต ศึกษาที่ Spiritst Center ในประเทศบราซิลอีก 11 เดือน และอีกหลายปีในแนวทางต่างๆ ที่หลากหลาย
“ฝึกสมาธิมา 17 ปีแล้ว แรงจูงใจมาจากเห็นเพื่อนรักฝึก รู้สึกได้ว่าเขาสุขภาพดี ดูดีมากขึ้น...เริ่มต้นจากเรียนแบบง่ายๆ อ่านหนังสือ เสาะหาครู ทำ retreat ครั้งแรกที่เชียงใหม่ชอบมาก หลังจากนั้นไปหาครูเพื่อฝึกฝน...ผมก็ตกใจที่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ผมชอบไม่ได้มี pressure ใดๆ จากครอบครัว ไม่มีปัญหาอะไร ผมเป็นคนที่มีความสุขมากมีความสุขตลอดเวลา ก่อนหน้านี้แสวงหาความสุขจากภายนอก ไปปาร์ตี้ เที่ยวกับเพื่อน หลังจากทำ retreat ครั้งแรกรู้สึกว่าดีมากน่ามหัศจรรย์ รู้สึกถึงความสุขสงบและการเติมเต็มจิตใจ รู้สึกว่าสิ่งที่เคยเชื่อที่เคยทำมันไม่ถูกต้อง ก็หยุดปาร์ตี้เลย”
ถามว่ามีความปีติสุขกับการทำสมาธิและปฏิบัติภาวนาขนาดนี้เคยคิดอยากเป็นพระ หรือนักบวชบ้างไหม เขาตอบพร้อมกลั้วหัวเราะน้อยๆ ว่า “อยาก แต่คิดว่ายังไม่พร้อม”
ในวัย 37 ปี Felix บอกว่า ต้องการบาลานซ์ชีวิตการทำงานทางโลก ควบคู่การเติบโตภายใน “ยังฝึกสมาธิอยู่แต่ส่วนใหญ่ทำงาน แต่อยากมี balance ด้วย ผมชอบทั้งสองอย่างมัน healthy ฝึกอย่างเดียวไม่ติดกับ reality ก็ไม่ดี แต่ยังมีครูอยู่ โทรคุยกันทาง Zoom ได้”
สำหรับงานกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ
social engagement เป็นหนึ่งในพันธกิจหลักที่บี.กริมให้ความสำคัญควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ เมื่อ Felix เข้ามาทำงานในบริษัท Dr.h.c. Harald Link ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ ผู้เป็นบิดาจึงมอบหมายงานส่วนนี้ให้ด้วย เนื่องจากเจ้าตัวมีความสนใจทำงานเพื่อสังคม
Harald บอกว่า บริษัทให้ความสำคัญกับสังคมมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ ที่ทำธุรกิจในประเทศไทย และยังคงสานต่อเจตนารมณ์ต่อเนื่องมากระทั่งปัจจุบัน
“เราไม่เคยแยกว่าอันนี้เพื่อธุรกิจหรือเพื่อสังคม เรามองตั้งแต่ต้นว่าทำธุรกิจเพื่อสังคมจะทำธุรกิจอะไรเพื่อให้สังคมมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งมีหลายวิธีการ ผลิตสินค้าที่คนชอบให้บริการที่ช่วยชีวิตคน สนับสนุนระบบการศึกษา ให้คนฟังดนตรีที่ทำให้รู้สึกสบายให้เล่นกีฬาที่เขาชอบ หรือเป็นกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ให้มีโอกาสปฏิบัติศาสนาได้ หรือให้ระบบนิเวศอยู่ได้ด้วยความอุดมสมบูรณ์ บี.กริมทำทุกด้านในเรื่องเหล่านี้”
ทั้งนี้บริษัทให้การสนับสนุนใน 6 ด้าน ประกอบด้วย การดูแลชีวิตความเป็นอยู่การศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม กีฬา และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีทั้งดำเนินการเอง ให้ทุน และบางครั้ง Harald ยังรับเป็นประธานหรือรองประธานในหน่วยงานเหล่านั้นด้วย
ด้านชีวิตความเป็นอยู่ มีมูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งก่อตั้งในปี 2523 ตามวัตถุประสงค์ของท่านผู้หญิงเบ็ตตี้ ดูเมน ในการเผยแพร่พระเกียรติคุณ และพระราชกรณียกิจแห่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และส่งเสริมสนับสนุนงานขององค์กรต่างๆ ปี 2553 มูลนิธิได้มอบทุนการศึกษาที่ใช้ชื่อทุนว่า
“ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90” แก่นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ของสถาบันพระบรมราชชนก ภายใต้กระทรวงสาธารณสุขทุนละ 10,000 บาทต่อปีจนจบหลักสูตร รวมทั้งมอบทุนให้กับองค์กรการกุศลอีก 10 แห่ง จำนวน 1 ล้านบาท
ตั้งแต่ปี 2557 บี.กริม และมูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีให้ทุนแก่นักศึกษาพยาบาลรุ่นใหม่ผ่าน
“โครงการตามรอยสมเด็จย่า” โดยเริ่มจากกลุ่มนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ปัจจุบันนายใหญ่ของบี.กริม เป็นรองประธานกรรมการมูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
เพราะเชื่อว่าการศึกษาเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาสังคม บี.กริมจึงให้การสนับสนุนทุนผ่านโรงเรียน หรือโครงการต่างๆ เช่น โรงเรียนจิตรลดา (สายวิชาชีพ) โดยถวายเงินในกองทุนเพื่อการศึกษาของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาโดยตลอด และทุกปีได้จัดการแข่งขันโปโลการกุศลเพื่อหาทุนมอบให้กับโรงเรียนสายวิชาชีพ
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนพัฒนาการสอนวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กอายุ 3-6 ปี ผ่านการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชดำริให้คณะกรรมการนำไปพิจารณาริเริ่มดำเนินการนำร่องในประเทศไทย โดยได้ทอดพระเนตรตัวอย่าง
โครงการ “Haus der kleinen Forscher” คราวเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศเยอรมนีในปี 2552 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่สามารถปลูกฝังนิสัยรักวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กและขยายผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปใช้ในโรงเรียนอนุบาลมากกว่า 22,000 แห่งในปัจจุบัน
รวมทั้งเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปทำหน้าที่
“นักวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรพี่เลี้ยง” ในเขตจังหวัดชลบุรี, ระยอง และเขตหนองจอกจำนวน 135 แห่ง จากจำนวนโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนำร่องนี้ทั้งหมดกว่า 200 แห่ง เพื่อให้การสนับสนุนครูในโครงการ และเป็นเครือข่ายท้องถิ่น ทำหน้าที่ประสานงานและถ่ายทอดเนื้อหาเพื่ออบรมครูจากโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
ยังมี
โรงเรียน อ.ฮ.ลิงค์ (ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ซึ่งตั้งขึ้นโดยพระราชประสงค์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อคราวเสด็จเยี่ยมประชาชนที่จังหวัดเพชรบุรีในปี 2512 ดำเนินการก่อสร้างโดย Herbert และ Alma Link ถวายเงินในการก่อสร้างอาคารเรียน บนที่ดินจำนวน 6 ไร่ที่ชาวไทยกะเหรี่ยงบริจาคและก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2513 และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จมาเปิดป้ายอาคารเรียน เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2514 ปัจจุบันบี.กริมให้การสนับสนุนบริจาคเงิน สิ่งของ และมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียน
ส่วน
“โรงเรียนบีกริม” ตั้งอยู่ที่หมู่ 8 ต. คลองทับจันทร์ อ. อรัญประเทศ จ. สระแก้ว ก่อตั้งในปี 2511 โดยการบริจาคที่ดิน 12 ไร่ของ สุมิตร แสงอ่อน และ บุญมี ปันส่วน โดยนายห้าง Herbert และ Alma Link บริจาคถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีก่อสร้างโรงเรียนในปี 2513 ปีถัดมาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดโรงเรียน และพระราชทานนามว่า “โรงเรียนบีกริม”
ปัจจุบันสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ มีนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 3 กว่า 200 คน และครูจำนวน 18 คน โดยทุกปีกลุ่มบริษัทให้การสนับสนุนทุนการศึกษา บริจาคเงิน สิ่งของ เครื่องใช้ หนังสือ อุปกรณ์การศึกษาและกีฬา
- โปรเจ็กต์นำร่อง “บวร บี.กริม”
ปี 2563 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ขอความร่วมมือนักธุรกิจภาคเอกชนชั้นนำของประเทศให้ร่วมคิดริเริ่มโครงการเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืนบริษัทจึงบรรจุ
โครงการ “บวร บี.กริม” (บวร ย่อมาจากบ้าน วัด โรงเรียน) เข้าเป็นหนึ่งในนั้น โดยทำเป็นแผนระยะยาว 8 ปี มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ชุมชน และคนอย่างบูรณาการ
โดยเริ่มต้น
โครงการนำร่องที่หมู่บ้านบีกริม (หมู่ที่ 8) ต. คลองทับจันทร์ อ. อรัญประเทศ จ. สระแก้ว ซึ่งประกอบด้วย หมู่บ้านบีกริม วัดบีกริม และโรงเรียนบีกริม ซึ่งเป็นชุมชนที่บี.กริมมีความสัมพันธ์มายาวนาน เมื่อครั้ง Herbert และ Alma Link ตามเสด็จสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ไปในพื้นที่
โครงการดังกล่าวเป็นโมเดลต้นแบบที่บริษัทจะนำไปขยายผลยังพื้นที่อื่นๆ ที่บริษัทตั้งโรงไฟฟ้า โดยปลายปี 2563 เพิ่งจัดทอดกฐินที่หมู่บ้านบีกริมเพื่อนำเงินมาปรับปรุงศาลาการเปรียญอาคารสมเด็จย่าและผู้บริหารหนุ่ม Felix มีโอกาสลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชาวบ้านบ้างแล้ว
บริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2525 แก่วงดุริยางค์ซิมโฟนี กรุงเทพ (Bangkok Symphony Orchestra หรือ BSO) และตั้งแต่มิถุนายน 2553 บริษัทมีโครงการให้ทุนแก่บุตรธิดาของพนักงานเข้าเรียนดนตรีที่โรงเรียนดนตรีวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพฯ
คนที่ติดตามข่าวสารของบี.กริมคงคุ้นตากับ
แคมเปญ Save the Tigers ที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสื่อสารกับสังคมอยู่บ่อยครั้งทำไมต้องเป็นเสือโคร่ง? คำตอบคือ
“ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังมีจำนวนเสือโคร่งในธรรมชาติมากเพียงพอต่อการฟื้นฟูจำนวนประชากร หากเสือโคร่งซึ่งอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศถูกทำลาย จะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมทางชีวภาพทั้งหมด...เราทุกคนต่างเชื่อมโยงถึงกันหมด ถ้าสัตว์อยู่ไม่ได้ คนก็อยู่ไม่ได้ โควิด-19 คือ เครื่องเตือนความทรงจำอันแสนเจ็บปวดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากสัตว์ป่าไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องการอนุรักษ์เสือโคร่งและการรักษาสมดุลของระบบนิเวศเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ไม่เฉพาะเพื่อความอยู่รอดของสายพันธุ์เสือโคร่งเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติอีกด้วย”
ทั้งนี้ บริษัทร่วมกับ World Wild Life Fund-Thailand (WWF-Thailand) ปกป้องเสือโคร่งในประเทศไทยภายใต้
“โครงการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งของ WWF-ประเทศไทย”
ยังมี
โครงการปลูกป่า บริเวณ ต. โป่ง อ. บางละมุง จ. ชลบุรี โดยบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมกับบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มและสนามไทยโปโล คลับ
กีฬาเป็นอีกเรื่องที่บริษัทให้การสนับสนุน โดยเฉพาะกีฬาโปโล โดยมี
Thai Polo & Equestrian Club เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโปโลการกุศล เพื่อระดมทุนให้กับองค์กรการกุศลและมูลนิธิต่างๆ
ล่าสุดเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ของเอเชียระหว่างวันที่ 1-8 ธันวาคม 2562 โดยได้รับอนุมัติจากสหพันธ์กีฬาขี่ม้านานาชาติ ให้ประเทศไทยเป็น
เจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้า FEI Asian Championships Pattaya 2019 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย
“เราเป็นประเทศแรกที่จัด FEI Asian Championships เป็นเรื่องใหญ่มากๆ สถานที่ต้องดีระดับโอลิมปิก พื้นที่ต้องใหญ่มีกรรมการถูกต้อง ใช้เงินค่อนข้างเยอะ เราจัดที่บี.กริม สโมสรโปโล สร้างชื่อเสียงดีมากๆ (เน้นเสียง) สำหรับประเทศไทย เพราะเป็นสิ่งที่ยากมาก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ. บี.กริม เพาเวอร์ และประธานสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine