บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตอบโจทย์การบริโภคคนยุคใหม่ด้วยความง่าย สะดวก และอร่อย ได้การตอบรับที่ดีจากทั่วโลก “มาม่า” จึงมองโอกาสที่กว้างไกลมากกว่า 68 ประเทศที่ทำตลาดอยู่ โดยตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีจะทำยอดส่งออกให้มีรายได้เท่ากับยอดขายในประเทศ ควบคู่การสร้างนวัตกรรมอาหาร เป็นอีกก้าวย่างสำคัญของผู้นำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ไทย
เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นวาระครบรอบ 50 ปี บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ได้ประกาศตัวทายาทเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมปรับกลยุทธ์จาก volume based สู่ food innovations ที่เป็นสินค้า value based และ future foods จาก local food enterprise ที่ผลิตในประเทศและส่งออกไปสู่ global food enterprise ที่มีศูนย์กลางและสาขาสนับสนุนในพื้นที่ต่างๆ ของโลก (regional hub & spoke) โดยยึดหลัก 2I คือ International และ Innovation ในวัย 82 ปี พิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ยังดูกระฉับกระเฉง เขาเล่าถึงเรื่องราวของบริษัทแบบสั้นๆ ก่อนส่งต่อเวทีให้กับทายาท โดยบอกว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจแม้ว่าจะเกิดสถานการณ์ต่างๆ เช่น วิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 การระบาดของโควิด-19 บริษัทก้าวผ่านมาได้ เนื่องจากอยู่ในธุรกิจอาหารซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอนาคตและความยั่งยืน ประการสำคัญคือมีพันธมิตรที่ดีอย่าง บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายในประเทศที่แข็งแกร่ง รวมถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคภายใต้การขับเคลื่อนของทีเอฟอินโนเวชันทีม (TFIT) เพื่อเดินหน้าสู่ future food และขยายตลาดรองรับผู้บริโภคกลุ่ม healthy มากขึ้น “มาม่าโตได้อย่างไร ไม่พ้นเทคโนโลยีในการปรับปรุงงาน วันแรกคือมาม่า วันนี้ก็มาม่าคือบะหมี่ทอด จากราคา 2 บาท ผ่านมา 50 ปี ราคา 6 บาท” พิพัฒกล่าวตบท้าย ตลอดเวลาที่ผ่านมาบริษัทใช้หลักในการพัฒนาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 5 ข้อ คือ อร่อย ปลอดภัย สะดวก เก็บได้นาน ประหยัด และในอนาคตจะเพิ่มอีก 2 ข้อคือ มีคุณค่า และรักสิ่งแวดล้อมเดินหน้า 5 กลุ่มธุรกิจ
บมจ. ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ หรือ TF ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปี 2515 เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท เพรซิเดนท์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ของไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิต และ บจ. สหพัฒนพิบูล ซึ่งรับผิดชอบในด้านการตลาดและการจำหน่ายสินค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายใต้เครื่องหมายการค้า “มาม่า” ส่วน บมจ. เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์หรือ PR ก่อตั้งขึ้นในปี 2524 โดยมี บจ. เพรซิเดนท์ โฮลดิ้ง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบธุรกิจด้านผลิตอาหารกึ่งสำเร็จรูป ประเภทเส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ ก๋วยจั๊บกึ่งสำเร็จรูป โจ๊กข้าวต้ม และวุ้นเส้นกึ่งสำเร็จรูป ภายใต้เครื่องหมายการค้า MAMA, MAMY, PAPA, PAMA, HANDI RICE และ PRESIDENT RICE เป็นต้น ปี 2560 ได้ควบรวมทั้งสองกิจการเข้าด้วยกัน เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ. ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ หรือ TFMAMA มี บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ด้วยสัดส่วนร้อยละ 25.98 และกลุ่ม “พะเนียงเวทย์” เป็นลำดับ 4 ด้วยสัดส่วนร้อยละ 14.47 ปี 2564 มียอดขายบะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูป 14,710 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าภายในปี 2570 จะมียอดขาย 3 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งเป็นรายได้จากการส่งออก (ผลิตจากโรงงานในไทยและต่างประเทศ) โดยปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของยอดขายรวม TFMAMA ไม่ได้ผลิตเพียงบะหมี่เส้นเหลืองแบรนด์มาม่า แต่ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ แบ่งกลุ่มได้ดังนี้- ผลิตภัณฑ์บะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ใช้แป้งสาลีเป็นวัตถุดิบหลักภายใต้แบรนด์ “มาม่า” รวมทั้งการรับจ้างผลิตเพื่อส่งออกให้กับบริษัทชั้นนำของทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย มีกำลังการผลิตประมาณ 7 ล้านซองต่อวัน, ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบหลัก
- ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ภายใต้ บมจ. เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (PB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมปังและเบเกอรี่ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท เช่น ฟาร์มเฮ้าส์, เบเกอรี่ที่จำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของบริษัท ได้แก่ ร้านเดลิย่า ร้านเค้กมาดาม มาร์โก้ แฟรนไชส์ขายแซนวิช กู๊ดมอร์นิ่ง ฟาร์มเฮ้าส์ และตู้จำหน่ายขนมปังอัตโนมัติ, เบเกอรี่สำหรับธุรกิจฟาสต์ฟู้ด ได้แก่ ขนมปังสำหรับเบอร์เกอร์ ขนมปังสำหรับฮอทดอก ขนมปังชนิดแผ่น ขนมปังฝรั่งเศส ครัวซองต์ ขนมปังกรอบ และแป้งพิซซ่า
- ผลิตภัณฑ์ขนมปังกรอบภายใต้เครื่องหมายการค้า “บิสชิน” และ “โฮมมี” ซึ่งมีทั้งบิสกิต แครกเกอร์ และเวเฟอร์
- น้ำผลไม้ภายใต้เครื่องหมายการค้า “กรีนเมท”,“เคลลี่” และ “ไทซัน” ในรูปแบบกระป๋องและขวดเพชรหลากรสชาติ อาทิ รสส้ม ลิ้นจี่ เฉาก๊วย มะขาม
- ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ฟิล์มห่ออย่างอ่อนบรรจุอาหารและถ้วยกระดาษ