BeatBox Beverages บริษัทเครื่องดื่มที่มีเป้าหมายจะเป็น “กระทิงแดงของวงการแอลกอฮอล์” ของนักศึกษามหาวิทยาลัยสามคน ที่ช่วยกันก่อตั้งโดยใช้ระยะเวลาเกือบ 10 ปี
Beatbox Beverages มีจุดเริ่มต้นมาจากความหลงใหลในดนตรีสู่เครื่องดื่มในบรรจุภัณฑ์ขนาด 5 ลิตร ทรงสเตอริโอ ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นกล่องขนาด 500 มิลลิลิตร อย่างที่พบเห็นในปัจจุบัน โดยมีเอกลักษณ์ที่สามารถดึงดูดความสนใจคนรุ่นมิลเลนเนียล (millenials) ได้เป็นอย่างดี คือ รสชาติในวัยเด็ก อย่างรสบลูราสเบอร์รี่ ก็ชวนให้นึกถึงความหอมหวานของทาร์ต หรือรสฟรุ้ตพั้นช์ ที่คล้ายคลึงกับน้ำผลไม้ชื่อดังแบรนด์ Capri Sun และรสชาติใหม่ล่าสุดประจำเดือนนี้ คือ พีชพั้นช์
“พีช เป็นหนึ่งในรสชาติที่ถูกเรียกร้องมานานหลายปี ซึ่งเราเลือกแหวนลูกอม (ring candy) รสพีชเป็นแรงบันดาลใจ จนออกมาเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รสพีช 11 เปอร์เซ็นต์ ผสมน้ำตาล 7 กรัม ที่สามารถดื่มโดยไม่ต้องใส่น้ำแข็ง หรืออาจนำไปใส่ในน้ำชา เพื่อให้เป็นชาพีชก็ได้” Brad Schultz ผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้บริหารฝ่ายการตลาด (CMO) กล่าว
ด้วยรสชาติที่แตกต่างและโดดเด่นเหล่านี้ ทำให้ในปี 2014 Mark Cuban ตัดสินใจลงทุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Beatbox Beverages ภายหลังที่พวกเขาสามคนปรากฎตัวในรายการ “Shark Tank” ซึ่งเป็นเวทีแข่งขันเสนอแผนธุรกิจ เพื่อขอเงินทุนจาก Shark ซึ่งล้วนเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ “พวกเขาไม่ได้ขายไวน์ เขากำลังขายความสนุกอยู่” Cuban กล่าวชื่นชม
“ไม่ใช่แค่ไปออกรายการก็ทำให้เรามีชื่อเสียงได้แล้ว” เราตระหนักอยู่เสมอว่า “Shark Tank” เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางผู้ประกอบการของคนในรุ่น millenials เท่านั้น “มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี กว่าจะกลายเป็นความรู้สึกชั่วข้ามคืน ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่ากว่าพวกเราจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ เราต้องใช้เวลาในการค้นหาเส้นทางที่ถูกต้อง เพื่อไปสู่สูตรความสำเร็จ” Justin Fenchel ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร (CEO) กล่าว
Fenchel กล่าวถึงความสำเร็จในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาว่า เราได้ขยายตลาดออกไปอีก 10 รัฐ รวมเป็น 23 รัฐ เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 10 ล้านเหรียญ สหรัฐ และกำลังจะขยายเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น รสชาติใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปและสถิติการเติบโตล่าสุด ได้ชี้วัดให้เห็นว่า ผู้ก่อตั้งทั้งสามคนมองเห็นโอกาสในการลงทุนในเดือนต่อๆ ไป
“ตอนนี้ เรากำลังทำงานร่วมกับ WeFunder เพื่อชักชวนให้ผู้ที่ชื่นชอบในแบรนด์สามารถเข้ามาเป็นเจ้าของร่วมกัน” ซึ่งโอกาสนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีบริษัทแม่อย่าง Future Proof ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2019 เข้ามาเพิ่มโอกาสในการสร้างพันธมิตร และความร่วมมือในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มหนัก
“เรากำลังสร้างแบรนด์ที่แข็งแรง ที่ไม่ใช่แค่การชนะใจผู้บริโภค แต่ยังสามารถชนะใจคู่ค้าทางธุรกิจ ตั้งแต่ผู้จัดจำหน่ายไปจนถึงพ่อค้าปลีก” เพราะเราสามารถตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจให้กับเขาได้” Aimy Steadman ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานฝ่ายปฎิบัติการ (COO) ของ BeatBox Beverages กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ก่อตั้งทั้งสามคนกำลังมีแผนที่จะขยายตลาดสินค้าไปสู่อีกประเภทหนึ่งของแอลกอฮอล์ ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่ต่างไปจากไวน์ปกติ และเหล้าอัดลม (hard seltzer) แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งเปิดตัวไวน์กระป๋อง ภายใต้ชื่อ "Corkless" และคอกเทลเหล้าอัดลมอย่าง "Brizzy Seltzer Cocktails" ไปเมื่อไม่นานมานี้ “เรากำลังจะสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถผลิตสินค้าประเภทที่เราต้องการ” Steadman กล่าว
Beatbox Beverages จัดเป็นบริษัทที่รวบรวมผู้ก่อตั้งรุ่น millenial และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มหนักให้เข้ามาร่วมงานกัน เพื่อสร้างแบรนด์สำหรับนักดื่มรุ่นใหม่ ซึ่งในปัจจุบัน พวกเขาได้ใช้ช่องทางออนไลน์ อย่างโซเชียลมีเดียเป็นสื่อกลางในการเข้าถึงผู้บริโภค ตลอดจนติดตามเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะได้ปรับตัวอย่างทันท่วงที
“อนาคต หมายถึง ความไม่ล้าสมัย แต่เราก็ไม่อยากเป็นเพียงกระแสที่อยู่เพียงข้ามคืน เพราะเราเชื่อว่า แบรนด์ใหญ่ๆ เท่านั้นที่จะคงอยู่ตลอดไป” Schultz กล่าว
อย่างไรก็ดี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความสามารถในการปรับตัว การเติบโตไปพร้อมๆ กัน ตลอดจนการไขว้คว้าโอกาสที่ได้รับมา แม้ในบางครั้งอาจพลาดบางโอกาสไป (ด้วยความลังเล) เพราะภายหลังจากที่ได้รับเงินลงทุนจาก Cuban เป็นมูลค่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ พวกเขาต้องบินไปเสนอขายสินค้าตามที่ต่างๆ เช่น สำนักงานใหญ่ของ Walmart ซึ่งเป็นที่ที่ต้องเจอกับคำถามที่ว่า สามารถจัดจำหน่ายสินค้าตัวนี้ทั่วทั้งประเทศได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง พวกเขาอยากจะเติบโต เพียงแต่ไม่ใช่ในอัตราที่เร็วเกินไป
“คุณอยากได้เงิน 1 ล้านเหรียญจาก “Shark Tank” แต่คุณคงไม่อยากผลาญเงินที่ได้มาภายในหนึ่งปีหรอก” Schultz กล่าว “‘งบประมาณทั้งหมดของ Beatbox Beveragesในตอนนั้น คือ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นพวกเราจึงต้องคิดอย่างรอบคอบ” ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เราเลือกที่จะทำ และสิ่งที่เราเลือกที่จะไม่ทำ จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้
ปัจจุบัน นอกจากแรงสนับสนุนตั้งแต่แรกเริ่มจาก Mark Cuban แล้ว Beat Box และ Future Proof ยังมีฐานผู้สนับสนุนที่ดี ทั้งจาก Rob Dyrdek ผู้จัดรายการโทรทัศน์, Like Davis นักเซิร์ฟมืออาชีพ ไปจนถึงดีเจแนวเพลง EDM ชื่อดัง อย่าง Nick Gross และ Anna Lunoe ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มนี้
“เราสร้าง Beatbox Beverages ขึ้นมา ในฐานะคนรุ่น millenial ที่มีความคิดอยากจะให้ทุกคนไปสนุกด้วยกันที่งานดนตรี ซึ่งความเชื่อนี้ก็ยังไม่ได้หายไป ยังคงเป็นแรงผลักดันให้กับบริษัทเช่นเคย” Fenchel ยังกล่าวย้ำอีกว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้มาจากความชื่นชอบในด้านดนตรี จนในที่สุดได้กลายเป็นเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักดนตรี และพวกเขาตั้งใจว่าจะเติบโตให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ท้องฟ้าไม่มีขีดจำกัดสำหรับ Future Proof” Schultz กล่าวถึงโอกาสในการขยายบริษัทในอนาคต เป็นนัยยะให้เห็นว่า พวกเขามองกำลังเติบโต ทั้งในด้านพันธมิตร การสร้างแบรนด์ใหม่ และการขยายตลาดสู่เครื่องดื่มที่ปราศจากแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเทรนด์ในปัจจุบัน อย่างซีบีดี (CBD trend) ที่กำลังเป็นที่นิยมของตลาด หรือที่เรียกว่าสารแคนนาบินอยด์ ที่สกัดได้จากกัญชา
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ How This Beverage Company Committed To Long-Term Growth After Their First $1 Million Investment เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: “30 Under 30” กลุ่มคนรุ่นใหม่วัยไม่เกิน 30 ปี เปลี่ยนเรื่องราวอาหารเป็นสูตรธุรกิจใหม่ไม่พลาดบทความด้านกลยุทธ์องค์กรและธุรกิจ ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine และ ทวิตเตอร์ Forbes Thailand