เรื่อง: ชญานิจฉ์ ดาศรี ภาพ: Bangkok Post
บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หรือ ITD นับเป็นหนึ่งใน 3 เสือผู้นำตลาดก่อสร้างไทย ซึ่งความสามารถที่สั่งสมมานาน การเติบโตที่ต่อเนื่อง ความมั่งคั่งและโอกาสมหาศาลที่บริษัทได้ครอบครองไว้นั้น ทำให้ Forbes Thailand ได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ รวมถึงการสัมภาษณ์กูรู เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเชิงวิเคราะห์ ของ ITD สืบเนื่องจากทางบริษัทปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนถึงศักยภาพของเจ้าสังเวียนธุรกิจก่อสร้างของไทย ภายใต้บังเหียนของ เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์
ด้วยผลสำเร็จจากการกอบกู้ซากเรือใต้ท้องทะเลเมื่อปี พ.ศ.2497 ของ ดร.ชัยยุทธ กรรณสูต (หุ้นส่วนชาวไทย) และ Giorgio Berlingiere (หุ้นส่วนวิศวกร ชาวอิตาเลียน) เป็นดังประกายให้ริเริ่มธุรกิจก่อสร้างจนก่อเกิด บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด เมื่อสิงหาคมปี 2501 ด้วยต้นทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ฝากฝีมือการสร้างสิ่งปลูกสร้างมากมาย ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทางด่วนขั้นที่ 1 สายบางนา – ดินแดง, สะพานสาทร แล้วยังข้ามแดนไปสร้างทางหลวง Kuala Krai - Gua Musang มาเลเซีย เป็นต้น
กระทั่งเข้าสู่สถานะบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยทุนจดทะเบียน 2.5 พันล้านบาท ในปี 2537 และค่อยๆ กางปีกทะยานขึ้นเป็นหนึ่งในสามบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกว่า 4.2 หมื่นล้านบาท (ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2558) และปัจจุบันมีมูลค่าโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการหรืองานในมือ (backlog) ราว 2.5 แสนล้านบาท
ปี 2533 เปรมชัย ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำแห่ง ITD และต้องพบกับมรสุมลูกใหญ่จากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 ITD ต้องแบกรับภาระหนี้ไว้มหาศาล เฉกเช่นเดียวกับอีกหลายบริษัทในยุคเดียวกัน และต้องซวนเซเข้าสู่แผนปรับปรุงโครงสร้างหนี้กว่า 1.3 หมื่นล้านบาท และสามารถสะสางหนี้จนสิ้นสุดเมื่อปี 2545
วิกฤตการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ได้เรียนรู้ เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ดังเช่นผลประกอบการล่าสุด ณ ไตรมาส 1/2558 ที่มีรายได้ถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ทว่ามีตัวเลขขาดทุนถึง 509.60 ล้านบาท จากการตั้งสำรองหนี้สูญของบริษัทย่อย ITD Cem ในประเทศอินเดียที่ 569 ล้านบาทและขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 113 ล้านบาท ซึ่งหากไม่มีรายการพิเศษดังกล่าวจะมีกำไรปกติที่ 172 ล้านบาท
ถึงแม้ว่า ผลงานตัวเลขของ ITD อาจจะไม่เบ่งบาน แต่ด้วยความพร้อมของ ITD ในหลายๆ ด้านยังพยุงให้เดินหน้าต่อไปทั้งในประเทศและต่างแดน โดยปัจจุบันมีโครงการเด่นๆ ได้แก่ เหมืองถ่านหิน Mai Khot ในเมียนมาร์, โรงงานอลูมิเนียม สปป.ลาว
ผลการดำเนินงานของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์
ข้อมูล: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2558
สำหรับโครงการของภาครัฐที่คาดการณ์ว่าจะเห็นขั้นตอนการประมูลเกิดขึ้นในปี 2558 และมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการก่อสร้างเกิดขึ้นในปี 2559 ได้แก่ งานรถไฟฟ้า 3 สายคือ สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และ สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี)
งานรถไฟทางคู่ คือ 1.โครงการคลอง 19-แก่งคอย 2. โครงการ ถนนจิระ-ขอนแก่น 3. โครงการประจวบ-ชุมพร งานกรมทางหลวงโครงการมอเตอร์เวย์เส้นทางพัทยา –มาบตาพุด และงานสุวรรณภูมิเฟส 2 โดยรวมมูลค่าโครงการที่เราคาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่ที่ 2.8 แสนล้านบาท และคาดว่าการประมูลโครงการก่อสร้างที่เกิดขึ้น จะมีส่วนทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างนับจากนี้เกิดการตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง
จากโครงการมหาศาลดังกล่าว ทำให้ ธริศา ชัยสมุทรโยธิน ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท หลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด มองว่า การเกิดขึ้นของโครงการต่างๆ ดังกล่าวจะสร้างงานในมือให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่แต่ละแห่งระหว่างปี 2558 ถึง 2559 ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท “ภายใต้สมมุติฐานแบบ conservative ว่าเกิดงานจริงเพียง 50% และความสำเร็จของการประมูลจากงานที่เกิดขึ้นประมาณ 20%” ธริสากล่าว
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกของการรับงานอาจยังไม่ส่งผลต่อการเติบโตที่เด่นชัดในปี 2558 เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของการประมูล ทำให้กลุ่มผู้รับเหมายังไม่สามารถดำเนินงานและรับรู้รายได้จากโครงการที่เกิดขึ้นใหม่ได้ทัน แต่คาดว่าหลังความสำเร็จของงานที่ประมูลได้ จะส่งผลต่อผลประกอบการของกลุ่มจะเติบโตเด่นในปี 2559 ถึง 2560 เป็นต้นไป
เมื่อเปรียบเทียบข้อได้เปรียบของ ITD ในปัจจุบันนั้น ธริศา เห็นว่าจุดเด่นอยู่ที่การเป็นผู้นำและโอกาส “คาดว่างบประมาณที่ใกล้ออกมาเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้รับเหมา โดยเฉพาะรายใหญ่ อย่าง ITD ซึ่งจะสนับสนุนงานในมือของ ITD ให้เพิ่มขึ้นรองรับรายได้ในอนาคต”
อ่านฉบับเต็ม "ITD หนึ่งในเจ้าสังเวียนก่อสร้างไทย เสือซุ่มรอตะครุบโครงการรายได้งาม" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ AUGUST 2015