นินจาแวน เปิดตัว 3 ผู้บริหารหญิง ชิงตลาดอีคอมเมิร์ซเต็มตัว เตรียมงบลงทุน 100 ล้านบาท ขยายจุดบริการ 200 แห่งทั่วประเทศ หลังปีที่ผ่านมา เติบโต 300% ตั้งเป้าขึ้นผู้นำตลาดขนส่งในประเทศไทย ชูกลยุทธ์ 3C มัดใจลูกค้า
นินจาแวน ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากประเทศสิงคโปร์ ที่เพิ่งระดมทุนรอบซีรีส์ E ด้วยมูลค่า 578 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 19,324 ล้านบาท เงินลงทุนดังกล่าวเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของบริษัทรองรับการขยายตัวธุรกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีอัตราการเติบโตร้อยละ 300 ในปีที่ผ่านมาข้อมูลสำคัญ:
- Ninja Van สิงคโปร์ ระดมทุนรอบซีรีส์ E ด้วยมูลค่า 578 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 19,324 ล้านบาท
- ปี 2565 ตั้งเป้าธุรกิจเติบโต 200 เปอร์เซ็นต์
- ทุ่มงบ 100 ล้านบาทการทำการตลาดสร้างแบรนด์
- Ninja Van ให้บริการในประเทศ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และประเทศไทย
พร้อมเปิดตัว 3 ผู้บริหารหญิงเพื่อรุกตลาดประเทศไทยนำโดย นริศรา คงเจริญสุขยิ่ง Head of Commercial บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทยเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง เนื่องจากตลาดอีคอมเมิร์ช มีการเติบโตสูงมากอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโตในอัตราเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ต่อปี ที่ผ่านมา นินจาแวนเน้นกลุ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นมาร์เก็ตเพลส เช่น ช้อปปี้ ลาซาด้า ในปีที่ผ่านมาได้ขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มที่เป็น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หรือที่เรียกว่า Social sellers มากขึ้น และสร้างการรู้จักในกลุ่มลูกค้าทั่วไปด้วยส่งผลต่อการเติบโตของบริษัทฯถึงร้อยละ 300 และในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตอีกร้อยละ 200 “ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เรียกว่าเป็น ”เรด โอเชี่ยน (Red Ocean)” แต่ก็มีอัตราการเติบโตสูง ดังนั้น ความท้าทายในการทำงานด้านนี้ จึงเน้นหนักไปในเรื่องการสร้างเครือข่าย สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางการค้า คู่ค้าและลูกค้าเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการยอมรับ สามารถนำบริการของเราให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเราได้กว้างขวางยิ่งขึ้น” นริศรากล่าว
ทุ่ม 100 ล้านสร้างแบรนด์
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี จะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายเครือข่าย และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเน้นเปิดจุดให้บริการทั้งภาคเหนือ ใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 200 จุด และเปิดให้บริการแบบ 365 วัน พร้อมลงทุน 100 ล้านบาทในการทำการตลาด สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากขึ้น กมลลักษณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา Communications Manager ผู้บริหารหญิงที่มีประสบการณ์ด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์มากว่า 10 ปี กล่าวว่า การสื่อสารและการสร้างแบรนด์ เป็นสิ่งท้าทายต่อแบรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ต้องถือว่านินจาแวนเป็นบริษัท Start Up ที่เกิดใหม่ในประเทศไทย แม้ว่าเราจะอยู่ในอุตสาหกรรมนี้และเป็นผู้นำบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ตาม “จึงมีความจำเป็นที่ต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยได้รู้จัก เชื่อมั่นและเชื่อถือศรัทธาในแบรนด์และการทำงานของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจนี้มีจำนวนคู่แข่งสูงมาก ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในแบรนด์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง” กมลลักษณ์กล่าว สำหรับแนวทางการทำงานจึงเน้นในเรื่อง “3 C” คือ Confidence Creativity และ Consistency ที่สำคัญที่สุด คือ เราต้องมั่นใจ (Confidence) ทั้งในความสามารถที่เรามีและในงานที่ทำ เพื่อจะได้นำประสบการณ์และความรู้ที่มีมาบริหารจัดการให้ก้าวผ่านความท้าทายต่างๆ ที่มีอยู่และทำให้สำเร็จได้ และแน่นอนที่สุดต้องอาศัย ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ผลิตชิ้นงานและเครื่องมือสื่อสารให้เตะตา โดนใจ ให้คนพูดถึงแบรนด์อย่างกว้างขวางให้ได้ ท้ายสุด คือ เราเน้นการทำงานที่ต่อเนื่อง (Consistency) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความมั่นใจ ต้องรู้จักบริหารเนื้อหาที่จะสื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เห็นตัวตน ข้อดีของแบรนด์และประโยชน์ที่เค้าจะได้รับจากการใช้แบรนด์ของเราพร้อมด้วยศักยภาพด้านการเงิน
พรนิภา เต่าทอง Head of Finance ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานด้านบริหารการเงินการลงทุนมากว่า 10 ปี ได้ให้แนวคิดการทำงานด้านการเงินการลงทุน ว่า บริษัทแม่นินจาแวน ประเทศสิงคโปร์ เพิ่งระดมทุนรอบซีรีส์ E ด้วยมูลค่า 578 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 19,324 ล้านบาท เงินลงทุนดังกล่าวเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของบริษัทรองรับการขยายตัวธุรกิจในภูมิภาค “บทบาทสำคัญในหน้าที่นี้ คือการทำให้เป้าหมายการเติบโตของบริษัทฯที่กำหนดไว้เป็นไปอย่างราบรื่นไม่สะดุด ในปีที่ผ่านมาเราเติบโตมากกว่า 300 เปอร์เซนต์ และในปีนี้เราตั้งเป้าหมายเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 200 เปอร์เซ็นต์ เราต้องมีการบริหารจัดการในองค์รวม เพราะการปฏิบัติการทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการบริหารจัดการด้านการเงินการลงทุนทั้งนั้น ทั้งการบริหารทรัพยากรในองค์กร เงินทุน เทคโนโลยี รวมถึงบุคลากรด้วยเพื่อให้สามารถรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ให้ไปในทิศทางเดียวกัน” พรนิภา กล่าวว่า นินจาแวน เป็นบริษัทมัลติเนชั่นแนล ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในหลายประเทศทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนามและประเทศไทย โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน มีทิศทางการทำงานที่สอดคล้องกันทั้งภูมิภาค สิ่งที่ท้าทาย คือ ความสามารถควบคุมสถานการณ์การผันแปรของปัจจัยภายนอกให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบการทำงานบริษัท สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์ คือ ความผันผวนของราคาน้ำมัน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ หรือสถานการณ์โควิด-19 และมุ่งแข่งขันในเชิงคุณภาพที่นำมาซึ่งประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นหลัก ถือเป็นการขยับแนวรุกที่น่าสนใจของนินจาแวน ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ดุเดือด โดยชูผู้บริหารหญิงในการบุกตลาด “การขับเคลื่อนองค์กรให้ไปสู่เป้าหมายของบริษัทฯ นั้นไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศ ขอเพียงได้รับโอกาสและใช้โอกาสนั้นในการนำศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองออกมาและมุ่งมั่นทำให้ดีที่สุดเท่านั้น” นริศรากล่าวทิ้งท้ายว่า อ่านเพิ่มเติม: เอสซีจี เคมิคอลส์ ปรับลุคแบรนด์ย้ำผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืนไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine