"9S Caliber" คือชื่อกลไกจักรกลที่ Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) แบรนด์นาฬิกาลักซ์ชัวรี่ชั้นนำระดับโลก สัญชาติญี่ปุ่นมีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี ออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ เปิดตัวเมื่อปี 1998 ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ของจุดเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการผลิตนาฬิกากลไกจักรกลของ Grand Seiko
นับเป็นมาตรฐานของประสิทธิภาพความเที่ยงตรงใหม่ ‘Grand Seiko Standard’ ถูกกำหนดขึ้น โดยเป็นระดับที่เหนือกว่ามาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในอุตสาหกรรมวงการนาฬิกามานานกว่า 25 ปี ในโอกาสนี้ Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) จัดงาน The World of Grand Seiko ฉลองครบรอบ 25 ปี Grand Seiko 9S Caliber พร้อมเปิดตัว Grand Seiko Pop Up Store ณ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ซึ่งถูกตกแต่งในคอนเซ็ปต์ที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของแบรนด์ คือ ALIVE IN TIME และเรือนนาฬิกา ดีไซน์งดงามเหนือกาลเวลา ผ่านความประณีตของคราฟส์แมนชิพญี่ปุ่นที่ผสานนวัตกรรมสุดล้ำเพื่อให้ได้เรือนเวลาที่เที่ยงตรง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ รวมถึงการออกแบบหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบสตูดิโอ Shizukuishi (ชิสุกุอิชิ) ของ Grand Seiko สถานที่ที่นาฬิกากลไกจักรกลของ Grand Seiko ทุกเรือนถูกรังสรรค์ขึ้น ท่ามกลางแขกรับเชิญคนพิเศษ อาทิ ลุค - อิชิคาว่า พลาวเดน, ต่อ - ธนภพ ลีรัตนขจร และเหล่าเซเลบริตี้คนรักนาฬิกา อาทิ จูน - สาวิตรี โรจนพฤกษ์, โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร โดยมี อากิระ ซากาอิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก ประเทศไทย จำกัด และ ปวริศร์ เอี่ยมเอกพัฒนา Luxury Group Director บริษัท ไซโก ประเทศไทย จำกัด ให้การต้อนรับ ณ Grand Seiko Pop Up Store คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เมื่อวันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566
อากิระ ซากาอิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก ประเทศไทย จำกัด เผยว่า Grand Seiko แบรนด์นาฬิกาลักซ์ชัวรี่ชั้นนำที่เน้นความเรียบหรูสไตล์ญี่ปุ่น โดยเผยโฉมนาฬิกาเรือนแรก ในปี 1960 ด้วยรูปทรงอันเรียบง่ายและสง่างาม แต่แฝงไปด้วยดีเทลในทุกมิติของทุกชิ้นงาน ซึ่งเป็นรูปแบบ Grand Seiko Style สำหรับ 9S Caliber กลไกที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดซึ่งเปิดตัวในปี 1998 เป็นตัวแทนแห่งการแสวงหาความเที่ยงตรงแม่นยำระดับสูงอย่างไม่สิ้นสุดของ Grand Seiko และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคใหม่ในการผลิตนาฬิกาจักรกลของแบรนด์ ในปีเดียวกันนั้นเอง มาตรฐาน ‘Grand Seiko Standard’ ได้ถูกนิยามขึ้นใหม่โดยยกระดับมาตรฐานในการผลิตนาฬิกาของแบรนด์ และกำหนดระดับประสิทธิภาพขึ้นใหม่ซึ่งเหนือกว่ามาตรฐานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกา ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่ 9S Caliber รูปแบบแรกได้ถูกพัฒนาขึ้นมาสู่การเป็นซีรีส์กลไกที่สมบูรณ์แบบด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย
และอีกหนึ่งประวัติศาสตร์บทใหม่ของ Grand Seiko กลไกโครโนกราฟจับเวลาชนิดจักรกลระดับความซับซ้อนสูงแบบแรกด้วยกลไก ไฮ-บีท ทำงานที่ความถี่ 10 ครั้งต่อวินาทีและมีพลังงานสำรองยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกา ณ ขณะนี้ ชื่อ Tentagraph (เทนทากราฟ) โดย “TEN” (เทน) มาจากความถี่การทำงาน 10-บีท “T” (ที) มาจากการมอบพลังงานสำรองได้นานถึง 3 วัน แม้ในขณะที่กลไกจับเวลาทำงานอยู่ “A” (เอ) มาจากการเป็นกลไกชนิดขึ้นลานอัตโนมัติ (ออโตเมติก) และ “Graph” (กราฟ) มาจากการเป็นกลไกโครโนกราฟ โดยสามารถจับเวลาที่ล่วงผ่านไปได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมง
ปวริศร์ เอี่ยมเอกพัฒนา Luxury Group Director บริษัท ไซโก ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึง Grand Seiko Pop Up Store ณ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กล่าวว่า Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) เป็นแบรนด์นาฬิกาไฮเอนด์หนึ่งเดียวที่ผลิตจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศในเอเชีย แต่สามารถสร้างสรรค์นาฬิกาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกโดยเฉพาะความเที่ยงตรงระดับที่เหนือกว่ามาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในวงการนาฬิกานาฬิกาทุกเรือนของแกรนด์ ไซโก สะท้อนความประณีตของงานคราฟส์แมนชิพญี่ปุ่น
โดยเฉพาะ การขัดเงาแบบซารัตสึ ศิลปะแห่งการสร้างสรรค์ เทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยเป็นศิลปะที่มีรากฐานมาจากการตีดาบ ซึ่งสำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วดาบไม่ได้เป็นเพียงแค่อาวุธเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งสวรรค์ที่จะมอบพลังให้ผู้ครอบครอง รวมถึงเป็นผลงานศิลปะอย่างหนึ่ง จากจุดเด่นที่แตกต่างของ แกรนด์ ไซโก ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจุบันการท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยก็เริ่มเดินทางเที่ยวต่างประเทศ
ดังนั้นเพื่อเอื้ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติจึงได้เปิด Grand Seiko Pop Up Store ณ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ในคอนเซ็ปต์ The World of Grand Seiko พร้อมกับจัดแสดงเรือนเวลารุ่นไฮไลต์ เพื่อฉลองครบรอบ 25 ปี Grand Seiko 9S Caliber และตอกย้ำถึงความประณีตของคราฟส์แมนชิพญี่ปุ่น อย่างการขัดเงาแบบซารัตสึ ดีไซน์เหนือกาลเวลา ผสานนวัตกรรมสุดล้ำเพื่อให้ได้เรือนเวลาที่เที่ยงตรง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ รวมถึงความสมูทของการเดินเข็มวินาทีที่ถูกขนานนามว่า เข็มสะกดวิญญาณ ผ่านเรือนเวลา 3 รุ่นไฮไลต์ ได้แก่ Grand Seiko Evolution 9 Collection Tentagraph: SLGC001 ซีรีส์นาฬิกาสปอร์ตจากคอลเลกชั่น Evolution 9 เพิ่งเปิดตัวไปที่งานแสดงนาฬิกา Watches and Wonders Geneva 2023 (วอตเชส แอนด์ วอนเดอร์ เจนีวา 2023)
โดยเรือนเวลา Grand Seiko Evolution 9 Collection Tentagraph ขับเคลื่อนด้วยกลไกโครโนกราฟจับเวลาชนิดจักรกลแบบแรกด้วยความถี่ 10-บีท ที่มีพลังงาน สำรองได้ถึง 3 วัน ซึ่งยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกาในปัจจุบัน ภายใต้ชื่อ Tentagraph (เทนทากราฟ) ขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 9SC5 กลไกคาลิเบอร์ใหม่ มาในดีไซน์สปอร์ตที่ได้รับการปรับปรุงอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับลักษณะการใช้งานที่มีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอและการอ่านค่าที่ง่ายในขณะเคลื่อนไหว ภายใต้แนวคิด GIFTS FROM NATURE. Feel the real nature on your wrist ของขวัญจากธรรมชาติสู่ข้อมือ ตัวเรือนและสายไทเทเนียมชนิดความหนาแน่นสูง ซึ่งเบาและต้านทานต่อการขีดข่วนได้มากกว่าสเตนเลสสตีล ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ วงขอบตัวเรือนถูกสร้างขึ้นจากเซรามิกที่ต้านทานต่อการขีดข่วนได้ รูปแบบหน้าปัดของนาฬิกาสะท้อนความยิ่งใหญ่ของภูเขาอิวาเตะ ยอดเขาสูงตระหง่านที่มองเห็นได้จากสตูดิโอ Shizukuishi (ชิสุกุอิชิ) ของ Grand Seiko ซึ่งสอดคล้องกับหลักการออกแบบของแบรนด์
อีกหนึ่งรุ่นไฮไลต์ Grand Seiko Evolution 9 Collection White Birch: SLGH005 นาฬิกากลไกความถี่สูงที่ขับเคลื่อนด้วยชุดกลไก คาลิเบอร์ 9SA5 ที่เที่ยงตรง +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน มาพร้อมกับดีไซน์ที่สะท้อนมุมมอง ALIVE IN TIME โดยแกรนด์ ไซโก รุ่นนี้ได้รับ 2 รางวัล คือ GPHG สาขา “Men Watch Prize 2021” และรางวัล “Best of the Best” จากการประกวด Red Dot Design Award 2022 ในสาขา Product Design โดยการตัดสินของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ 48 ท่านจาก 23 ประเทศ
นาฬิกานี้โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่ายแต่งดงามในแบบฉบับ Grand Seiko Evolution 9 Style ที่เน้นวิวัฒนาการของความงาม ทั้งการตีความใหม่สู่ดีไซน์ที่เต็มไปด้วยดีเทล ทั้งเรื่องแสงและเงา การปรับขาตัวเรือนให้เข้ากับรูปลักษณ์ วัสดุที่ใช้และการตกแต่งให้เข้ากับยุคใหม่ การตกแต่งกระจกเงาและแฮร์ไลน์ ในขณะเดียวกันได้แสดงถึงวิวัฒนาการของความชัดเจนในการอ่านค่าอันเป็นสิ่งที่ Grand Seiko ให้ความสำคัญมาตลอด หน้าปัดของ White Birch มีลายผิวแบบเบิร์ชสีขาวที่โดดเด่นรวมความมีชีวิตชีวาของป่าต้นเบิร์ชสีขาวใกล้กับสตูดิโอใน Shizukuishi (ชิสุกุอิชิ) การดีไซน์ปลายของเข็มนาทีและเข็มวินาทีให้มีลักษณะแนวโค้ง เพื่อให้อ่านค่าได้ชัดเจนเมื่อมองจากมุมทแยง นอกจากนี้ยังแสดงถึงวิวัฒนาการของความสบาย อันเลอเลิศในการสวมใส่ด้วยการนำคาลิเบอร์ 9SA5 ซึ่งมีขนาดบางกว่าเครื่อง 9S คาลิเบอร์รุ่นก่อนมาใช้ ทำให้ตัวเรือนบาง สายข้อมือยังมีความกว้างและความหนาที่เหมาะสม โดยแต่ละข้อถูกทำให้สั้นลง 1 มิลลิเมตร เพื่อให้สวมใส่ได้สบายยิ่งขึ้น
Grand Seiko Kodo Constant-force Tourbillon สุดยอดความงดงามแห่งการรังสรรค์ที่เหล่าคนรักนาฬิกาอยากครอบครอง ผลิตเพียง 20 เรือนเท่านั้น โดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าปัดแบบเปลือย เป็นนาฬิการุ่นแรกของแบรนด์ที่รวมกลไก Constant force (คอนสแตนท์-ฟอร์ซ) และ Tourbillon (ทูร์บิญอง) ไว้ด้วยกัน นวัตกรรมนี้เป็นมากกว่าความสำเร็จทางเทคนิค เพราะเป็นการมอบระดับความแม่นยำที่สูงเป็นพิเศษพร้อมกับเสถียรภาพ โดยได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการตัดสินของเวที Grand Prix d’Horlogerie de Genève (กรังด์ ปรีซ์ ดอร์โลเฌรี เดอ เฌอเนฟ) ประจำปี 2022 ด้วยรางวัล ‘Chronométrie’ (โครโนเมทรี) โดย Kodo (โคโดะ) ซึ่งเป็นคำในภาษาญี่ปุ่น หมายถึงการเต้นของหัวใจนั่นเอง
ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี Grand Seiko 9S Caliber และชมความงดงามของเรือนเวลาจาก Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) แบรนด์นาฬิกาลักซ์ชัวรี่ชั้นนำระดับโลก สัญชาติญี่ปุ่นมีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี ได้ที่ Grand Seiko Pop Up Store ณ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ หรือ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.grandseikoboutiquethailand.com , Facebook: Grand Seiko Thailand official , Instagram: grandseikothailand, และ Line Official : Grand Seiko Thailand
อ่านเพื่มเติม : BEYOND โชว์ฟอร์มผลงานไตรมาส 1/2566 กวาดรายได้ทะลุ 817 ลบ. พลิกกำไร 2 ไตรมาสต่อเนื่อง
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine