บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ "BLC" หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วางยุทธศาสตร์ขยายกำลังการผลิตรองรับการรับจ้างผลิต (OEM) รุกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่อย่างน้อย 14 รายการ รับเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพเติบโตทั่วโลก เตรียมขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ปักธงดันรายได้เติบโต 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 ขณะที่ผลงานปี 2565 แข็งแกร่ง ทำรายได้จากการขาย 1,238.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้น BLC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นวันแรก (21 มิถุนายน 2566) ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 10.50 บาท นับเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงไปอีกขั้น จากความแข็งแกร่งด้านเงินทุนเพื่อรองรับการขยายการลงทุนเพื่อรองรับศักยภาพการเติบโตในอนาคต
บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายภายใน 5 ปี (ปี 2566-2570) มีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อปี และมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 ตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่ (New Generic Drugs) อย่างน้อย 14 รายการ ในกลุ่มยาที่มีอัตราการเติบโตสูง รองรับการก้าวสู่สังคมสูงอายุของประเทศไทย
โดยวางแผนการพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายวางจำหน่ายไม่น้อยกว่า 2 รายการต่อปี เพื่อรักษาอัตราเติบโตของรายได้และอัตรากำไรของบริษัทฯ มุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายจากช่องทางโรงพยาบาล จากการนำเสนอยาสามัญใหม่ของบริษัทฯ แก่โรงพยาบาลรัฐ และเอกชน และแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศที่เป็นเป้าหมาย ทั้ง CLMV และประเทศแถบตะวันออกกลาง รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย Modern trade และ E-commerce ขยายพอร์ตสินค้าอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มสินค้า (Portfolio Management) ทำให้ได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จากการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการทำกำไรและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ผมเชื่อมั่นว่า BLC มีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและยั่งยืน จากเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญทั่วโลก เราเป็นบริษัทยาของคนไทย ที่ก่อตั้งด้วยความตั้งใจอยากให้คนไทยเข้าถึงยาคุณภาพดี สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยาของประเทศไทย ด้วยการสร้างนวัตกรรมด้านสมุนไพร เพื่อสร้างการยอมรับในระดับโลก นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”

ภก.ศุภชัย สายบัว ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC กล่าวว่า บริษัทฯ ก่อตั้งศูนย์วิจัย BLC ขึ้นเพื่อศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบสนองต่อแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์สำหรับสังคมผู้สูงอายุ สังคมที่ใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง และมีอัตราการทำกำไรที่สูง เพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจให้กลุ่มลูกค้าด้วยการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตตามแผนงาน

ภก.สมชัย พิสพหุธาร ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2563 2564 และ 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,027.2 ล้านบาท 1,027.7 ล้านบาท และ 1,238.5 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 9.8% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวหลังจากวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ดีมานด์ของยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเพิ่ม Brand Awareness ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปริมาณการขายสินค้าของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิปี 2563 2564 และ 2565 อยู่ที่ 13.7 ล้านบาท 51.1 ล้านบาท และ 129.7 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโต 273% และ 153% จากปีก่อนตามลำดับ โดยกำไรสุทธิของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ และกำไรขั้นต้น รวมทั้งการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างกำไรให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

วสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ กล่าวว่า BLC เป็นบริษัทที่อยู่ในช่วงเติบโต และจะเป็นหุ้น Growth Stock ด้วยจุดเด่นการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ซึ่งมีความจำเป็นในการรักษาโรคครอบคลุมประชากรทั้งประเทศ และมีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร สามารถรองรับการเติบโตของเทรนด์ด้านสุขภาพในอนาคตจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
อีกทั้งมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากทุกกลุ่มลูกค้า โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนในการนำไปสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และรองรับการรับจ้างการผลิต (OEM) รวมถึงรองรับความร่วมมือจากพันธมิตรในอนาคต จึงมั่นใจว่า BLC เป็นหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตสูง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน
นอกจากนี้ BLC ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน โดยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม พร้อมทั้งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย จึงเชื่อมั่นว่า BLC จะเป็นหุ้นคุณภาพอีกหนึ่งตัวสำหรับนักลงทุนในตลาดทุนไทย

อ่านเพิ่มเติม : "สายการบินกาตาร์" เปิดตัวเครื่องบินเจ็ท Gulfstream G700
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine