AWC เปิด “The Empire Residence” Co-Living ในตึกเอ็มไพร์เอาใจผู้เช่า รวม Live, Play, Share, Work ไว้ในที่เดียว - Forbes Thailand

AWC เปิด “The Empire Residence” Co-Living ในตึกเอ็มไพร์เอาใจผู้เช่า รวม Live, Play, Share, Work ไว้ในที่เดียว

หนึ่งในธุรกิจที่เผชิญความท้าทายตั้งแต่ยุคโควิดระบาดเป็นต้นมา คือธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า เมื่อเทรนด์การทำงานเปลี่ยนไป ผู้คนทำงานจากที่ไหนก็ได้ ความจำเป็นในการเข้าออฟฟิศน้อยลง หลายบริษัทจึงไม่เช่าออฟฟิศถาวร นั่นทำให้บริษัทอาคารสำนักงานให้เช่าหลายแห่งต้องปรับตัว และล่าสุดคือ AWC ที่เปิดตัว “The Empire Residence” Co-Living Space ในตึกเอ็มไพร์ที่ไม่เหมือนที่ไหนในอุตสาหกรรมอาคารสำนักงาน บูรณาการการทำงานและการใช้ชีวิต (Work-Life Integration)


    วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นมิติใหม่ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในการรวมประสบการณ์บ้าน-โรงแรม-อาคารสำนักงาน เข้าเป็นรูปแบบ Co-Living Collective: Empower Future ในการเพิ่มพลังการใช้ชีวิตและการทำงาน และเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ประเทศไทยตอบโจทย์ Workplace Destination

    โดย AWC เปิดมาตรฐานใหม่ The Empire Residence พื้นที่บ้านให้กับทุกคนในอาคารเอ็มไพร์ ได้เชื่อมต่อประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตในหลากหลายไลฟ์สไตล์อย่างครบครัน โดยการสร้างล็อบบี้เลานจ์ พื้นที่ใหม่เพื่อการพบปะสังสรรค์ตั้งแต่ Cafe Pittore ร้านคาเฟ่ชั้นล็อบบี้ที่ให้บริการระดับโรงแรมหรู เปิดบริการอาหารและเครื่องดื่มถึงเที่ยงคืน และเปิดพื้นที่นั่งพักและพบปะกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ไปจนถึง EA Rooftop at The Empire จุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มบนรูฟท็อปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


    โดยทั้งหมดนี้เป็นไปตามแนวคิด Co-Living Collective: Empower Future ของอาคาร “เอ็มไพร์” ที่สร้างสรรค์เพื่อรองรับเทรนด์อนาคตในการผสมผสานการทำงานและการใช้ชีวิตเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ให้ผู้เช่าสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกันภายในอาคาร เพิ่มพื้นที่ทำงานที่สร้างความสุข

    ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อองค์กร ผู้คน และชุมชน เข้าด้วยกัน สู่การเป็นอีโคซิสเต็มแห่งการเรียนรู้และแบ่งปัน เพื่อการใช้พื้นที่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน หรือ Sustainable Living รวมถึงช่วยเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์ความต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคตขององค์กรชั้นนำระดับโลกที่กำลังมองหาออฟฟิศยุคใหม่ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางขององค์กรและพนักงานจากทั่วโลก”


    สำหรับ “The Empire Residence” ตั้งอยู่บนชั้น 53 ของอาคาร “เอ็มไพร์” ด้วยพื้นที่แบบ Co-Living กว่า 1,500 ตร.ม. ที่มีขนาดใหญ่และไม่เหมือนที่ไหนในอุตสาหกรรมอาคารสำนักงานในประเทศไทย พร้อมด้วยวิวอันงดงามของกรุงเทพฯ จากมุมสูง ที่เปิดโอกาสให้ผู้เช่าทุกรายสามารถเข้าถึงพื้นที่สร้างสรรค์แห่งนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ในการบูรณาการชีวิตและการทำงานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัยผ่าน 4 องค์ประกอบของการใช้ชีวิตมาไว้ในที่เดียว ประกอบไปด้วย

    -Live - “Ploen Room” พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับทุกคนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ ทั้งการแสดงสินค้า โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก และห้องซ้อมเต้น รวมถึง “Eatery Bar” พื้นที่รับประทานอาหารพร้อมห้องครัวส่วนกลาง ที่ทุกคนสามารถมารวมตัวเพื่อแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน “Drink Bar” เติมเต็มชั่วโมงแห่งความสุขหลังเลิกงานพร้อมด้วยวิวคุ้งน้ำบางกระเจ้ายามเย็น และ “Live Lounge” พื้นที่เลานจ์สังสรรค์ในบรรยากาศห้องนั่งเล่นสำหรับการพักผ่อน

    -Play – “Karaoke Room” บอกลาความเหนื่อยล้าและผ่อนคลายไปกับเสียงดนตรีที่ห้องคาราโอเกะ รวมถึง “Game Room” พื้นที่แห่งความสนุกสนานและความบันเทิงกับเครื่องเล่นวิดีโอเกม และกิจกรรมสันทนาการที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปด้วยกันกับเพื่อนร่วมงาน “Kids’ Room” พื้นที่ที่ผู้ปกครองสามารถให้ลูกๆ มาพักผ่อนนั่งรอหลังเลิกเรียนได้อย่างไร้กังวล “Own Time” ห้องโยคะและฝึกสมาธิสำหรับใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และ “Pets Room & Pets Bedroom” พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงแสนรัก ไม่ว่าจะเป็น ที่นั่ง อ่างน้ำ เฟอร์นิเจอร์ และพื้นที่วิ่งเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง



    -Share – “Mini Gym” พื้นที่ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอด้วยลู่วิ่งแบบอินเทอร์แอคทีฟเพื่อคนรักสุขภาพ รวมถึง “Nap Lounge” เลานจ์สำหรับการพักผ่อน ในบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย เพื่อการชาร์จพลังในระหว่างวัน และ “Gents Room & Girls Room” ห้องล็อกเกอร์สำหรับชาย หญิง พร้อมสัมผัสประสบการณ์การอาบน้ำด้วยเทคโนโลยีวารีบำบัดเพื่อเพิ่มความสดชื่น รวมถึงห้องซาวน่า และห้องสตีม หรือ อบไอน้ำ

    -Work – “Sook Room, Sanook Room, Saran Room & Mini Zone” ห้องประชุมหลากหลายขนาดตั้งแต่ห้องส่วนตัวขนาดเล็กไปจนถึงห้องประชุมขนาดใหญ่เพื่อรองรับทุกความต้องการ พร้อมรองรับการจองห้องประชุมล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน “Pikul” รวมถึงพื้นที่ “Team Zone” นำเสนอพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือร่วมกันผ่านสายงานที่หลากหลาย รวมถึงการจัดสัมมนา และ “Peace Lounge” พื้นที่ทำงานอันเงียบสงบในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย ผ่อนคลาย เพื่อมุ่งความสนใจให้กับการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    อาคาร “เอ็มไพร์” ยังได้เปิดให้บริการร้าน “Cafe Pittore” ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่สไตล์อิตาเลียนที่นำเสนอกลิ่นอายในแบบเอเชีย ตั้งอยู่บริเวณชั้น G ในรูปแบบล็อบบี้เลานจ์ที่เปิดให้บริการแก่ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน จึงเป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมสำหรับการนัดประชุมงาน พักผ่อน หรือนั่งทำงานระหว่างวันในบรรยากาศชวนผ่อนคลาย พร้อมนำเสนอบริการอาหารและเครื่องดื่มที่เรียบง่ายด้วยการบริการระดับโรงแรม

    นอกจากนั้น อาคาร “เอ็มไพร์” ยังได้เริ่มเปิดพื้นที่ “EA Rooftop at The Empire” จุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มบนรูฟท็อปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 55-60 ของอาคาร ซึ่งประกอบไปด้วย “EA Gallery” ชั้น 55 แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ร้านอาหารและคาเฟ่กับทัศนียภาพที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ ที่ทยอยเปิดร้านคาเฟ่และร้านอาหารตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 และจะเปิดเต็มรูปแบบในไตรมาสแรกปี 2567



    และ “EA CHEFS TABLE” ชั้น 56 ห้องอาหารไทยบนรูฟท็อปแห่งแรกและห้องอาหารจีนที่อยู่สูงที่สุดในไทยที่สร้างสรรค์โดยเชฟมิชลินสตาร์ โดยเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร และเชฟวิคกี้ เชง และ “Nobu Bangkok” ชั้น 57-58 และ “Nobu Bangkok Rooftop Bar” ชั้น 60 ห้องอาหารและบาร์ภายใต้แบรนด์ Nobu ที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงยังเป็นห้องอาหาร Nobu แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้กับลูกค้าและพนักงานภายในอาคารเอ็มไพร์ได้อย่างครบวงจร ภายในไตรมาสสามปี 2567 เช่นกัน

    อาคาร “เอ็มไพร์” เปิดตัว Co-Living ที่ไม่เหมือนที่ไหนในอาคารสำนักงานในประเทศไทยให้ผู้เช่าในวันนี้ พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์จาก “AWC Infinite Lifestyle” (AWI) และแอปพลิเคชัน “Pikul” ซึ่งเชื่อมโยงผู้เช่าและนักเดินทางเข้ากับเครือข่ายทั้งหมดของกลุ่มโรงแรมและหรือห้องอาหารในเครือ AWC ที่ลูกค้าจะสามารถ เพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันทั้ง “Office-Home-Hotel-Retail” ได้อย่างไร้รอยต่อในสัมผัสเดียว ไม่ว่าจะเป็น การเข้าอาคาร การจองห้องประชุม และข้อเสนอสุดพิเศษต่างๆ



    และอาคารยังเตรียมเพิ่มบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย อาทิ บริการนำรถไปจอด (Valet Parking) เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ (Drop-off Concierge) บริการ Room Service และแผนกต้อนรับลูกค้า (Guest Reception)


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เตรียมเปิด SCOPE Thonglor คอนโดฯ หรูที่ทุกยูนิตคือ “เพนต์เฮาส์” เคาะราคา 180 ล้านบาท/ยูนิต

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine