‘อสังหาภูเก็ต’ บูมต่อ โดยเฉพาะตลาดลักชู ‘เครือแอสเสทไวส์’ เปิด 4 โครงการใหม่มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท - Forbes Thailand

‘อสังหาภูเก็ต’ บูมต่อ โดยเฉพาะตลาดลักชู ‘เครือแอสเสทไวส์’ เปิด 4 โครงการใหม่มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตยังร้อนแรงโดยเฉพาะตลาดลักชัวรี หลังต่างชาติยังมีดีมานด์เข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ‘ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้’ (TITLE) ในเครือแอสเสทไวส์ เปิด 4 โครงการใหม่ในภูเก็ต มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท ปักหมุดทำเลบางเทา-กะตะ-ราไวย์


    แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ จังหวัดจะไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่กับ ‘ภูเก็ต’ ที่นับตั้งแต่หลังโควิดคลี่คลาย ตลาดอสังหาฯ ของจังหวัดที่เป็นไข่มุกแห่งอันดามันนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดลักชัวรีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีกำลังซื้อของต่างชาติเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก จนดีเวลอปเปอร์ทั้งในท้องถิ่นและจากกรุงเทพฯ เข้าไปเปิดโครงการใหม่เจาะตลาดนี้กันเพียบ

    พัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล เลขาธิการ และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตปี 2567 ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ ส่งผลให้กำลังซื้อของคนในพื้นที่แข็งแกร่งขึ้น เช่นเดียวกับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย

    “ชาวต่างชาติที่เข้ามาในภูเก็ตมักมองหาที่อยู่อาศัยที่ต้องการเป็นบ้านหลังที่ 2 โดยเฉพาะกลุ่มรัสเซียที่หนีปัญหาการเมืองและสงคราม เกิดเป็นกระแสอสังหาฯ ภูเก็ต จนทั่วโลกก็เริ่มโฟกัสตลาดนี้มากขึ้น และนั่นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ของความต้องการที่อยู่อาศัยที่ชิฟต์ไปสู่ตลาดลักชัวรีมากขึ้น จนทำให้ราคาที่ดินในภูเก็ตเพิ่มขึ้นประมาณ 1 เท่าตัว ขณะที่ดีเวลอปเปอร์ต่างก็มุ่งพัฒนาโครงการเจาะตลาดลักชัวรีกันเพิ่มขึ้น”

    โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมในภูเก็ตทั้งหมด มูลค่ารวมประมาณ 33,730 ล้านบาท หรือขยายตัวขึ้นราว 7.1% เมื่อเทียบกับปี 2566

    ด้านยอดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งแรกปี 2567 มีจำนวน 4,497 หน่วย ขยายตัวขึ้น 259.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีมูลค่าทั้งหมดราว 40,190 ล้านบาท เติบโตขึ้น 799% ซึ่งทำเลที่มียอดขายใหม่โดดเด่นมากที่สุดคือ “หาดบางเทา-หาดสุรินทร์” จำนวน 2,202 หน่วย หรือคิดเป็น 48.97% ของจำนวนหน่วยยอดขายใหม่ทั้งหมด


    กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นเมืองน่าอยู่ระดับโลกที่ยังมีศักยภาพอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการพัฒนาเมืองทั้งทางด่วนใหม่และการขยายสนามบินเพิ่มเติม กล่าวคือยิ่งถ้าเพิ่มศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานได้ ก็จะเพิ่มศักยภาพของเมืองได้อีกมาก

    “สถานการณ์โลกตอนนี้มีการสู้รบกันในหลายประเทศ ทำให้ต่างชาติต้องการหนีสงครามมาอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะที่กำลังซื้อคนไทยเริ่มอ่อนแรงลง อีกทั้งการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยทำให้เก็บภาษีได้น้อยลง แต่ไทยยังมีศักยภาพที่จะดึงดูดคนที่มีความมั่งคั่งจากต่างชาติ จะทำอย่างไรให้เรามีรายได้จากต่างชาติเพิ่มขึ้น”


กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์


    กรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากที่บริษัทมองเห็นศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้าขยายทำเลพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ผ่านการเข้าถือหุ้นสัดส่วน 67.94% ในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไทเทิล” (THE TITLE) ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 12 ปี

    โดย TITLE มีโครงการที่อยู่อาศัยกระจายอยู่ตามทำเลศักยภาพ 3 ทำเล คือ บางเทา ในยาง และราไวย์ ซึ่งเป็น Strategic Locations ที่โดดเด่นทั้งด้านการเดินทาง ความงดงามของธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการพักอาศัยระยะยาว (Long-Stay) และท่องเที่ยวระยะสั้น

    โดยแบรนด์ THE TITLE ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมยอดขายของ ASW มียอดขายสะสม 9 เดือนแรกปี 2567 ทั้งหมด 14,578 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนที่มาจาก TITLE คิดเป็น 43% ของยอดขายสะสม

    ทั้งนี้ ปัจจุบัน TITLE มี Backlog สะสมทั้งหมดราว 8,022 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 จากเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการอื่นๆ ต่อเนื่องจนถึงปี 2570


    จากความสำเร็จดังกล่าวและการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ล่าสุด ASW ได้ปรับแผนเปิดตัวโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต โดยเปิดโครงการใหม่รวม 4 โครงการ ซึ่งมากกว่าแผนที่วางไว้ มูลค่าโครงการทั้งหมด 15,500 ล้านบาท ได้แก่

    1.เดอะ ไทเทิล เชียโล่ ราไวย์ (THE TITLE CIELO RAWAI) มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจนมียอดขายถึง 90% หลังเปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์ โดย 3 อันดับต่างชาติที่เข้ามาซื้อโครงการนี้ ได้แก่ รัสเซีย, ยูเครน และยุโรปตามลำดับ


    2.เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) มูลค่า 6,200 ล้านบาท

    3.เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) มูลค่า 2,600 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในเดือนตุลาคมนี้

    4.คาตาเบลโล (KATABELLO) ในกะตะ มูลค่า 5,500 ล้านบาท มีแผนเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568

    ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าการปรับแผนดังกล่าวจะช่วยผลักดันยอดขายของโครงการในภูเก็ตช่วงไฮซีซันนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท

    ทั้งนี้ ปัจจุบัน ASW และ TITLE มีคอนโดมิเนียมที่พัฒนาร่วมกันทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวม 31,500 ล้านบาท


    “วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่า กลยุทธ์ Expand ขยายทำเลมายังภูเก็ต เป็นอีกหนึ่ง Key Success ที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับเครือแอสเซทไวส์ได้อย่างมั่นคงตามแผน The New Frontiers ที่เราประกาศไว้ แต่นอกเหนือจากมิติด้านการเติบโตแล้ว ASW และ TITLE ยังต้องการพัฒนาแบรนด์ THE TITLE ให้เป็นเสมือน Heaven Bestination จุดหมายปลายทางที่คนทั่วโลกอยากมาสัมผัสประสบการณ์และใช้ชีวิตด้วย เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ควบคู่กับการสร้างสรรค์ Community ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ภูเก็ตเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน” กรมเชษฐ์ กล่าว

    ด้าน เวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE กล่าวว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับ Strategic Locations อย่างบางเทา เนื่องจากเป็นทำเลที่มีความงดงามของหาดทรายสีขาวละเอียดทอดตัวยาวตัดกับน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ แต่ยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งร้านอาหาร แหล่งไลฟ์สไตล์ สถานศึกษา โรงพยาบาล และแหล่งกิจกรรมมากมาย รองรับความต้องการของทุกคนในครอบครัว

    และยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์ THE TITLE ที่พัฒนาอาคารที่พักอาศัยที่มีโซน “Pet-Friendly” ภายในโครงการ ตอบโจทย์คนรักสัตว์ ให้คนและสัตว์เลี้ยงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เพื่อให้โครงการ THE TITLE เป็น Heaven Bestination ของทุกคน

เวคิน ตั้งกุลวัฒน์


    สำหรับ “THE MODEVA” เป็นโครงการ Leisure Residences สูง 7 ชั้น จำนวน 6 อาคาร และ Pet-Friendly อีก 1 อาคาร รวม 859 ยูนิต บนพื้นที่ราว 15 ไร่ ใกล้หาดบางเทาเพียง 500 ม. ออกแบบภายใต้แนวคิด The Vibes of Pleasure สัมผัสความงดงามของธรรมชาติและหาดทรายบนทำเลดีที่สุดของบางเทา พร้อมมอบไลฟ์สไตล์เหนือระดับกับส่วนกลางระดับ World Class ใช้ชีวิตราวกับวันพักผ่อนได้ทุกวัน


    และห้องพัก Fully Fitted ทั้ง Simplex และ Duplex ให้เลือกถึง 11 รูปแบบ ขนาด 29-148 ตร.ม. และห้อง Penthouse ใหญ่สุด 148 ตร.ม. โดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางถึง 7,458 ตร.ม. ทั้งโซน Indoor กว่า 26 รายการ เช่น Business Lounge, Co-Kitchen, Health Center, Salon, Kid’s Club, Theater Room, Onsen


    และโซน Outdoor ถึง 33 รายการ อาทิ สระว่ายน้ำหลากฟังก์ชันขนาดใหญ่โอบล้อมทุกอาคาร, Hydrotherapy, Private Outdoor Living Lounge พร้อมโซนพิเศษ Pet Grooming และ Pet Zone ในอาคาร Pet-Friendly ราคาเริ่มต้น 4.1-18.7 ล้านบาท



    ขณะที่ “THE TITLE ARTRIO BANG-TAO” เป็นโครงการ Leisure Residences สูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร และ Pet-Friendly อีก 1 อาคาร รวม 435 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 6 ไร่ ติด Porto de Phuket ด้วยคอนเซปต์ Live Artfully, Where Creative Retreat Meets Style ถ่ายทอดความงามของศิลปะในทุกรายละเอียดของโครงการ


    ภายในอาคารมีห้องพัก Fully Fitted ทั้งแบบ 1 Bedroom แบบ 2 Bedroom และ Duplex ขนาด 28-132 ตร.ม. พร้อมส่วนกลางมากกว่า 41 รายการ ทั้ง Outdoor เช่น Feature Art Wall, Sculptural Playground, Waterfall, Floating Pool Terrace


    และ Indoor อาทิ Health Care, Live Studio, Library Lounge, Kid Space, Onsen, Boxing Area รวมถึงโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง Pet Grooming และ Pet Pool & Playground ในอาคาร Pet-Friendly ราคาเริ่มต้น 4.23-19.67 ล้านบาท

    นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ “The Esquire” ให้บริการด้าน Property Management ครอบคลุมทั้งทีมนิติบุคคลช่วยบริหารจัดการภายในโครงการ บริการจัดหาและประสานผู้เช่า บริการซักรีด และบริการทำความสะอาดภายในห้องพัก ช่วยดูแลทรัพย์สินและคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกคนภายในโครงการ THE TITLE เพื่อการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายในทุกมิติ




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แสนสิริ ปั้น 'TheSociety' โซเชียล สเปซ ลุยตลาดต่างชาติใน จ.ภูเก็ต ตั้งเป้าสู่ Global Brand ยอดขาย 15,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี พร้อมเป็นศูนย์กลางย่านเชิงทะเล-บางเทา

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine