เมื่อรสนิยมและสถานะทางสังคมถูกขับเน้นผ่านทำเลที่พักอาศัย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จึงทุ่มงบราว 8.5 พันล้านบาทพัฒนาโครงการ 98 Wireless ให้เป็น “แฟล็กชิพคอนโดมิเนียม” ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ของแสนสิริ บนที่ดินกว่า 2 ไร่ ถนนวิทยุ ก่อสร้างแล้วเสร็จและเผยโฉมไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมนี้ ด้วยความสูง 25 ชั้น ห้องพัก 77 ยูนิต พื้นที่ 120-950 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ย 580,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนบางยูนิตอยู่ที่กว่า 720,000 บาทต่อตารางเมตรนับเป็นราคาต่อตารางเมตรที่สูงสุดในไทยตอนนี้ โดยผู้ซื้อสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้ 100% (free hold)
อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการสำนักบริหาร ของแสนสิริ พูดถึงจุดแข็งของ 98 Wireless ว่า อยู่ที่ทำเลซึ่งเป็นสากล แวดล้อมด้วยสถานทูต อาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ จึงพัฒนาให้เป็นแฟล็กชิพคอนโดฯ ขณะนี้มียอดจองโครงการแล้วกว่าครึ่ง ส่วนมากเป็นลูกค้าชาวไทยซึ่งเป็นลูกค้าเดิม และบางส่วนเป็นลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น ฮ่องกง
เขากล่าวถึงแนวโน้มอสังหาฯ ซูเปอร์ลักชัวรี่ในเมืองไทยช่วง 2-3 ปีมานี้ว่า มีราคาพุ่งสูงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเทียบกับฮ่องกงและสิงคโปร์แล้ว ไทยมีราคาย่อมเยากว่าราว 1 ใน 4 พร้อมคาดทิศทางว่ากรุงเทพฯ จะเป็นจุดหมายที่สำคัญมากขึ้น ซึ่งแสนสิริมีแผนดึงลูกค้าชาวต่างชาติทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน จีน อเมริกาเหนือ อังกฤษ เป็นต้น ให้เข้ามาซื้อคอนโดฯ ในไทยที่มีทำเลเป็นเมืองท่องเที่ยวทั้งกรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ ฯลฯ ขณะนี้มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติที่ถือครองกรรมสิทธิ์ในคอนโดฯ เฉลี่ย 30% และต้องการจะเพิ่มให้ถึง 40%
“เราอาจสร้างโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ขึ้นอีก แต่ถ้าไปถึงระดับแฟล็กชิพคงไม่มีในช่วงนี้ เพราะต้องดูทำเลด้วย” อภิชาติกล่าวแล้วเสริมว่าปีนี้แสนสิริมี 19 โครงการใหม่และคาดการณ์รายได้รวมเติบโต 5-10% จากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ราว 3.44 หมื่นล้านบาท
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE เผยผลสำรวจ “คอนโดฯระดับไฮเอนด์” ในกรุงเทพฯ พบว่า มีราคาขายเฉลี่ย 247,000 บาทต่อตารางเมตร ปรับขึ้น 10.9% ต่อปี
ส่วนคอนโดฯ ที่มีราคาสูงกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร ที่บริษัทผู้พัฒนาเสนอขายก่อนการก่อสร้างจะแล้วเสร็จปัจจุบันเปิดขายอยู่ราว 17 โครงการ เพิ่มขึ้นจาก 2-3 ปีก่อนที่มีราว 2-3 โครงการ
ด้าน
บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่โดดเด่นของ
“คอนโดฯ ระดับไพรม์และซูเปอร์ไพรม์” ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านสุขุมวิท ลุมพินี และริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งเจริญนคร ผู้ซื้อส่วนใหญ่มีฐานะร่ำรวยและมีลูกค้าชาวฮ่องกงจำนวนมากให้ความสนใจ ปีนี้ตลาดดังกล่าวจะยังเติบโตโดยรวมมีราคาขายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับอัตราขายที่ช้าลง
ซึ่งโครงการระดับซูเปอร์ไพรม์ย่านสุขุมวิท ได้แก่ Khun by Yoo สุขุมวิท 55 โดยแสนสิริ และ Vittorio สุขุมวิท 39 โดยเอพี (ไทยแลนด์) ส่วนย่านลุมพินี ได้แก่ 98 Wireless โดยแสนสิริ และ 28 Chidlom โดยเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เมื่อดูข้อมูลราคาปี 2559 พบว่าย่านลุมพินีมีการเติบโตด้านราคาสูงสุดปีต่อปีอยู่ที่ 9.89% จากการเปิดตัว 2 โครงการดังกล่าว ส่วนย่านสุขุมวิทอยู่ที่ 8.1% ขณะที่บริเวณริมแม่น้ำและย่านสาทรอยู่ที่ 3.14% และ 2.78% ตามลำดับ
ดูเหมือนว่าแม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงแต่อย่างใด